เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดตลาดพลังไฮบริดในรถอเนกประสงค์กลุ่มตลาดแมส ที่ใคร ๆ ก็สัมผัสได้กับ Nissan X-Trail Hybrid 2016 ที่มีความโดดเด่นด้านสมรรถนะ และความประหยัด รวมถึงยังปล่อยค่าไอเสียที่น้อยลง
สำหรับ Nissan X-Trail Hybrid 2016 นั้นถูกเปิดตัวช่วงเดือนพฤษภาคมในญี่ปุ่น และได้กระแสตอบรับดีโดยมีส่วนแบ่งจากรุ่นธรรมดาประมาณ 40% อีกทั้งได้รับคำชมอย่างมากมายจากสื่อมวลชนสายรถยนต์ในญี่ปุ่น และตอนนี้ก็ครองยอดขาดอันดับหนึ่งรถอเนกประสงค์ในญี่ปุ่นโดยคิดเป็นส่วนแบ่งมากกว่า 37%
มองรูปลักษณ์ภายนอก Nissan X-Trail Hybrid 2016 มีความแต่งต่างจากรุ่นปรกติเพียงเล็กน้อย
- มีการตกแต่งสีฟ้าที่สื่อถึงความเป็นไฮบริดที่กระจังหน้า, ชายกันชนหน้า และชายฝากระโปรงหลัง
- เสาอากาศเปลี่ยนเป็นแบบครีบฉลาม
- ล้ออัลลอย 17 นิ้วลายใหม่
- สัญลักษณ์ไฮบริด
ภายในมีให้เลือก 2 โทนสีคือสีดำและสีเบจตามแต่ละรุ่นย่อย ที่หรูหราไม่ต่างจากรุ่นเดิม เบาะคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา และแอร์ปรับอากาศสำหรับที่นั่งแถวสอง เบาะนั่งแถวสองพับได้แบนราบได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่บรรทุกสิ่งของ

ระบบอินโฟเทนเมนต์มีขนาด 7 นิ้วแบบระบบสัมผัสเชื่อมต่อบลูทูธ มีเนวิเกเตอร์ผ่านระบบ GPS พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นที่มีชุดควบคุมเครื่องเสียง และใช้ควบคุมระบบครูสคอนโทรล ปุ่ม Push Start นอกจากนี้ยังมีออปชั่นที่เหนือโดดเด่นกว่ารถอเนกประสงค์อื่น ๆ อย่าง
- ประตูท้ายเปิดปิดอัตโนมัติ (Auto Lift gate) ทำงานผ่านเซ็นเซอร์ท้ายรถ
- กล้องมองภาพรอบทิศทาง (AVM) ที่จำลองภาพมุมมอง Bird eye view แบบ 360 องศา
- หน้าจอแสดงผล 3 มิติ (MID) ขนาด 5 นิ้วที่อยู่บริเวณชุดเรือนไมล์
แต่ออปชั่นการใช้งานยังเป็นแค่น้ำจิ้ม เพราะ Nissan X-Trail Hybrid 2016 โดดเด่นมาก ๆ ในเครื่องเครื่องยนต์และชุดส่งกำลังกับ เครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร MR20DD 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Twin C-VCT ไดเรกอินเจกชั่น ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที (รองรับน้ำมัน E20) ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดรวมถึง 179 แรงม้า กำลังและอัตราเร่งดีกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร
เครื่องยนต์ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ ปั๊มน้ำและคอมเพรสเซอร์ ไม่ใช้สายพาน ช่วยลดแรงเสียดทาน ขณะที่วาล์วไอเสียหล่อโซเดียม เพิ่มการระบายความร้อนของห้องเครื่องได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และมอเตอร์และเทคโนโลยีคลัตช์คู่อัจฉริยะ รวมถึงเกียร์ XTRONIC CVT พร้อม Manual Mode 7 สปีด
และข้ออธิบายเพิ่มเติมกับเทคโนโลยีคลัตช์คู่อัจฉริยะ (Intelligence Dual Clutch System) ประกอบด้วย คลัตช์จำนวน 2 ตัว
คลัตช์ตัวที่ 1 ติดตั้งอยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ และคลัตช์ตัวที่ 2 อยู่ระหว่างมอเตอร์และเชื่อมต่อกับเกียร์แบบ XTRONIC CVT โดยมีรูปแบบการทำงานดังนี้
- เมื่อรถยนต์ต้องการกำลัง เร่งแซงหรือทำความเร็ว คลัตช์ทั้ง 2 ตัวจะทำงานพร้อมกัน ทำให้เกียร์ CVT ได้รับกำลังจากทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
- การขับขี่ในช่วงที่ใช้เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว จะมีการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่จากเครื่องยนต์ คลัตช์ตัวที่ 1 จะทำงาน เพื่อถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ส่งไปขับเคลื่อนเกียร์ ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้า จะทำหน้าที่เป็นเจเนอเรเตอร์เพื่อรีชาร์จประจุไฟฟ้ากลับเข้าไปยังแบตเตอรี่
- เมื่อระบบไม่ต้องการกำลังจากเครื่องยนต์ คลัตช์ตัวที่ 1 ที่อยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ จะตัดการทำงานจากเครื่องยนต์ ผลที่ตามมาคือ เครื่องยนต์จะหยุดการทำงาน ทำให้ไม่มีแรงเสียดทานจากการหมุนของเครื่องยนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง เหลือเพียงมอเตอร์ไฟฟ้ากับเกียร์เท่านั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว เครื่องยนต์จะทำงานเหมือนกับเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV)
- คุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากระบบไฮบริดอื่น ๆ คือ ระบบคลัตช์คู่อัจฉริยะ สามารถทำงานที่ความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่สูงกว่าระบบไฮบริดทั่วไป อันจะนำมาซึ่งการประหยัดน้ำมันในย่านความเร็วสูงอีกด้วย
- ระบบ 4WD สมบูรณ์แบบผ่านระบบคลัตช์คู่อัจฉริยะที่ทั้ง 4 ล้อ ได้รับกำลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรง
อุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ให้สนุกแต่ยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัยรอบด้าน อาทิ ระบบ Advance Chassis Control ที่ประกอบด้วย
- ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (ARC)
- ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (ATC)
- ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC)
- ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (HSA)
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC)
พร้อมเสริมระบบความปลอดภัยตามแนวคิด Safety shield เช่น โครงสร้างตัวถังนิรภัย (Zone Body Concept) ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง (SRS)
รถรุ่นไฮบริดที่มีตอนนี้จะทำงานเมื่อความเร็ว 0-40 กม. เป็นส่วนใหญ่ จึงแสดงประสิทธิภาพได้ดีในเมืองที่มีการเบรกและออกตัวบ่อย แต่ Nissan X-Trail Hybrid 2016 นั้นแตกต่างเพราะทำงานตั้งแต่ความเร็ว 0-120 กม./ชม. หรือวิ่งออกต่างจังหวัดก็สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพแน่นอน
ในช่วง Q&A กับผู้บริหารนิสสันมีการถามถึงความประหยัดของ Nissan X-Trail Hybrid 2016 ก็ได้รับคำตอบว่า ถ้าน้ำมันเต็มถังสามารถไปได้ไกล 800-1,000 กม. หรือมากกว่านี้ตามสภาพการขับขี่ รวมถึงการทดสอบอัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน Eco Stiker ของไทย ในสภาวะรวมได้ค่าเฉลี่ยที่ 15.9 กม./ลิตรครับ
ราคาจำหน่าย Nissan X-Trail Hybrid 2016
Nissan X-Trail Hybrid 2.0S 2WD HEV ราคาขาย 1,249,000 บาท
Nissan X-Trail Hybrid 2.0E 2WD HEV ราคาขาย 1,324,000 บาท
Nissan X-Trail Hybrid 2.0V 4WD HEV ราคาขาย 1,395,000 บาท
สามารถเช็กรายละเอียด อุปกรณ์แต่ละรุ่นย่อยได้ตามตารางด้านล่าง
**คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขนาดใหญ่**


Nissan X-Trail Hybrid 2016 มีให้เลือกถึง 5 สีได้แก่ สีขาวสตอร์มไวท์, สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์, สีเขียว มิดไนท์ เจด, สีเทา ดีพ ไอริส เกรย์ และสีดำ แบล็กสตาร์
เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค นิสสัน รับประกันรถยนต์และระบบไฮบริด 3 ปี หรือ 1 แสน กม. พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ถึง 10 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง
แถมยังมีโปรโมชั่นพร้อมเปิดตัว แถมประกันภัยชั้น 1 (Nissan Premium Protection) 1 ปี พร้อมฟรีค่าบำรุงรักษา 60,000 กม. หรือ 36 เดือน และอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.79% โดยนิสสันตั้งเป้าจำหน่าย Nissan X-Trail Hybrid 2016 ที่ 5,000 คัน








