ผลวิจัยเผย ขับรถเปิดกระจก ช่วยลดความเสี่ยง COVID-19

เผยผลวิจัยจากต่างประเทศ การขับรถเปิดกระจกสามารถช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อ COVID-19 ได้ แต่ในทางปฏิบัติจริงขับรถในเมืองไทยอาจจะต้องพิจารณากันอีกที

ทุกวันนี้สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ทั่วโลกและในประเทศไทยยังอยู่ในระดับน่ากังวล ทุกคนต้องใช้ชีวิตประจำวันด้วยความระมัดระวัง แม้แต่การใช้รถยนต์ส่วนตัวก็ยังถือได้ว่ามีความเสี่ยง ในกรณีที่มีผู้ร่วมเดินทางด้วย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเดินทางด้วยรถแท็กซี่หรือรถสาธารณะ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสื่อในต่างประเทศได้รายงานว่า อาจจะมีวิธีที่สามารถลดอัตราเสี่ยงที่จะติดเชื้อ COVID-19 ระหว่างการเดินทางร่วมกับผู้อื่นใน รถยนต์ ได้ ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากสถาบันทางวิชาการที่น่าเชื่อถือ นั่นก็คือการเปิดกระจกในระหว่างการเดินทางนั่นเอง

ตามรายงานข่าวได้อ้างถึงผลวิจัยโดยผู้เชี่ยวชาญจาก Harvard T.H. Chan School of Public Health และ Portland State University ซึ่งมีข้อสรุปว่า ในการเดินทางหรือโดยสารด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถแท็กซี่และรถสาธารณะเราจะอยู่ในระบบอากาศที่ปิด ซึ่งถ้าหากมีผู้ที่ติดเชื้อโดยสารอยู่บนรถดังกล่าวแล้วเกิดไอหรือจามขึ้นมา เชื้อ COVID-19 จะสะสมอยู่ภายในรถ ซึ่งเชื้อนั้นจะไม่เจือจางลง แต่จะเพิ่มขึ้นในทุกครั้งที่มีการไอหรือจาม เพราะอากาศที่ไม่มีการถ่ายเท 

ดังนั้น การเปิดหน้าต่างเพื่อการระบายอากาศจะเป็นการยับยั้งการแพร่เชื้อได้ดี และคำแนะนำก็คือควรเปิดหน้าต่างสองบานที่อยู่ตรงกันข้ามกับฝั่งคนขับหรือฝั่งที่มีคนนั่งอยู่ เนื่องจากการเปิดหน้าต่างเพียงบานใดบานหนึ่งยังไม่ทำให้อากาศถ่ายเทได้เพียงพอ

ส่วนกรณีที่ไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม การปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานระบบปรับอากาศให้เป็นแบบดึงอากาศจากภายนอกเข้ามาหมุนเวียนในตัวรถก็อาจจะสามารถช่วยได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการสวมหน้ากากอนามัยซึ่งยังเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อคุณอยู่ในรถร่วมกับผู้อื่น

แม้การเปิดกระจกจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติด COVID-19 ได้จริง ทว่าในทางปฏิบัติจริง โดยเฉพาะสำหรับในประเทศไทยเรานั้นอาจจะไม่เหมาะสักเท่าไร ด้วยสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน แถมยังมีสภาวะฝุ่น PM2.5 และมลภาวะต่าง ๆ บนท้องถนน ซึ่งอาจทำให้กลายเป็นการป่วยด้วยโรคอื่น ๆ ไปซะก่อน

อย่างไรก็ตาม หากเป็นการขับรถในต่างจังหวัดหรืออยู่นอกเมืองที่มีปริมาณรถบนท้องถนนไม่หนาแน่น หรือในช่วงที่อากาศเย็นสบาย การขับรถพร้อมกับเปิดหน้าต่าง เปิดกระจก ก็อาจจะทำได้เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้คงต้องอยู่ที่ความสะดวกของผู้ขับขี่และผู้โดยสารแต่ละท่าน

แน่นอนว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวคงมีความเสี่ยงไม่มากนัก แต่กรณีจำเป็นต้องมีผู้ร่วมเดินทางคนอื่น ๆ หากสามารถทำได้การยึดหลักเว้นระยะก็ยังถือว่าสำคัญ รวมทั้งล้างมือทั้งก่อนและหลังเข้ามาในรถ การทำความสะอาดจุดสัมผัสต่าง ๆ ก็จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงได้

ส่วนการใช้บริการ Uber, Grab และ Taxi ยังคงสามารถใช้บริการได้ตามปกติ แต่ให้ยึดหลักการรักษาระยะห่างไว้ให้มากที่สุดเช่นกัน รวมทั้งล้างมือทุกครั้งหลังขึ้น-ลงจากรถ สวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาในการเดินทาง และหลีกเลี่ยงการสนทนาหากไม่จำเป็น

ภายในห้องโดยสารรถยนต์ถือเป็นสภาวะแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ดังนั้น ควรหมั่นทำความสะอาดภายในรวมถึงภายนอกรถให้บ่อยยิ่งขึ้น เนื่องจากในแต่ละวันเราไม่อาจทราบได้เลยว่าเวลาไปจอดรถไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ จะมีใครมาสัมผัสกับรถของเราหรือไม่  ยิ่งถ้าเป็นรถสาธารณะที่มีผู้โดยสารด้วยแล้วละก็เราไม่อาจทราบได้เลยว่าผู้โดยสารไปสถานที่ใดมาบ้าง เราจึงต้องทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายในรถ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของทั้งตัวเราและผู้ที่ร่วมเดินทาง 

ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยการโดยสารรถยนต์ส่วนตัว หรือรถโดยสาร หรือการเดินเท้าตามท้องถนน หลักปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยคือ การสวมหน้ากากอนามัย และการล้างมือ ย่อมเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันจนกว่าวิกฤตการณ์นี้จะผ่านพ้นไป และสามารถกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติสุขได้

ขอบคุณข้อมูลจาก caranddriver.com, hsph.harvard.edu, moneytalksnews.com