แบตเตอรี่รถยนต์ ต้องเลือกแอมแปร์ให้พอดีหรือมากกว่านิดหน่อย แบตเตอรี่ที่มีขนาดแอมแปร์มากกว่า จะใช้งานได้ทนทานกว่าแบตเตอรี่ที่มีขนาดแอมแปร์น้อยกว่า (แต่แอมป์ยิ่งมากราคายิ่งสูง) ดังนี้
รถเก๋ง ญี่ปุ่น เครื่อง 1200-1900 ซี.ซี. อาจเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 45-60 แอมป์
รถเก๋ง ญี่ปุ่น เครื่อง 2000-3000 ซี.ซี. อาจเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 60-75 แอมป์
รถเก๋ง ยุโรป เครื่อง 2000-3000 ซี.ซี. อาจเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 75 แอมป์ ขั้วจม
รถเก๋ง ยุโรป เครื่อง 2800-4000 ซี.ซี. อาจเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 100 แอมป์ ขั้วจม
รถกระบะ เครื่อง 2000-3000 ซี.ซี. อาจเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 70-90 แอมป์
แบตเตอรี่รถยนต์ปัจจุบันนี้แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
เหมาะกับผู้ที่ดูแลรักษารถเป็นประจำและใช้รถเป็นประจำทุกวัน เพราะต้องเติมน้ำกลั่นบ่อย อย่างน้อยก็ควรเดือนละครั้ง รักษาปริมาณน้ำกลั่นให้เหมาะสม
ลักษณะเด่น - มีราคาถูก, มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด ถ้าดูแลอย่างสม่ำเสมอ
พัฒนามาจากแบตเตอรี่ชนิดเติมน้ำกลั่น ถูกออกแบบมาให้มีการสูญเสียน้ำกลั่นน้อยมาก (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน) ด้วยการคิดสูตรผสมแผ่นธาตุใหม่ผสมแคลเซียม (calcium) ทำให้การระเหยของไอกรดต่ำ เรียกกันภาษาปากว่าแบตแห้งเพราะแทบไม่ต้องเติมน้ำกลั่นเลยหากไม่มีปัญหา
ลักษณะเด่น - มีราคาปานกลาง อายุการใช้งานปานกลาง สะดวกที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น
แบบแห้งของเมืองนอกจะใช้เจลหรือซิลิโคนแทนน้ำกรด ด้วยเหตุผลทางอุณภูมิของอากาศที่มีความหยาวเย็นถึงขั้นองศาติดลบ ส่วนใหญ่รถยนต์ยุโรปถูกออกแบบมาให้ใช้กับแบตเตอรี่ชนิดนี้
ลักษณะเด่น - ราคาแพง อายุการงานปานกลาง ใช้กับรถยนต์ยุโรป
สำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ก็ขอให้พิจารณายึดหลัก 2 ข้อนี้เป็นหลัก รายละเอียดปลีกย่อยสามารถถามกับผู้ขายได้เลย เช่น ขนาดของแบตเตอรี่ใหญ่เกินที่วางหรือเปล่า วันที่ผลิตของแบตเตอรี่ ส่วนเรื่องของยี่ห้อไหน เลือกราคาเท่าไหร่ อาจจะต้องพิจารณากันเองตามขนาดรถยนต์ที่ใช้