การเลือกยางรถยนต์ให้เหมาะกับรถของคุณ ต้องพิจารณาดูอะไรก่อนตัดสินใจซื้อบ้าง พร้อมข้อควรรู้อื่น ๆ เกี่ยวกับยางรถยนต์ที่คุณไม่ควรพลาด
ยางรถยนต์ เป็นส่วนสำคัญอย่างมากสำหรับรถยนต์ ซึ่งมีอายุการใช้งานจำกัด และเป็นสิ่งที่ต้องมีการเปลี่ยนใหม่เป็นประจำตามระยะทางวิ่งหรือปีที่ใช้งาน ซึ่งการเปลี่ยนแต่ละครั้งจะมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย ๆ จึงจำเป็นต้องเลือกยางที่เหมาะสม มีคุณภาพ และคุ้มค่าต่อการใช้งานให้มากที่สุด สำหรับใครที่มีแพลนจะเปลี่ยนยางใหม่และอยากรู้ว่าต้องเลือกอย่างไร หรือพิจารณาจากอะไรบ้างนั้น วันนี้เรามีข้อมูลมาแนะนำ
ยางรถยนต์มีกี่ประเภท
ก่อนจะไปดูวิธีเลือก เรามาทำความรู้จักกันก่อนว่าจริง ๆ แล้วยางรถยนต์มีกี่ประเภท และแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร ดังนี้
1. ยางนุ่มเงียบ
ยางรถยนต์ที่มีความโดดเด่นในเรื่องรองรับการกระแทกได้ดี ให้ความนุ่ม เงียบตลอดการเดินทาง ตัวยางมีผิวสัมผัสที่กระจายแรงกดแบบสม่ำเสมอ มีการเสริมเนื้อยางพิเศษบริเวณแก้มยาง ช่วยในการลดแรงสั่นสะเทือน ไม่เหมาะกับการใช้ความเร็วสูงมากนัก
2. ยางประหยัดน้ำมัน
ยางรถยนต์ที่มีส่วนผสมของ Silica Filter ให้คุณสมบัติในการทนความร้อนได้ดีเมื่อเกิดแรงเสียดทานในขณะขับ เนื้อยางไม่เหนียวเกาะถนนมากเกินไป ทำให้เครื่องยนต์ไม่สูญเสียกำลังขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นกว่าเดิม
3. ยางสปอร์ต
ยางรถยนต์ที่มีคุณสมบัติการยึดเกาะที่ดีกว่ายางชนิดอื่น ๆ เสริมด้วยลวดลายดอกยางที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละยี่ห้อ ให้การควบคุมและตอบสนองกับพวงมาลัยที่แม่นยำ เหมาะสำหรับการขับด้วยความเร็วและพื้นถนนที่เรียบ อาจจะรองรับแรงกระแทกได้ไม่มากเท่าไหร่เมื่อขับบนสภาพถนนที่มีพื้นผิวขรุขระ
4. ยางออฟโรด
ยางที่มีความสมบุกสมบัน มีความแข็งแกร่ง เหมาะกับการขับในทุกสภาพพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นดินโคลน พื้นทราย ลุยน้ำ ฝนตก แดดออก ทางลาดชัน พื้นผิวขรุขระ มีแรงเกาะถนนเป็นเยี่ยมตอบสนองกับพวงมาลัยได้ดี
5. ยาง RunFlat
อีกหนึ่งเทคโนโลยียางรถยนต์ที่แม้ตัวยางจะเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดปัญหา แต่รถจะยังสามารถขับได้อยู่ เช่น รั่วหรือซึม หากตัวยางอยู่ในสภาวะปกติ ประสิทธิภาพการขับถือว่าดีเยี่ยมทั้งถนนเปียกและถนนแห้ง จัดว่าอยู่ในระดับ Top ของยางรถยนต์ แต่ก็มีราคาที่สูงมากเช่นกัน
1. เลือกยางที่เหมาะสมกับการใช้งานและเส้นทาง
กรณีใช้งานรถยนต์บนถนนเรียบ ควรเลือกยางที่มีดอกยางละเอียด ร่องยางแคบและถี่ เพื่อจะได้มีผิวหน้ายางสัมผัสถนนมากที่สุด คอยช่วยยึดเกาะถนน และมีประสิทธิภาพในการรีดน้ำมากขึ้น หากใช้งานบนถนนขรุขระหรือลุยโคลนเป็นประจำ ควรเลือกยางที่มีดอกยางขนาดใหญ่และร่องห่าง อย่างยางออฟโรด เพื่อช่วยสกัดโคลน หิน และไม่ทำให้ติดตามร่องยาง
2. ขนาดของยางที่เหมาะสม
เลือกใช้ยางที่มีขนาดเดียวกับยางมาตรฐานที่ติดตั้งมากับรถจากโรงงาน และควรเลือกยี่ห้อ รุ่น ขนาดยาง ให้เหมือนกันทั้ง 4 เส้น ซึ่งควรเปลี่ยนพร้อมกันทั้ง 4 เส้น มากกว่าเปลี่ยนทีละคู่ จะทำให้ได้ประสิทธิภาพในการควบคุมรถที่ดีกว่า แต่ถ้าหากเปลี่ยนเป็นล้อเล็กลงจากเดิม ให้เพิ่มขนาดแก้มยาง และหากใช้ล้อใหญ่ขึ้น ให้ลดขนาดแก้มยางลง โดยให้เส้นรอบวงใกล้เคียงกับล้อมาตรฐานมากที่สุด
3. เช็กอายุและสภาพของยาง
ก่อนซื้อควรเช็กดูสัปดาห์กับปีผลิตบนแก้มยาง โดยจะระบุเป็น WW/YY หมายถึงสัปดาห์และปีที่ผลิต และถ้าหากซื้อยางมือสองหรือยางเก่าเก็บที่มีราคาถูกกว่าปกติ ควรตรวจสอบสภาพของยางก่อนตัดสินใจซื้อด้วย ไม่ว่าจะเป็นสภาพของเนื้อยางที่ไม่แตกลายมากนัก รวมทั้งไม่มีรอยต่อของเนื้อยาง เป็นต้น ทั้งนี้ สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : วิธีดูยางรถยนต์หมดอายุ ดูตรงไหน จะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยน
อย่าลืมหมั่นเช็กและเติมแรงดันลมยาง
หมั่นตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นประจำทุกสัปดาห์ หรืออย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง กรณีเดินทางไกลควรเติมลมยางให้มากกว่าปกติ 3-5 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสารและน้ำหนักบรรทุก) และไม่ควรปล่อยให้ลมยางอ่อนกว่ามาตรฐาน เพราะจะทำให้เกิดความร้อนสูงมากและขยายตัวจนเป็นอันตรายได้ แต่ในการใช้งานโดยทั่วไปอาจไม่มีความจำเป็นต้องเติมแรงดันลมยางเกินกว่าผู้ผลิตแนะนำ
ทั้งนี้ ควรตรวจสอบแรงดันลมยางด้วยเกจวัดลมที่ได้มาตรฐาน ไม่ควรตรวจสอบลมยางด้วยสายตา เพราะอาจคลาดเคลื่อนสูง และควรเติมลมยางอะไหล่ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานมากกว่ามาตรฐานสัก 3-4 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้นำออกมาใช้งานได้ทันที แล้วค่อยลดแรงดันลมยางให้อยู่ในค่าปกติ
สำหรับการเติมลมยางควรทำขณะยางเย็นตัว เพราะจะได้ค่าแรงดันลมยางที่ถูกต้อง หากเติมหลังขับรถหรือขณะที่ยางยังมีความร้อน จะได้ค่าแรงดันลมยางสูงกว่าปกติ และไม่เติมลมยางหรือปล่อยให้ลมยางต่ำกว่ามาตรฐาน เพราะหน้ายางจะยุบตัวและสัมผัสพื้นผิวถนนมากเกินไป ทำให้แก้มยางฉีกขาด ไหล่ยางเกิดความร้อนสูง อีกทั้งยังสึกหรอเร็วกว่าส่วนอื่น รวมถึงส่งผลให้การบังคับควบคุมด้อยลง
วิธีการดูแลรักษายางรถยนต์
ควรสลับยางรถยนต์ทุก 10,000 กิโลเมตร จะช่วยลดการสึกหรอและทำให้หน้ายางเรียบเสมอกันทั้ง 4 เส้น เมื่อสลับยางแล้วอย่าลืมตรวจสอบหรือปรับแรงดันลมยางของล้อหน้า-หลัง ให้มีค่าตรงตามที่กำหนดเพื่อความมั่นใจ ซึ่งยางคู่หน้า-หลังอาจใช้แรงดันลมยางที่ไม่เท่ากัน (มักจะมีป้ายแปะบอกไว้ที่กรอบประตูฝั่งคนขับ)
นอกจากนี้ควรหมั่นตรวจสอบระบบกันสะเทือน ตั้งศูนย์ถ่วงล้อให้สมดุล เพื่อป้องกันแรงเสียดทานและการลื่นไถล รวมถึงการกระจายน้ำหนักที่ไม่สมดุลอาจทำให้ยางได้รับความเสียหายได้ ซึ่งการเลือกใช้ยางรถยนต์ที่เหมาะสมกับการใช้งาน ตรวจสอบและดูแลยางเป็นประจำ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของยาง รวมถึงลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุยางระเบิดได้
เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนยางใหม่ ?
โดยทั่วไปแล้วควรเปลี่ยนยางทุก ๆ 2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร แม้ว่าดอกยางจะยังเหลือมากก็ตาม เพราะเนื้อยางอาจแข็งตัวหรือหมดอายุไปแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนลดลงนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หากใครกำลังมองหายางรถยนต์มาไว้ใช้งาน แล้วยังไม่รู้ว่าจะเลือกรุ่นไหนดี สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ยางรถยนต์ปี 2022 ยี่ห้อไหนดี มีรุ่นไหนน่าใช้บ้าง
ขอบคุณข้อมูลจาก : caranddriver.com, michelinman.com, driving-tests.org