สีรถยนต์มีกี่ประเภท เช่น สีเมทัลลิก สีโซลิด สีไมก้า สีมุก หรือสีด้าน ซึ่งสีบางประเภทต้องจ่ายเงินเพิ่มเพราะอะไร มีความพิเศษแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
![สีรถยนต์](https://s359.kapook.com//pagebuilder/4c59f276-c783-4eeb-abbc-e9f1ba52353a.jpg)
สีรถยนต์เป็นเรื่องที่มีวิวัฒนาการมายาวนานและมีความสำคัญมากกว่าแค่ความสวยงาม โดยรถยนต์ในยุคแรกไม่ได้มีสีสันสดใส เพราะแรกเริ่มเคมีในอดีตไม่เอื้อให้ใช้สีฉูดฉาด รถยุคแรกจึงมีสีหม่น มีความแวววาวน้อยกว่า ก่อนจะพัฒนากลายเป็นสีสดใสในภายหลัง และเพิ่มความแปลกใหม่เข้าไปในการพ่นสีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แปลกตาอย่างในวันนี้ ทำให้ปัจจุบันสีรถยนต์มีหลายประเภท แตกต่างกันไปตามส่วนผสมในเนื้อสี และมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป ส่วนจะมีสีประเภทไหนบ้างที่พบเห็นได้บ่อย แตกต่างกันอย่างไร ไปดูกันเลย
1. สีโซลิด (Solid)
![สีรถยนต์](https://s359.kapook.com//pagebuilder/a44d91ac-8f01-4581-a092-f030e22a2437.jpg)
สีโซลิด มักจะอยู่ในกลุ่มสีพื้นฐาน เพราะจะเป็นสีพื้นธรรมดา แสดงผลตรงไปตรงมา เช่น สีขาวก็คือขาวแบบไม่มีอะไรผสมในเนื้อสี เพื่อให้ผลลัพธ์ที่แปลกตาไปกว่าปกติ ไม่ซับซ้อน ทำให้สีกลุ่มนี้พบได้ในรถยนต์รุ่นพื้นฐาน รถยนต์สีจัด หรือกลุ่มที่ต้องการบุคลิกแบบมินิมอล
2. สีเมทัลลิก (Metallic)
![สีรถยนต์](https://s359.kapook.com//pagebuilder/e55e6ebe-8d51-4946-b41a-dad25f96e696.jpg)
สีเมทัลลิก เป็นประเภทเดียวกับสีลูไซต์ (แต่ Lucite เป็นชื่อเฉพาะ คิดค้นโดย Dupont) คือ สีที่มีส่วนผสมของผงโลหะขนาดเล็ก ส่วนจะเล็กมากหรือน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับผู้ผลิตว่าต้องการให้สีนั้นแสดงผลลัพธ์อย่างไร เพราะผงโลหะจะเป็นตัวทำให้เกิดการสะท้อนแสง หากมองใกล้ ๆ จะเห็นเป็นละอองโลหะในเนื้อสี ซึ่งจุดนี้เอง รถที่เป็นสีเมทัลลิกจึงซ่อมแซมโดยไม่ให้สีเพี้ยนไปจากเดิมได้ค่อนข้างยากมากขึ้น เพราะมีเรื่องของปริมาณผงโลหะเข้ามาเกี่ยวข้อง
3. สีมุก (Pearlescent) และ Mica
![สีรถยนต์](https://s359.kapook.com//pagebuilder/2476b0e9-678e-4385-b264-aa7d9e6dc27a.jpg)
สีมุกและสีไมก้าแล้วแต่ผู้ผลิตจะนำมาใช้ประกอบชื่อสี เป็นกลุ่มสีที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุที่มีลักษณะเป็นผลึกสะท้อนแสงสีต่าง ๆ เมื่อโดนแสงตกกระทบ สีที่สะท้อนจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแร่ธาตุ และที่น่าสนใจคือสามารถสะท้อนสีที่แตกต่างกันในมุมที่ต่างกัน ทำให้เกิดผลลัพธ์เดียวกับมุก สีมุกนี้อาจไม่จำเป็นต้องเป็นสีขาว สีอื่น ๆ ก็ให้ผลลัพธ์แบบสีมุกได้ แม้จะมีความพิเศษ สวยงาม แต่ข้อเสียของสีมุกคือ ซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้ยาก
4. สีด้าน (Matte)
![สีรถยนต์](https://s359.kapook.com//pagebuilder/2e982b27-105b-475e-a7b3-0f6207bb32cc.jpg)
สีด้าน เริ่มเป็นที่นิยมจากการนำมาใช้กับรถยนต์ราคาแพงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แปลกตา ไม่เน้นความเงางาม ดูดซับแสง ให้บุคลิกลึกลับ ดุดัน แต่สีด้านอาจมีการผสมโลหะในเนื้อสีเพื่อให้เกิดประกายแบบกำมะหยี่ได้เช่นกัน เพียงแต่จะไม่มีชั้นแล็กเกอร์มันเงา และขั้นตอนการดูแลรักษาก็ค่อนข้างยุ่งยากกว่าสีปกติ
ทีนี้เมื่อเห็นชื่อแต่ละสีของรถยนต์ก็พอจะรู้ได้ในเบื้องต้นว่า สีเหล่านั้นให้ผลลัพธ์ในลักษณะใด ทำไมถึงต้องมีการเพิ่มราคาจากสีปกติ และอาจช่วยในการตัดสินใจเลือกสีรถยนต์ได้ง่ายขึ้นได้ไม่มากก็น้อย