แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้น้ำเปล่าเติมแทนน้ำกลั่นได้หรือไม่ ? พร้อมวิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ที่ถูกต้อง เพื่อการใช้งานที่ยาวนาน เต็มประสิทธิภาพ
แบตเตอรี่รถยนต์ อุปกรณ์อย่างหนึ่งภายในรถยนต์ที่มีความสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่น ๆ เพราะมีหน้าที่กักเก็บไฟ จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับส่วนต่าง ๆ รวมถึงขั้นตอนการสตาร์ตเครื่องยนต์ โดยภายในแบตเตอรี่รถยนต์จะบรรจุของเหลวหรือน้ำกรดอยู่ภายใน ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวนำไฟฟ้าระหว่างแผ่นธาตุบวก และลบ เมื่อใช้งานแบตเตอรี่ไปสักระยะเวลาหนึ่งจะมีการระเหยออก ส่งผลให้ปริมาณน้ำกรดลดลง และจำเป็นที่จะต้องเติมน้ำกลั่นเพิ่มเข้าไป หลายคนอาจจะสงสัยว่าในเมื่อมีน้ำกรดอยู่ในแบตเตอรี่ ทำไม่จึงเติมน้ำกลั่นแทนที่จะเป็นน้ำกรด แล้วสามารถเติมน้ำเปล่าแทนได้หรือไม่ มาหาคำตอบกัน
ปัจจุบันแบตเตอรี่ที่นิยมใช้ในรถยนต์หรือรถชนิดอื่น ๆ จะมีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่
1. แบตเตอรี่น้ำ
แบตเตอรี่แบบดั้งเดิมที่ส่วนผสมภายในประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างตะกั่วกับพลวง มีความทนทานต่อปะจุไฟเกินและการคายประจุ มีอายุที่ใช้งานค่อนข้างนาน แต่ต้องหมั่นตรวจสอบระดับน้ำกลั่นและคอยเติมอยู่สม่ำเสมออาจจะสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้แบตเตอรี่น้ำนั้นอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน
2. แบตเตอรี่กึ่งแห้ง
เป็นแบตเตอรี่ที่ยังต้องดูและตรวจสอบระดับน้ำกลั่นอยู่เป็นระยะ แต่อาจไม่บ่อยเท่ากับแบตเตอรี่แบบน้ำ เพราะน้ำกรดที่อยู่ภายในแบตเตอรี่กึ่งแห้งนั้น จะมีความเข้มข้นสูงกว่ามากทำให้เกิดการระเหยที่ช้ากว่านั่นเอง
3. แบตเตอรี่แห้ง
เป็นแบตเตอรี่ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีขั้นตอนการดูแลที่ไม่ยุ่งยากหรือแทบจะไม่ต้องดูแลเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ต้องคอยดูหรือเติมน้ำกลั่น และแบตเตอรี่แห้งนั้นสามารถปล่อยทิ้งไว้ในสภาพไม่มีประจุไฟได้นานกว่าแบตเตอรี่ธรรมดาโดยไม่ต้องชาร์จไฟ
4. แบตเตอรี่ไฮบริด
แบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนามาจากแบตเตอรี่น้ำ ภายในตัวแบตเตอรี่นั้นจะประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างตะกั่วกับแคลเซียมเฉพาะแผ่นธาตุลบ เพื่อแก้ไขการระเหยของน้ำกลั่นที่สูงมากในแบตเตอรี่น้ำ แบตเตอรี่ไฮบริดมักใช้กับรถที่ใช้งานหนัก ๆ เช่น รถบรรทุก รถโดยสาร หรือ รถรับจ้าง ส่วนในเรื่องของราคานั้นค่อนข้างสูงกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่น ๆ
การดูแลแบตเตอรี่รถยนต์แต่ละชนิด
สำหรับการดูแลรักษาแบตเตอรี่แต่ละชนิดนั้นจะมีความแตกต่างกันออกไป แบตเตอรี่แห้ง และแบตเตอรี่ไฮบริดนั้นแทบไม่ต้องดูแลมากนักอาจตรวจสอบ 3 เดือนต่อครั้ง ในส่วนของการระเหยของน้ำกรดก็ไม่ต้องกังวลเพราะแบตเตอรี่ 2 ชนิดนี้จะมีการบรรจุที่แน่นหนาทำให้การระเหยของน้ำกรดจะช้ามากบางทีอาจใช้งานจนแบตเตอรี่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา
แต่ใครที่ใช้แบตเตอรี่น้ำหรือแบตเตอรี่กึ่งแห้งคงจะต้องหมั่นตรวจสอบเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพราะแบตเตอรี่ 2 ชนิดนี้จะมีอัตตราการระเหยของน้ำที่อยู่ภายในสูง หากปล่อยไว้จนระดับน้ำลดต่ำลงมากจะทำให้ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ลดลง กำลังไฟไม่พอ อาจถึงขั้นเสียได้
น้ำกรด น้ำกลั่น ต่างกันอย่างไร
- น้ำกรด หรือน้ำยา Electrolyte เป็นน้ำกรดกำมะถันเจือจางมีหน้าที่ทำให้แผ่นธาตุลบเกิดปฏิกิริยาทางเคมีจนเกิดกระแสไฟฟ้าและแรงเคลื่อนไฟฟ้าขึ้นมาได้ มักจะเทใส่ในแบตเตอรี่ก่อนการใช้งานครั้งแรกเท่านั้น
- น้ำกลั่น คือน้ำที่มีความบริสุทธิ์สูงมาก โดยได้จากการควบแน่นด้วยเครื่องกลั่นน้ำและระเหยกลายเป็นไอ เพื่อเป็นการกำจัดเอาแร่ธาตุ โลหะหนัก และสิ่งเจือปนต่าง ๆ ทุกชนิดให้แยกตัวออกไป ซึ่งจะได้น้ำที่มีค่าความเป็นกรดเหมาะสำหรับการเติมแบตเตอรี่รถยนต์ ไม่แนะนำให้บริโภค
แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้น้ำเปล่าเติมได้ไหม
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินคำแนะนำที่ว่าให้ใช้น้ำเปล่าเติมแบตเตอรี่รถยนต์แทนน้ำกลั่น เพราะเป็นน้ำที่สะอาดสามารถทดแทนกันได้ แต่ความจริงแล้ว น้ำกลั่น เป็นน้ำที่มีความบริสุทธิ์สูงมากไม่มีแร่ธาตุหรือสิ่งเจือปนต่าง ๆ และมีค่าความเป็นกรด แต่น้ำเปล่าธรรมดา หรือน้ำที่เราดื่มกันนั้นจะมีแร่ธาตุต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายปะปนอยู่ ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ หากเราใช้น้ำเปล่าอาจทำแบตเตอรี่ทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลต่อแรงดันไฟฟ้าและเสื่อมประสิทธิภาพในที่สุด และที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าของเหลวที่อยู่ในแบตเตอรี่นั้นเป็นน้ำกรด การเติมน้ำกลั่นจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดนั่นเอง
แบตเตอรี่รถยนต์เป็นอุปกรณ์ที่ต้องการดูแลเอาใจใส่เช่นเดียวกับส่วนอื่น ๆ หากเราบำรุงรักษาอย่างถูกต้อง การใช้งานแบตเตอรี่ก็จะยาวนานตามอายุที่กำหนด ส่วนการเลือกใช้งานแบตเตอรี่ก็ควรเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับประเภทของรถแต่ละชนิด ซึ่งปัจจุบันก็มีแบตเตอรี่รถยนต์ให้เลือกอย่างมากมายหลายแบบก็ลองพิจารณากันดูได้