จั๊มพ์สตาร์ต รุ่นไหนดี ที่จะมาช่วยแก้ปัญหาเรื่องแบตเตอรี่หมดแบบไม่ทันตั้งตัว วันนี้เรามีมาแนะนำ
แบตเตอรี่ เป็นชิ้นส่วนที่มีความสำคัญของรถยนต์ ทำหน้าที่คอยจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับไดสตาร์ต และระบบจุดระเบิด เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน อีกทั้งยังจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้กับตัวรถ ซึ่งปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมหรือหมดกำลังไฟนั้นคงไม่มีใครทราบล่วงหน้าได้อย่างแน่นอน ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นมาคงสร้างความเดือดร้อนและวุ่นวายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการหาช่างเพื่อทำการเปลี่ยนแบตฯ ลูกใหม่ หรือจะแก้ปัญหาด้วยการหาสายชาร์จมาพ่วง
แต่ในปัจจุบันได้มีนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยให้เรื่องต่าง ๆ นี้เป็นเรื่องง่าย เพียงแค่มีเครื่องจั๊มพ์สตาร์ต ติดรถเอาไว้คอยช่วยเหลือในกรณีที่แบตเตอรี่รถยนต์ไม่มีประจุไฟ เพื่อให้คุณสามารถสตาร์ตรถได้ ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายรถไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ร้าน
สาเหตุที่รถสตาร์ตติดยาก หรือสตาร์ตไม่ติด
รถสตาร์ตไม่ติด เป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดกวนใจ ซึ่งสาเหตุของเรื่องนี้เกิดขึ้นจากหลายเหตุผล ดังนี้
- แบตเตอรี่หมด หรือเสื่อมสภาพ แบตเตอรี่ทั่วไปจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 2 ปี และจะเริ่มเสื่อมสภาพตามการใช้งาน รวมทั้งถ้าจอดรถทิ้งไว้ ไม่ค่อยได้ขับ แบตเตอรี่ก็จะคายประจุไฟออกมาเอง ส่งผลทำให้ประจุไฟที่อยู่ด้านในนั้นหมดลง
- ขี้เกลือขึ้นแบตเตอรี่ เกิดขึ้นได้จากการทำปฏิกิริยาทางเคมีของน้ำกรดในตัวแบตเตอรี่กับอากาศ อันเป็นผลมาจากการเติมน้ำกลั่นมากเกินไป ขันขั้วไม่แน่น หรือแบตเตอรี่มีรอยแตก สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งแบตเตอรี่น้ำ กึ่งแห้ง หรือแบตเตอรี่แห้ง โดยตัวขี้เกลือจะไปเกาะที่ขั้วแบตเตอรี่ ทำให้ไฟจากแบตเตอรี่ไหลผ่านไม่สะดวก ส่งผลเสียให้รถสตาร์ตยาก ชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้น้อย และแบตเตอรี่จ่ายไฟได้ไม่สม่ำเสมอ
- ไดชาร์จเสื่อม ไดชาร์จ คือ อุปกรณ์ที่ทำงานคู่กับแบตเตอรี่ ถ้าเกิดอาการไดชาร์จเสื่อมหรือพัง เมื่อสตาร์ตเครื่องแล้วมีเสียงลากยาวขึ้น สาเหตุจากไดชาร์จที่เสื่อมสภาพแล้วไม่สามารถปั่นกระแสไฟเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ได้ เมื่อสตาร์ตติด อุปกรณ์ไฟฟ้าเริ่มทำงานผิดปกติ เช่น ไฟหน้ารถสว่างน้อยลง แอร์ในห้องโดยสารเริ่มไม่ค่อยเย็น หลังจากนั้นจะมีสัญลักษณ์รูปแบตเตอรี่สีแดงโชว์บนหน้าปัด
- มอเตอร์สตาร์ตพัง หากรถยนต์สตาร์ตไม่ติดเลย แม้ว่าจะทดลองพ่วงแบตเตอรี่กับรถยนต์คันอื่น หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่แล้วก็ตาม เมื่อตอนสตาร์ตจะได้ยินเพียงเสียงแชะ ๆ ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ คาดว่าคงเกิดจาก
มอเตอร์สตาร์ตมีปัญหา ทั้งเกิดจากฟิวส์ชำรุด สายไฟที่ต่อไปยังมอเตอร์สตาร์ตอาจขาดหรือหลุด หรือแปรงถ่านหมด แนะนำให้แจ้งอู่เพื่อนำรถเข้าเช็กและซ่อมแซมโดยทันที
จั๊มพ์สตาร์ต คืออะไร
จั๊มพ์สตาร์ต เป็นเครื่องเก็บประจุไฟฟ้าสำรองแบบพกพา สำหรับไว้ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ ในกรณีที่รถสตาร์ตไม่ติด เนื่องจากไฟในแบตเตอรี่มีไม่มากพอที่จะทำให้ไดสตาร์ตฉุดเครื่องยนต์ให้ทำงาน จึงต้องใช้การจั๊มพ์
เพื่อช่วยสตาร์ตเครื่องยนต์ให้มีการจ่ายไฟตรงเข้าไดสตาร์ตโดยที่ไม่ผ่านแบตเตอรี่ ขนาดของตัวเครื่องนั้นจะมีขนาดเล็ก พกพาสะดวก ไม่กินพื้นที่เวลาเก็บไว้บนรถ
โดยตัวเครื่องสามารถชาร์จเก็บประจุไฟไว้ในแบตเตอรี่ลิเธียมโพลีเมอร์ ซึ่งชาร์จได้ทั้งกับไฟบนตัวรถ และไฟบ้านขนาด 220 โวลต์ ซึ่งจะใช้เวลาการชาร์จไฟเต็มประมาณ 6-8 ชม. ขึ้นอยู่กับขนาดความจุไฟฟ้าของเครื่อง
จั๊มพ์สตาร์ต
นอกจากที่จะช่วยจั๊มพ์สตาร์ตรถให้ติดแล้ว อุปกรณ์ดังกล่าวยังสามารถนำมาชาร์จสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งบางรุ่นยังมีไฟฉายหรือไฟกะพริบฉุกเฉินในตัว พร้อมกับมีหน้าจอแจ้งเตือนบอกปริมาณของแบตเตอรี่ว่าเหลือมากน้อยเพียงใดอีกด้วย
เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต ควรเลือกแบบไหนดี
ก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องจั๊มพ์สตาร์ตมาติดไว้ในรถยนต์ ควรซื้อให้ตรงกับชนิดของเครื่องยนต์ว่าเป็นเบนซินหรือดีเซล พร้อมกับดูปริมาณกระบอกสูบ และความจุไฟของแบตเตอรี่ โดยถ้ารถยนต์ของเรานั้นมีปริมาณความจุของเครื่องยนต์สูง และแบตเตอรี่มีกำลังไฟมาก ก็ต้องเลือกใช้เครื่องจั๊มพ์สตาร์ตที่มีขนาดความจุกระแสไฟที่สูงเช่นกัน อาทิ ถ้าใช้กับเครื่องเบนซินขนาด 6.0 ลิตร หรือดีเซลขนาด 4.0 ลิตร ควรเลือกเครื่องจั๊มพ์สตาร์ตที่มีความจุไฟ 18000mAh ขึ้นไป หรือถ้าเป็นรถเบนซิน 3.0 ลิตร หรือเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ให้เลือกตัวเครื่องที่มีความจุมากกว่า 14000mAh ซึ่งถ้าหากเลือกเครื่องที่มีกำลังไฟต่ำ เมื่อจั๊มพ์แบตเตอรี่แล้วรถก็จะสตาร์ตไม่ติด นอกจากนั้นควรเลือกที่มีขนาดที่พกพาสะดวก ไม่เกะกะ และใช้งานได้คล่องตัว
จั๊มพ์สตาร์ต มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง
1. เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต High Power Multi-Function Jump Starter
เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต High Power Multi-Function Jump Starter ขนาด 89800mAh สามารถใช้ได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล โดยในขนาดเครื่องเบนซินใช้ได้ถึงขนาดความจุ 6.0 ลิตร และเครื่องดีเซลใช้ได้ถึงขนาด 3.5 ลิตร ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับพอร์ต USB 4 ช่อง ที่รองรับการชาร์จได้ทั้งสมาร์ตโฟน โน้ตบุ๊ก อีกทั้งยังปล่อยกระแสไฟไปยังเครื่องปั๊มลมเพื่อเติมลมได้อีกด้วย
ด้านหัวของเครื่องจั๊มพ์สตาร์ตรุ่นนี้ถูกออกแบบโดยใช้โลหะ เพื่อเป็นหัวตอกกระจก ในกรณีเกิดอุบัติเหตุเปิดประตูไม่ได้ หรือรถจมน้ำ รวมถึงดีไซน์ด้านข้างเป็นมีดตัดเข็มขัดนิรภัย กรณีเกิดอุบัติเหตุเข็มขัดติดถอดไม่ได้ อีกทั้งยังมีไฟฉาย LED ความสว่างสูง ไฟฉุกเฉินกะพริบน้ำเงิน-แดงและเป็นไฟแฟลช มาพร้อมเข็มทิศในตัว
- ราคาจำหน่ายประมาณ 2,800-2,990 บาท
2. เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต Xiaomi 70mai Jump Starter
เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต Xiaomi 70mai Jump Starter ขนาดความจุ 11100mAh ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด 163 × 87 × 27 มม. ใช้ได้ทั้งรถเบนซินที่มีขนาดตั้งแต่ 1.0-1.8 ลิตร ส่วนในเครื่องยนต์ดีเซลนั้นมีขนาดต่ำกว่า 3.5 ลิตร แบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียมโพลีเมอร์ประสิทธิภาพสูง ที่มาพร้อมกับ IC พลังงานอัจฉริยะ ที่สามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำ
ตัวเครื่องยังมากับช่อง USB ที่รองรับการชาร์จได้ทั้งสมาร์ตโฟน โน้ตบุ๊ก ด้านพอร์ตชาร์จไฟเป็นแบบ Type-C ใช้เวลาชาร์จไฟจนเต็มประมาณ 5 ชม. ครึ่ง ส่วนการแจ้งเตือนปริมาณกระแสไฟในตัวแบตเตอรี่จะแสดงเป็นไฟ LED บริเวณด้านบนใกล้กับพอร์ต USB เป็นชุดไฟฉายส่องสว่าง ที่สามารถเปลี่ยนเป็นแสงไฟแฟลชและสัญญาณ SOS
- ราคาจำหน่าย 1,300-1,400 บาท
3. เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต SPARK JS18s
เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต SPARK JS18s ที่สามารถใช้กับรถยนต์ดีเซลไม่เกิน 3.2 ลิตร และสามารถใช้กับรถเบนซินทั่วไปได้ รวมถึงรถ Supercar 12V ขนาดความจุไม่เกิน 6.0 ลิตร มีความจุไฟ 18000mAh ขนาดเล็กกะทัดรัด มีน้ำหนักเบาเพียง 0.72 กก.
ตัวเครื่องมากับช่อง USB 2 ช่อง ที่รองรับการชาร์จสมาร์ตโฟน โน้ตบุ๊ก ได้พร้อมกันถึง 2 เครื่อง มีไฟฉายในตัวที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นไฟฉุกเฉิน ไฟ SOS ได้ แบตเตอรี่เก็บไฟได้ 3 เดือน มาพร้อมช่องบอกปริมาณกระแสไฟเป็นแบบไฟ LED ที่ขึ้นโชว์บนตัวเครื่อง สามารถชาร์จไฟจากทั้งที่จุดบุหรี่ในรถและปลั๊กไฟบ้าน
- ราคาจำหน่ายประมาณ 4,900-5,000 บาท
4. เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต Ring RPPL300 High Power Micro Jump Starter
เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต Ring RPPL300 High Power Micro Jump Starter ที่มีขนาดกำลังไฟ 18000mAh เหมาะสำหรับรถยนต์และรถตู้ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สามารถสตาร์ตรถยนต์เครื่องเบนซินได้ถึงขนาด 6.0 ลิตร ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลนั้นไม่เกิน 3.0 ลิตร
มาพร้อมกับพอร์ต USB 2.4 ที่รองรับการชาร์จทั้งสมาร์ตโฟนและโน้ตบุ๊ก ดีไซน์กะทัดรัด มีน้ำหนักเพียง 706 กรัม ติดตั้งไฟฉายแบบ LED ในตัว และชุดไฟ LED 4 ดวง ที่แสดงสถานะของประจุไฟในตัวเครื่อง เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต Ring RPPL300 High Power Micro Jump Starter สามารถชาร์จไฟเก็บประจุได้ภายใน 3 ชม. โดยผ่านช่องชาร์จไฟแบบ micro USB โดยเครื่องรุ่นนี้ยังมากับคุณสมบัติพิเศษป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร และระบบตัดไฟเมื่อชาร์จไฟเกิน
- ราคาจำหน่ายประมาณ 3,300-3,400 บาท
5. เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต Powerplus Jump Start NEW PS15
เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต Powerplus Jump Start NEW PS15 ขนาดความจุแบตเตอรี่ 14000mAh เหมาะสำหรับรถยนต์เบนซินทุกประเภทที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 3.0 ลิตร และรถเครื่องยนต์ดีเซลไม่เกิน 2.5 ลิตร
มาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย สามารถชาร์จมือถือ แท็บเล็ต และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตัวเครื่องทำจากพลาสติก ABS ชาร์จไฟได้ทั้งไฟบ้านและไฟจากรถยนต์ แบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียมโพลีเมอร์ ที่ให้กำลังไฟสูง อัตราการคายประจุต่ำ ชาร์จไฟเต็มภายในเวลา 4-5 ชม. มาพร้อมจอ LED ที่บอกปริมาณประจุไฟที่ตัวเครื่อง นอกจากนั้นยังมีไฟฉายในตัวที่เปลี่ยนเป็นไฟกะพริบ ไฟฉุกเฉิน SOS ได้ และยังมากับระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร รวมถึงระบบตัดไฟเมื่อชาร์จไฟเกิน
- ราคาจำหน่ายประมาณ 2,400-2,500 บาท
6. เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต GOOLOO 4000A Peak SuperSafe Car Jump Starter
เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต GOOLOO 4000A Peak SuperSafe Car Jump Starter ขนาดความจุแบตเตอรี่ 30000mAh สามารถใช้งานจั๊มพ์ได้ทั้งเบนซินและดีเซล โดยในส่วนของเครื่องยนต์เบนซินนั้นรองรับได้ถึงความจุขนาด 10.0 ลิตร ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลได้ถึง 7.0 ลิตร ตัวเครื่องนั้นมีน้ำหนักเพียง 820 กรัม มาพร้อมช่องชาร์จไฟที่เป็น Dual USB แบบ TypeC
นอกจากนั้นยังสามารถรองรับการชาร์จไฟได้ทั้งสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต กล้องถ่ายภาพ กล้องวิดีโอ หูฟังบลูทูธ เป็นต้น มาพร้อมระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ระบบตัดไฟเมื่อชาร์จไฟเกิน และยังมีไฟฉายในตัว ที่เปลี่ยนเป็นไฟกะพริบและไฟฉุกเฉิน SOS
- ราคาจำหน่ายประมาณ 9,000-10,000 บาท
7. เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต GKFLY High Power Jump Starter รุ่น GG-JS-XME
เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต GKFLY High Power ขนาดความจุแบตเตอรี่ 20000mAh ที่รองรับการจั๊มพ์สตาร์ตรถเครื่องยนต์เบนซินขนาดความจุที่มากถึง 6.0 ลิตร ด้านเครื่องยนต์ดีเซลได้สูงสุดถึงขนาด 4.0 ลิตร มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมโพลีเมอร์ ที่จั๊มพ์ได้สูงถึง 40 ครั้ง ใช้เวลาในการชาร์จเต็มเพียง 5-6 ชม. อีกทั้งยังทำงานภายใต้อุณหภูมิที่ต่ำถึงลบ 20-75°C รวมทั้งยังติดตั้งระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ระบบตัดไฟเมื่อชาร์จไฟเกิน
ตัวเครื่องดีไซน์ให้ดูบึกบึน มีขนาด 46 x 78 x 31 มม. และน้ำหนักเพียง 365 กรัม มาพร้อมพอร์ต USB 2 ช่อง ที่รองรับการชาร์จไฟทั้งสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ อีกทั้งยังมากับชุดไฟฉายในตัว และหน้าจอ LED ที่บอกปริมาณไฟเป็นแบบตัวเลข
- ราคาจำหน่ายประมาณ 1,600-1,700 บาท
8. เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต UTRAI Jstar4
เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต UTRAI Jstar4 จะมีขนาดความจุกำลังไฟ 24000mAh สามารถใช้ได้กับรถยนต์เบนซินที่มีขนาดเครื่องยนต์สูงสุดถึง 8.0 ลิตร หรือถ้าเป็นเครื่องยนต์ดีเซลไม่เกิน 7.0 ลิตร มาพร้อมการเชื่อมต่อ USB 2 ตัว สามารถชาร์จสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต ได้พร้อมกัน อีกทั้งยังมีระบบชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายอีกด้วย
ตัวเครื่องดีไซน์แบบทันสมัยในโทนสีดำ-แดง ติดตั้งไฟฉาย LED ที่ปรับเปลี่ยนเป็นไฟกะพริบ SOS และมีเข็มทิศมาให้ในตัว มาพร้อมกับจอแสดงผล LED ดิจิทัลเป็นตัวเลข แสดงค่าความจุปริมาณของแบตเตอรี่ ใช้เวลาการชาร์จไฟให้เต็มในเวลา 6-7 ชม.
- ราคาจำหน่ายประมาณ 9,000-10,000 บาท
9. เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต Hummer Jump Starter รุ่น H8
เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต Hummer Jump Starter รุ่น H8 ขนาดความจุ 8,000mAh สามารถจั๊มพ์แบตเตอรี่รถยนต์เบนซินที่มีขนาดถึง 5.0 ลิตร ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลสูงสุดที่ 3.0 ลิตร และจั๊มพ์แบตเตอรี่ได้ถึง 10 ครั้ง จากการชาร์จเต็มเพียงครั้งเดียว นอกจากนั้นตัวแบตเตอรี่ยังเก็บประจุได้นานสูงสุดถึง 3 เดือน
อีกทั้งยังชาร์จไฟกับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้หลายชนิด ทั้งสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต รองรับการทำงานในอุณหภูมิที่ต่ำถึงลบ 20-75°C มาพร้อมกับตัวเครื่องขนาดกะทัดรัด มีขนาด 142 x 78 x 28 มม. และมีน้ำหนักเพียง 320 กรัม
- ราคาจำหน่ายประมาณ 6,000-6,500 บาท
10. เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต SPARK JT28
เครื่องจั๊มพ์สตาร์ต SPARK JT28 มีขนาดความจุกำลังไฟ 28000mAh เหมาะสำหรับรถบรรทุก รถหัวลาก เทรลเลอร์ รถบัส รถตัก แบ็กโฮ รถยก รถเครน ฯลฯ ให้กำลังสตาร์ตเทียบเท่าแบตเตอรี่ขนาด 150Ah 2 ลูก
ตัวเครื่องมาพร้อมไฟฉายปรับไฟได้ 3 ระดับ สามารถใช้เป็นไฟฉุกเฉิน ไฟ SOS ได้ อีกทั้งยังมีแถบแม่เหล็กพลังสูงไว้ยึดเกาะติดแน่น ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น มาพร้อมช่องชาร์จ USB 1 ช่อง สำหรับชาร์จสมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ต มีขนาดตัวเครื่อง 120 x 133 x 260 มม. และมีน้ำหนัก 2,000 กรัม แบตเตอรี่เก็บไฟได้นานสูงสุดถึง 6 เดือน
- ราคาจำหน่ายประมาณ 8,500-8,700 บาท
และนี่ก็เป็น 10 เครื่องจั๊มพ์สตาร์ตที่มีมาแนะนำ ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะมีราคาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดความจุกำลังไฟ ดังนั้นก่อนการเลือกซื้อจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูขนาดเครื่องยนต์ของรถว่ามีความจุเท่าไหร่ เป็นเครื่องยนต์แบบไหน เพื่อจะได้เครื่องจั๊มพ์สตาร์ตที่เหมาะสมกับรถของคุณ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : lifewire.com, toolnerds.com, t3.com, cnet.com, gump.in.th, 70mai.com, jumpandcharge.com, ringautomotive.com, powerplus-jumpstart.com, gooloo.com, gkfly.com, utrai.com, conhummer.com, aprtech.co.th