ยางรถยนต์ คือ ชิ้นส่วนของรถยนต์ที่จะต้องสัมผัสกับผิวถนนตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน หรือสไตล์การขับขี่ของเราเองด้วย เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด

ยางรถยนต์มีกี่ประเภท
โดยทั่วไปการแบ่งประเภทหรือหมวดหมู่ของยางรถยนต์ที่ใกล้ตัวและเป็นที่เข้าใจได้ง่ายสำหรับผู้ขับขี่มากที่สุดก็คงจะเป็นการแบ่งตามลักษณะการขับขี่ เพราะตัวคนขับนั้นจะรู้อยู่แล้วว่าสไตล์การขับรถของตัวเองเป็นอย่างไร และควรเลือกยางรถยนต์แบบไหนจึงจะเหมาะสม เช่น หากเป็นคนขับรถเร็ว การเลือกใช้ยางประหยัดน้ำมันก็ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไรนัก ปัจจุบันยางรถยนต์เมื่อแบ่งออกตามการขับขี่จะมีอยู่ด้วยกัน 5 ประเภท ได้แก่
-
ยางนุ่มเงียบ
-
ยางสปอร์ตสมรรถนะสูง
-
ยางประหยัดน้ำมัน
-
ยางออฟโรด
-
ยาง RunFlat

1. ยางนุ่มเงียบ
เป็นยางรถยนต์แบบที่ใช้กันมากที่สุด ผิวสัมผัสหน้ายางจะมีการกระจายแรงกดแบบสม่ำเสมอ ช่วยลดแรงกระแทกได้ดี มีการเสริมเนื้อยางพิเศษบริเวณแก้มยางช่วยในการลดแรงสั่นสะเทือน ทำให้รู้สึกถึงความนุ่มสบาย มีความเกาะถนนให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ เน้นขับกับสภาพถนนในเมืองมากกว่า
รถยนต์ที่เหมาะกับยางประเภทนุ่มเงียบ ได้แก่ Jaguar XJ, Lexus ES, Benz E Class และ A Class, BMW Series 3 และ Series 5, Audi A3 และ A4, Toyota Camry, Toyota Altis, Honda Accord, Honda Civic, Honda City เป็นต้น
- ยางนุ่มเงียบยี่ห้อต่าง ๆ
ยี่ห้อ |
รุ่นยาง |
Bridgestone |
Potenza RE003, Turanza T005A, Ecopia EP150, Ecopia EP300 |
Continential |
ComfortContact CC6, UltraContact UC6 |
Deestone |
Premium Tourer RA01, Carreras R702 |
Dunlop |
Direzza DZ102, Enasave EC300, SP Sport LM704-MAXX 050+ |
Goodyear |
Assurance Duraplus, Assurance Triplemax 2, Eagle NCT 5, Eagle F1 Directional 5 |
Maxxis |
I-Pro, ME3 |
Michelin |
Pilot Sport 3, Pilot Sport4, Primacy 4 |
Toyo Tires |
Proxes CF2-C1S |
Yokohama |
Advan Neova AD08R-Fleva V701-DB V552, BlueEarth-A AE50 |
2. ยางสปอร์ตสมรรถนะสูง
เป็นยางที่ยกระดับขึ้นมาอีกขั้นจากยางประเภทนุ่มเงียบเพื่อตอบสนองการขับขี่แบบสปอร์ต พร้อมกับเสริมจุดเด่นเรื่องความสวยงามของดอกยางที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละยี่ห้อ คุณสมบัติของยางประเภทนี้คือ การยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม การควบคุมและตอบสนองกับพวงมาลัยที่แม่นยำ เหมาะสำหรับการขับด้วยความเร็วและพื้นถนนที่เรียบ จึงอาจจะทำให้รับแรงกระแทกได้ไม่มากเท่าไหร่เมื่อขับบนสภาพถนนที่มีพื้นผิวขรุขระ
รถยนต์ที่เหมาะใช้ยางสปอร์ตสมรรถนะสูง ได้แก่ Subaru WRX, Mitsubishi Lancer Evo, Honda Civic Type R, Mazda 3, Toyota Yaris, Honda Jazz, Benz AMG, Aston Martin DB9, Ferrari F430, BMW M2 Coupe, M3 Sedan และ M4 Coupe เป็นต้น
- ยางสปอร์ตสมรรถนะสูงยี่ห้อต่าง ๆ
ยี่ห้อ | รุ่นยาง |
Pirelli | P Zero Corsa System, Cinturato Rosso |
Continential | SportContact 6, ContiSportContact 5P, ContiMaxContact MC6 |
Dunlop | Direzza Dz102+, SP Sport LM705, SP Sport maxx050+ |
Goodyear | Eagle F1 |
Bridgestone | Potenza S001 RFT, Adrenalin RE004 |
Yokohama | Advan Sport V107, Advan Sport V105 |
3. ยางประหยัดน้ำมัน
มาตรฐานใหม่ของการใช้รถที่เน้นในเรื่องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยางประหยัดน้ำมันจึงเข้ามาเป็นอีกส่วนสำคัญของรถยนต์ Eco Car เหมาะกับการขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากกว่า และยังปลอดภัยมากขึ้นด้วยประสิทธิภาพของยางที่ยึดเกาะถนนและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น
รถยนต์ที่เหมาะใช้ยางประหยัดน้ำมัน ได้แก่ Toyota และ Honda รุ่นต่าง ๆ, Nissan March และสำหรับรถประเภท SUV, MPV และ PPV ก็ใช้ยางประหยัดน้ำมันได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น Honda HR-V eHEV, Honda CR-V, Toyota Corolla Cross, Toyota Fortuner, Mitsubishi Pajero Sport, ISUZU MU X, Mazda CX-5, MG GS หรือแม้แต่รถกระบะอย่าง Toyota Revo, Isuzu D-Max ก็ใช้ยางประหยัดน้ำมันได้เช่นกัน
- ยางประหยัดน้ำมันยี่ห้อต่าง ๆ
ยี่ห้อ | รุ่นยาง |
Bridgestone | Ecopia EP300 |
Dunlop | Michelin Energy XM2+ |
Apollo | Amazer 3G Maxx |
Firestone | TZ700 |
Goodyear | Assurance Triple Max |
Otani | EK1000 |
Dunlop | Enasave EC300, Enasave EC300+, SP Touring T1, SP Touring R1 |
4. ยางออฟโรด
เป็นยางที่ออกแบบมาสำหรับสไตล์การขับขี่แบบสมบุกสมบันบุกป่าฝ่าดงโดยเฉพาะ ประเภทรถยนต์ที่ใช้ยางออฟโรดมีตั้งแต่รถกระบะทั่วไปจนถึง SUV และ CUV เพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่ ยางประเภทนี้จะเป็นยางที่แข็งแกร่ง ขับได้ทุกพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นดินโคลน พื้นทราย ลุยน้ำ ฝนตก แดดออก ทางลาดชัน พื้นผิวขรุขระ มีแรงเกาะถนนเป็นเยี่ยม ตอบสนองกับพวงมาลัยได้ดี
รถยนต์ที่เหมาะใช้ยางออฟโรด ได้แก่ รถกระบะต่าง ๆ เช่น Mitsubishi Triton, Toyota Revo Rocco, Isuzu D-Max V-Cross, Chevrolet Colorado, Nissan Navara, Mazda BT-50 และรถยนต์ที่เน้นการใช้งานแบบสมบุกสมบัน อย่างเช่น Ford Ranger, Jeep Cherokee, Isuzu Rodeo เป็นต้น
- ยางออฟโรดยี่ห้อต่าง ๆ
ยี่ห้อ | รุ่นยาง |
Michelin | LTX Force |
Bridgestone | Dueler AT 697 |
Hankook | Dynapro AT-M (RF10) |
Toyo Tires | Open Country AT II |
Yokohama | Geolander AT-S G012, Geolander AT G015 |
Dunlop | Grandtrek AT3, Grandtrek AT22 |
Maxxis | AT980, AT700 |
5. ยาง RunFlat
เทคโนโลยีล่าสุดของวงการยางรถยนต์ที่ช่วยในเรื่องของการคงสภาพของยางให้รถวิ่งต่อได้เมื่อประสบอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการรั่วซึมของยาง โดยในสภาวะปกตินั้นประสิทธิภาพการขับถือว่าดีเยี่ยมทั้งถนนเปียกและถนนแห้ง และสมรรถนะที่จัดว่าอยู่ในระดับ Top ของยางทุกประเภทถ้าไม่นับออฟโรด แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่แพงมาก
สำหรับยาง RunFlat ยังไม่มีรถยี่ห้อใดใช้มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์ในกลุ่มพรีเมียมคาร์ รถสปอร์ตซีดานแบรนด์ยุโรป เช่น BMW, Mercedes Benz, Porsche และ Mini
- ยาง RunFlat ยี่ห้อต่าง ๆ
ยี่ห้อ | รุ่นยาง |
Michelin | Primacy 3ZP Runflat |
Bridgestone | Potenza S001 RFT |
Pirelli | P Zero Runflat, Cinturato P7 Runflat |
Continential | ContiSportContact 5 Run-flat, ContiSportContact 3 Run-flat, UltraContact UC6 SUV Run-flat |
Goodyear | Eagle F1 Asymmetric 2 ROF |
Yokohama | Advan Sport V103S |
GITI | GitiControl 288 RunFlat |
ทั้งนี้ จะเห็นว่ายางรถยนต์ที่อยู่ในตลาดมากที่สุดคือยางประเภทนุ่มเงียบ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยางนุ่มเงียบถือเป็นยางโรงงานที่ติดมากับรถยนต์ป้ายแดงอยู่แล้ว อีกส่วนหนึ่งคือความต้องการของผู้ขับขี่เองเมื่อต้องการเปลี่ยนยาง เพราะเป็นยางที่ราคาไม่แพง แต่ถึงอย่างไรการจะเปลี่ยนยางรถยนต์แต่ละครั้งควรคำนึงถึงสไตล์การขับรถของเราเองด้วยจะดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก : bridgestone.co.th, yokohamathailand.com, michelin.co.th, continental.co.th, pirelli.com