หากเป็นในตลาดญี่ปุ่นถ้าจะพูดถึงเรื่องความหรูสำหรับ Toyota Crown แล้วคงไม่ยอมเป็นรองใคร แม้กระทั่ง Lexus อาจยังต้องก้มหัวให้พี่ใหญ่ อย่าง Toyota Crown เพราะมาทีหลัง (Lexus LS รุ่นแรกและ Toyota Crown Majesta ใช้พื้นฐานร่วมกัน) ศักดิ์ศรีจะเป็นรองก็เพียงแต่ Toyota Century เท่านั้น
ซึ่งในปัจจุบัน Toyota Crown นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 14 หากจะเทียบกับรถยุโรปในปัจจุบันก็คงจะต้องเปรียบกับ Mercedes-Benz E-Class หรือไม่ก็ BMW 5 Series ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2012 ได้เวลายกหน้าใหม่ดูสวยทันสมัยอีกครั้ง
ในระยะหลัง Toyota Crown จะแบ่งออกเป็น 3 รุ่นหลักคือ Crown Majesta ที่หรูหราอลังการมากที่สุด ส่วน Crown Royal จะเน้นความหรูหราสะดวกสบายในแบบปกติ และ Crown Athlete จะเน้นความหรูหราแบบสปอร์ต ซึ่งทั้ง 3 ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด
Toyota Crown Athlete 2016 ใหม่ ได้รับการปรับปรุงกระจังหน้าแบบ Striking mesh ที่ยกมุมมากกว่าเดิมและถูกลากลงไปจนสุดขอบชายกันชนด้านล่าง รวมถึงช่องดักลมสองข้างที่ถูกออกแบบใหม่ให้ดูเฉียงและใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อให้รถดูเตี้ย กว้าง ดุดันมากขึ้น นอกจากนี้ไฟหน้าใหม่เป็นแบบ Bi-Beam LED ที่สามารถเป็นทั้งไฟสูงและไฟต่ำได้ด้วยแหล่งจ่ายไฟเดียว รวมถึงไฟสำหรับวิ่งกลางวัน (DRL) มาให้ ส่วนไฟท้ายแบบวงแหวนมีขนาดใหญ่และเน้นให้มีมิติมากขึ้น
ห้องโดยสารภายในใช้สีดำประดับด้วยลายหินควอตซ์แทนลายไม้ทำให้ดูคล้ายกับงานศิลปะ หากเป็นรุ่น Turbo จะได้ห้องโดยสารตกแต่งด้วยสี Prussia Blue
Toyota Crown Royal 2016 ใหม่ ได้เปลี่ยนแปลงกันชนให้ดูหนาและออกแบบให้มีมิติมากขึ้น และคาดยาวด้วยช่องดักอากาศในแนวนอนใต้กระจังหน้าขนาดใหญ่แต่ดูสุขุมกว่า Crown Athlete ส่วนภายในรถประดับด้วยลายไม้ซึ่งสีที่ใช้สำหรับห้องโดยสารมีให้เลือกทั้งดำและน้ำตาล
สำหรับเครื่องยนต์เบนซินใหม่ล่าสุดแบบหัวฉีดตรงขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ที่ให้กำลัง 235 แรงม้า และแรงบิด 350 นิวตันเมตร ในรอบต่ำตั้งแต่ 1,650-4,400 รอบ/นาที ร่วมกับ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แต่จะมีให้ใช้เฉพาะ Toyota Crown Athlete โดยมีอัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 ของญี่ปุ่นที่ 13.4 กม./ลิตร
ในขณะที่เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตรธรรมดาและไฮบริด กับขนาด 3.5 ลิตร ไฮบริด จะมีให้เลือกทั้ง Crown Royal และ Athlete ส่วน Crown Majesta เหมือนเดิม จะมีเฉพาะไฮบริด 3.5 ลิตร ที่ให้กำลัง 338 แรงม้า
ไฮไลท์เด็ดที่พิเศษอีกหนึ่งอย่างและถูกนำมาใช้ครั้งแรกในโลกกับรถยนต์ที่จำหน่ายทั่วไปแต่สงวนไว้เฉพาะ Toyota Crown Majesta คือระบบ ITS Connect ที่ทำให้รถแต่ละคันที่ติดตั้งเทคโนโลยีนี้สื่อสารกันเองได้ รวมถึงสื่อสารกับระบบสัญญาณไฟจราจรด้วยความถี่ 760 Mhz เพื่อความปลอดภัยขณะสัญจรบนท้องถนน เช่น สามารถแจ้งเตือนขณะเลี้ยวขวาบริเวณทางแยกหากผู้ขับเคลื่อนรถออกโดยอาจมีรถสวนมา, การเตือนเพื่อป้องกันการฝ่าสัญญาณไฟจราจรและแจ้งเวลาที่เหลือในการเปลี่ยนสัญญาณไฟได้อีกด้วย
นอกจากนี้รถที่ติดตั้งระบบ ITS Connect ยังสามารถสื่อสารกันได้ด้วยโดยจะเพิ่มและลดความเร็วอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่างกับรถคันอื่น ๆ ได้อย่างเหมาะสม และระบบดังกล่าวยังสามารถแสดงตำแหน่งของรถได้ในกรณีฉุกเฉินไปยังรถพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้อีกด้วย
สำหรับ Toyota Crown Majesta รุ่นสูงสุด F Version ในญี่ปุ่นตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 2.23 ล้านบาท ส่วนรุ่น Toyota Crown Royal รุ่นสูงสุด G Four ราคา 1.89 ล้านบาท และ Toyota Crown Athlete รุ่นสูงสุด G Four ตั้งไว้ที่ 1.92 ล้านบาท ส่วนรุ่น Crown Athlete G-T ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร มีราคาแพงสุดอยู่ที่ 1.71 ล้านบาท
ถ้าใครสนใจคงต้องติดต่อผ่านเกรย์มาร์เกตเพียงช่องทางเดียวเท่านั้น หากเมื่อรวมภาษีและค่าอื่น ๆ อาจทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวจนหลายคนหันไปขับรถยุโรปเห็นทีจะง่ายกว่า
Toyota Crown Athlete
Toyota Crown Royal
Toyota Crown Majesta
ภาพจาก Toyota