สิ่งที่ควรทำเมื่อรถ EV เกิดเพลิงไหม้
-
รีบหยุดรถอย่างปลอดภัย จอดชิดไหล่ทางหรือพื้นที่โล่ง เปิดไฟฉุกเฉิน กดเบรกมือ ปิดระบบรถ (Power OFF)
-
รีบออกจากรถให้เร็วที่สุด พาผู้โดยสารออกจากรถทั้งหมด ให้อยู่ห่างประมาณ 50-100 เมตร ขึ้นไป และอย่ายืนเหนือลมเพราะควันแบตเตอรี่ EV มีสารพิษที่เป็นอันตราย
-
โทรแจ้งฉุกเฉินทันที ทั้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน เบอร์ 1669, ดับเพลิง เบอร์ 199 หรือ 191 ให้แจ้งว่ารถ EV ไฟไหม้ เพราะทีมกู้เพลิงต้องใช้วิธีพิเศษ
ทำไมจึงไม่ควรดับเพลิงที่เกิดจากรถ EV เอง
การแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้น
หากเลี่ยงไม่ได้ (เฉพาะกรณีไม่มีทางเลือก) จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้น และเพลิงลุกไหม้เพียงเล็กน้อยและ “ยังไม่ไหม้แบตเตอรี่หรือเกิดเพลิงไหม้จากแบตเตอรี่” เช่น ไหม้สายไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้า หรือในห้องโดยสารเท่านั้น
-
ใช้ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง (Dry Chemical) ฉีดที่ต้นเพลิง ยืนอยู่ในระยะที่ปลอดภัยและมีทางหนีได้สะดวก
-
อย่าพยายามเปิดช่องแบตเตอรี่ เพราะเสี่ยงทำให้เกิดการลุกวาบและเป็นอันตราย
กรณีพบว่าไฟไหม้แบตเตอรี่รถแน่นอนแล้ว สิ่งที่ควรทำคือ ถอยออกจากจุดเพลิงไหม้ให้ไกลที่สุด รอหรือปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจัดการ หลังจากควบคุมสถานการณ์ได้ ห้ามเข้าใกล้รถจนกว่าเจ้าหน้าที่จะอนุญาต เพราะรถ EV ที่ไฟไหม้ซึ่งได้รับการดับไปแล้ว สามารถลุกซ้ำได้ภายใน 24-48 ชั่วโมง
วิธีการดับเพลิงรถไฟฟ้า EV
-
ใช้ผ้าคลุมดับเพลิง Fire Isolator คลุมรถที่เกิดเหตุครึ่งหนึ่ง เพื่อป้องกันไฟพุ่งออก และสะเก็ดระเบิด
-
โยนสารเหลวระเหย Aerosol เข้าไปในรถ
-
คลุมผ้าทั้งคัน
-
ใช้น้ำฉีดเป็นฝอย เพื่อลดอุณหภูมิผ้าจนไฟดับ
*หมายเหตุ : เกือบทุกทางด่วนของ EXAT จะมีช่องหยุดฉุกเฉินทุกระยะ 500–800 เมตร ให้มองหาป้ายสีฟ้าหรือพื้นที่ขยายไหล่ทาง แล้วจอดพร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน
บทความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน่ารู้รถยนต์
ขอบคุณข้อมูลจาก : gcc.go.th






