จอดรถแล้วแอร์ไม่เย็น แอร์รถยนต์มีแต่ลม ปัญหาที่อาจเกิดได้กับรถทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ เวลาเจอรถติดหรือต้องหยุดรถแอร์กลับไม่เย็น แต่พอรถวิ่งแอร์เย็นเป็นปกติอีกครั้ง อาการนี้เกิดจากอะไร แก้ไขได้หรือไม่
แอร์รถยนต์ กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับรถยนต์อย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย โดยเฉพาะในบ้านเราที่มีสภาพอากาศร้อนถึงร้อนมาก หากระบบปรับอากาศมีปัญหาหรือเกิดอาการผิดปกติขึ้นมา รับรองว่าน่าหงุดหงิดมาก โดยเฉพาะใครที่ต้องใช้รถในชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาแอร์รถยนต์นั้นมีมาให้เจอได้หลากหลายรูปแบบ และอาการที่แสดงออกมาก็แตกต่างกันออกไป เช่น ตอนรถวิ่งก็เย็นดี แต่พอรถจอดสักพักความเย็นก็หายไป สรุปแล้วแอร์เสียหรือไม่ แต่คงไม่ปกติแน่ ซึ่งเราจะพาไปไขปัญหานี้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่
จอดรถแล้วแอร์ไม่เย็น เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง
1. แผงคอยล์ร้อน
แผงคอยล์ร้อน คือ แผงคอนเดนเซอร์ มีรูปทรงสี่เหลี่ยมที่มีช่องตารางรูระบายอากาศ ทำหน้าที่ระบายความร้อนของน้ำยาแอร์ที่ออกมาจากคอมเพรสเซอร์ โดยจะติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของตัวรถใกล้กับพัดลมระบายความร้อน หากแผงคอยล์ร้อนเกิดการอุดตัน มีสิ่งสกปรกเข้าไปขัดขวางการระบายของอากาศ จะส่งผลให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนจากน้ำยาแอร์ลดลง ทำให้แอร์ภายในรถยนต์ไม่เย็นเหมือนก่อน โดยจะเห็นได้ชัดเจนในขณะที่รถจอด แต่เมื่อขับรถแอร์จะเริ่มเย็นขึ้นแม้แผงคอยล์ร้อนจะมีการอุดตัน เพราะมีลมที่มาปะทะหน้ารถเป็นตัวช่วยระบายความร้อนอีกทางหนึ่ง แต่ก็จะไม่เย็นฉ่ำเหมือนรถใหม่อยู่ดี
2. พัดลมระบายความร้อน
ในรถยนต์ส่วนใหญ่จะติดตั้งพัดลมระบายอากาศ 1-2 ตัว ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ พัดลมระบายนี้มีส่วนสำคัญในการช่วยระบายความร้อนภายในห้องเครื่องและแผงคอยล์ร้อน หากพัดลมชำรุดหรือเสื่อมคุณภาพจะส่งผลให้กำลังลมเบาลง ไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเหมือนเก่า ส่วนใหญ่ปัญหาที่พบจะเกิดจากการเสื่อมของตัวพัดลมตามอายุการใช้งาน รีเลย์พัดลมเสีย และมอเตอร์พัดลมเสื่อมคุณภาพ
3. คอมเพรสเซอร์แอร์
อุปกรณ์ที่มีหน้าที่ส่งกำลังอัดแรงดันน้ำยาแอร์เข้าสู่ระบบปรับอากาศ หากคอมเพรสเซอร์เสื่อมสภาพไม่สามารถส่งกำลังอัดได้สูง ระดับความดันของน้ำยาแอร์มีน้อย ปริมาณน้ำยาแอร์ฉีดเข้าคอยล์เย็นได้ไม่เพียงพอ ทำให้แอร์ไม่เย็น จะสังเกตได้ชัดเจนเมื่อรถจอดหรือหยุดนิ่ง แต่เมื่อรถวิ่งหรือมีการเร่งของเครื่องยนต์จะมีแรงฉุดที่ส่งผลให้คอมเพรสเซอร์มีกำลังอัดเพิ่มขึ้น ทำให้แอร์รถเย็นเหมือนปกติ สาเหตุส่วนใหญ่อาจเกิดจากลูกสูบภายในคอมเพรสเซอร์หลวม
4. ชุดวาล์ว-ดรายเออร์ตันอุดตัน
ชุดวาล์วและดรายเออร์มีหน้าที่ส่งผ่านน้ำยาแอร์เข้าสู่คอยล์เย็น หากชุดวาล์วและดรายเออร์อุดตันจะทำให้แรงดันน้ำยาแอร์ที่ออกจากคอมเพรสเซอร์ลดต่ำลง ปริมาณน้ำยาแอร์ที่เข้าสู่ระบบมีไม่เพียงพอ ทำให้ระบบแอร์ทำงานได้ไม่เต็มที่ หากรถจอดอยู่กับที่จะสังเกตได้ว่าแอร์รถไม่มีความเย็น แต่หากขับขี่หรือมีการเร่งเครื่องความเย็นจะเพิ่มมากขึ้น
ปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้แอร์รถยนต์ไม่เย็น
1. กรองแอร์สกปรก
กรองแอร์ หรือกรองอากาศแอร์ ชิ้นส่วนที่คอยดักจับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้เข้าสู่ระบบปรับอากาศ หากไม่ได้รับการเปลี่ยนตามระยะบำรุงรักษาอาจทำให้แอร์รถยนต์ไม่เย็นและมีกลิ่นอับชื้น
2. น้ำยาแอร์ขาด
หากใช้รถมาสักระยะเวลาหนึ่ง น้ำยาแอร์อาจจะพร่องหรือหมดได้หากระบบมีรอยรั่ว ควรหมั่นตรวจเช็กอยู่สม่ำเสมอ ในรถรุ่นเก่าอาจจะสังเกตได้จากช่องตาแมว แต่ในรถรุ่นใหม่ ๆ ควรตรวจเช็กทุกครั้งที่นำรถเข้าศูนย์บริการ
3. ท่อแอร์ ข้อต่อต่าง ๆ รั่วหรือขาด
อีกจุดหนึ่งที่อาจทำให้แอร์รถยนต์ไม่เย็นได้ก็คือ ท่อแอร์ ข้อต่อต่าง ๆ หากเกิดการรั่ว ฉีกขาด จะทำให้แรงดันน้ำยาแอร์ตก ส่งผลให้แอร์ไม่เย็น ควรตรวจเช็กด้วยการนำน้ำสบู่ลูบบริเวณท่อ หรือรอยต่อต่าง ๆ เพื่อสังเกตหารอยรั่ว หากพบให้ดำเนินการเปลี่ยนทันที
4. คลัตช์คอมเพรสเซอร์แอร์จับไม่สนิท
เป็นชิ้นส่วนหนึ่งของคอมเพรสเซอร์แอร์ ทำหน้าที่ส่งกระแสไฟมายังคลัตช์แม่เหล็กให้ติดเข้ากับพูลเลย์ เมื่อใช้งานรถมาสักระยะเวลาหนึ่งจะต้องเจอกับปัญหาหน้าคลัตช์คอมแอร์ไม่จับ หรือจับไม่สนิท ทำให้เกิดการหมุนที่ไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้แอร์รถเย็นบ้างไม่เย็นบ้าง หากปล่อยไว้แอร์จะไม่เย็นและคอมเพรสเซอร์อาจไหม้ได้
5. สายพานคอมเพรสเซอร์หย่อน
มีหน้าที่ฉุดคอมเพรสเซอร์ให้หมุนทำงาน เมื่อใช้งานรถมาเป็นเวลานานสายพานอาจหย่อนได้ การตรวจเช็กในเบื้องต้นให้สตาร์ตเครื่องและฟังเสียงของคอมเพรสเซอร์ หากมีเสียงดังและแอร์ไม่เย็นให้ลองปรับตั้งสายพานให้ตึง แต่ควรตรวจเช็กสายพานด้วยว่ามีรอยแตก ฉีกขาด หรือไม่
ทั้งหมดนี้ก็เป็นปัญหาของแอร์รถยนต์ไม่เย็นที่สามารถพบได้ในรถยนต์ทุกรุ่น ใครที่มีอาการจอดรถแล้วแอร์ไม่เย็น หรือรถติดแอร์ไม่เย็น รถวิ่งแอร์เย็น ก็ลองตรวจสอบในเบื้องต้นกันได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด จะได้รีบดำเนินการแก้ไขให้แอร์รถยนต์ของเรากลับมาเย็นฉ่ำเหมือนรถใหม่