ปุ่มไล่ฝ้ารถยนต์ ถ้าหากเปิดใช้งานทิ้งไว้แล้วเผลอลืมปิด เมื่อปล่อยไว้นาน ๆ จะเป็นอันตราย หรือทำให้ระบบเกิดความเสียหายหรือไม่ เราไปหาคำตอบกัน
ปุ่มไล่ฝ้าในรถ เป็นฟังก์ชันที่รถยนต์เกือบทุกรุ่นติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งส่วนมากจะเป็นเส้นลวดสีส้มหลายเส้นคาดเป็นแถบบนกระจกหลัง หรืออาจรวมถึงกระจกด้านข้างส่วนท้ายรถ เพื่อลดการเกิด “ฝ้า” ด้วยความร้อน เมื่ออุณหภูมิและความชื้นระหว่างภายในกับภายนอกรถต่างกันมากจนทำให้อากาศเกิดการควบแน่นเป็นไอน้ำเกาะอยู่ที่กระจกรถ จนบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่
แต่บ่อย ๆ ครั้ง เมื่อเปิดใช้งานระบบไล่ฝ้าแล้วมักจะลืมปิด เพราะการทำงานของระบบไล่ฝ้ามีเพียงความร้อน ไม่มีเสียง ไนอกจากไฟเล็ก ๆ จากปุ่มไล่ฝ้าที่ใช้บอกสถานะการทำงานจนไม่ทันได้สังเกตว่ามันเปิด หรือปิดอยู่ จึงอาจเกิดความกังวลว่า ถ้าลืมปิดระบบไล่ฝ้าแล้วปล่อยไว้นาน ๆ จะเกิดปัญหา หรือเป็นอันตรายหรือไม่ เราจะพาไปทำความรู้จักกับระบบไล่ฝ้าให้มากขึ้นกัน
ไล่ฝ้ารถยนต์ คืออะไร
ไล่ฝ้ากระจก (WINDOW DEFOGER) เป็นฟีเจอร์ที่จะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ส่วนใหญ่มักติดตั้งอยู่ที่กระจกบังลมหลัง (เฉพาะรุ่นที่มี) หรืออาจเป็นจุดอื่น ๆ แล้วแต่ประเภทรถ สังเกตได้จากมีเส้นสีส้มหลายเส้นคาดเป็นแถบ ซึ่งจริง ๆ แล้วคือเส้นลวดที่ทำมาจากนิกเกิลหรือทองแดง โดยฝังอยู่บนผิวของกระจก เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าไปที่ขดลวด จะก่อให้เกิดความร้อน ทำให้หยดน้ำที่เกิดขึ้นบนกระจกระเหยไป ทำให้มองผ่านกระจกได้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ปุ่มไล่ฝ้าในรถยนต์ส่วนใหญ่ จะมีด้วยกัน 2 แบบ สำหรับกระจกบังลมหน้า กับกระจกบังลมหลัง ซึ่งมีระบบการทำงานต่างกัน ส่วนตำแหน่งการติดตั้งขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น แต่จะใช้สัญลักษณ์ใกล้เคียงกัน คือ รูปลูกศร 3 ดอกที่วางเรียงกัน ที่เป็นสัญลักษณ์แทนไอระเหย ดังนี้
-
ปุ่มไล่ฝ้ากระจกหน้ารถ (รูปสี่เหลี่ยมคางหมูทรงโค้ง) หากคุณสังเกตแผงแดชบอร์ดหน้ารถจะมีช่องต่าง ๆ อยู่บนแผงด้านบนของคอนโซลหน้า ซึ่งจะเป็นช่องที่พ่นอากาศที่ตัวรถจะดูดเอาอากาศจากภายนอกเข้ามาเพื่อเป่าไปยังกระจกบังลมหน้า เพื่อปรับอุณหภูมิบนกระจกให้ใกล้เคียงกับภายนอกรถ ช่วยลดการเกาะของไอน้ำหรือฝ้าที่เกิดขึ้นบนกระจกบานหน้า
-
ปุ่มไล่ฝ้ากระจกหลัง (รูปสี่เหลี่ยมผื่นผ้า) กระจกหลังรถแทบทุกรุ่น จะมาพร้อมกับเส้นแนวนอนสีส้ม (หรือจัดวางในแบบอื่นก็ได้) หรือสีทองแดง ซึ่งเป็นส่วนของขดลวดทองแดงหรือนิเกิลที่อยู่ในกระจก เมื่อผู้ใช้รถกดปุ่มนี้ ระบบจะดึงกระแสไฟฟ้าเปลี่ยนเป็นความร้อนส่งไปยังขดวลวดเพื่อทำให้ไอน้ำที่เกาะบนกระจกระเหยออกไป ในต่างประเทศระบบนี้สามารถช่วยละลายหิมะบาง ๆ ที่เกาะอยู่บริเวณกระจกบานหลังด้านนอกได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีปุ่มไล่ฝ้าบนกระจกมองข้าง โดยใช้ความร้อนจากลวดทองแดง ที่ในปัจจุบันจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถบางรุ่นแล้ว และกระจกหน้าต่างไล่ฝ้าด้วยไฟฟ้าที่จะพบได้ในรถหรู และรถจากแบรนด์ยุโรป
ไล่ฝ้ารถยนต์ ใช้แบบไหนจึงถูกวิธี เปิดทิ้งไว้นาน ๆ ได้ไหม ?
สำหรับระบบไล่ฝ้ารถยนต์ ถ้าเปิดใช้งานแล้วควรจะปิดโดยทันทีเมื่อเห็นว่าไอน้ำ หรือฝ้าได้ระเหยออกไปจนสามารถมองเห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น “ระบบไล่ฝ้ากระจกหน้า” เพราะหากเปิดทิ้งไว้ ระบบจะดึงอากาศข้างนอกเข้ามาในตัวรถอยู่ตลอด ถ้าใช้งานภายในเมืองอาจทำให้กลิ่นไอเสียเข้ามาในห้องโดยสารได้
ส่วน “ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง” ถ้าเป็นรถรุ่นใหม่ ๆ จะมีเซฟตี้ด้วยระบบตัดการทำงานอัตโนมัติ เมื่อเปิดทิ้งไว้ในระยะเวลาหนึ่ง เช่น 15 นาทีระบบไฟก็จะดับลง แต่ถ้าเป็นรถรุ่นเก่าที่ไม่มีระบบปิดอัตโนมัติ หากเผลอกดปุ่มไล่ฝ้ากระจกหลังทิ้งไว้ ความร้อนจากลวดไล่ฝ้าก็ยังทำงานอยู่ตลอดเวลา อาจทำให้ฟิล์มกรองแสงเสื่อมสภาพ หรือที่เลวร้ายไปกว่านั้นอาจส่งผลทำให้กระจกร้าว หรือถึงแตกขึ้นแต่กได้
ดังนั้นในระหว่างขับขี่ ผู้ใช้รถควรสังเกตว่าเมื่อฝนหยุดตก-แดดออกแล้ว รวมถึงไม่มีฝ้าเกาะมาสักระยะ หรือเปิดไล่ฝ้านานกว่า 10-30 นาที จนมีความรู้สีกว่าห้องโดยสารอุ่นเกินไป ก็ควรกดปิดระบบไล่ฝ้าเพื่อพักการใช้งานทันที และไม่ควรเปิดนานเกิน 30 นาทีขึ้นไป เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายของตัวขดลวดหรือกระจก
รถที่ไม่มีไล่ฝ้าควรทำอย่างไรเมื่อเกิดฝ้าบนกระจก
อย่างไรก็ตาม สำหรับรถคันไหนที่ไม่ได้รับการติดตั้งระบบไล่ฝ้า หรือไล่ฝ้าหระจกหลังเสียใช้งานไม่ได้ แล้วเกิดเหตุการณ์มีฝ้าหรือไอน้ำไปเกาะอยู่ตามกระจกทั้งบานหน้าหรือบานหลัง เรามีวิธีแก้ไขแบบง่าย ๆ มาแนะนำ คือให้ปรับลดอุณหภูมิของระบบปรับอากาศลง แล้วเปิดกระจกลงเล็กน้อย เพื่อให้ระดับความเย็นของอากาศภายในรถและอากาศภายนอกรถอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ก็จะช่วยให้คราบฝ้าหรือไอน้ำ ที่เกาะตัวอยู่บริเวณกระจกระเหยออกไปได้โดยง่าย
มาถึงตรงนี้ต้องบอกว่าระบบไล้ฝ้ากระจกรถยนต์ สามารถช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากฝ้าที่ไปบังทัศนวิสัยได้ แต่ผู้ใช้รถก็ไม่ควรเปิดไว้นานเกินไป ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อรถคุณในระยะยาว ดังนั้นควรเปิดเมื่อรู้ว่าฝ้าเริ่มเกาะแล้ว และควรปิดพักเมื่อฝ้าหมดไป เพื่อความปลอดภัย และอาจจะไม่ต้องเสียสตางค์สำหรับกระจกบานใหม่
ขอบคุณข้อมูลจาก : novusautoglass.com.au, glassdoctor.com, desjardinsgeneralinsurance.com