รวมข้อมูลเรื่องของยางมอเตอร์ไซค์ วิธีการเลือกซื้อยางมอเตอร์ไซค์ควรเลือกใช้แบบไหน ยางรถมอเตอร์ไซค์มีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร เมื่อไหร่ถึงควรเปลี่ยนยางมอเตอร์ไซค์ และเลือกยี่ห้อไหนดี
ปัจจุบันรถมอเตอร์ไซค์กำลังเป็นยานพาหนะที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์ไซค์ บิ๊กไบค์ในสไตล์ sport bike, cruiser bike หรือ สกูตเตอร์ ซึ่งการดูแลบำรุงรักษารถคู่ใจให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานก็เป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะในส่วนของยางมอเตอร์ไซค์ ที่ถือเป็นส่วนสำคัญต่อการขับขี่และความปลอดภัย หากยางรถมอเตอร์ไซค์อยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ดังนั้นเมื่อถึงคราวต้องเปลี่ยนยาง ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ทุกคนควรต้องใส่ใจและมีความรู้ความเข้าใจ ว่าควรใช้ยางมอเตอร์ไซค์แบบไหน ยี่ห้อไหนดี หรือยางรถมอเตอร์ไซค์ของเรานั้นจัดอยู่ในประเภทไหน วันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับยางมอเตอร์ไซค์ ทั้งประเภท รวมถึงวิธีการเลือกซื้อยางให้เหมาะกับรถของเรา ไปติดตามกัน
ยางมอเตอร์ไซค์มี่กี่ประเภท
ยางรถมอเตอร์ไซค์ จะแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้หลากหลาย อย่างเช่น หากแบ่งตามลักษณะของรถมอเตอร์ไซค์ และรูปแบบของการใช้งานก็จะแยกได้เป็น 7 ประเภทด้วยกัน
-
Cruiser/Touring Tires
ยางมอเตอร์ไซค์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักของรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่สำหรับสายทัวร์ริ่ง ยางเหล่านี้จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและมีการยึดเกาะที่ดีสำหรับสภาพพื้นผิวที่เปียก แก้มยางถูกออกแบบมาให้มีความแข็งเพื่อรองรับงานหนักของตัวรถและสัมภาระ นอกจากโครงสร้างตัวยางที่แข็งแรงแล้วยังมีดอกยางที่ลึกเพื่อระยะทางที่ดีขึ้นและการสึกหรอที่น้อยลงเมื่อเทียบกับยางรถมอเตอร์ไซค์ประเภทอื่น ๆ
-
Dual Sport/ADV/All-Terrain Tyres
ยางประเภทนี้เป็นยางที่เห็นได้ในรถมอเตอร์ไซค์แบบดูอัลสปอร์ตหรือผจญภัยหลายรุ่น เช่น KTM 1290 Super Adventure, Honda Africa Twin เป็นต้น โดยทั่วไปยางประเภทนี้จัดอยู่ในหมวดยางออฟโรดประมาณ 70% ขับขี่บนถนนทั่วไป 30% ตัวยางจะยึดเกาะได้ดีบนถนนทั่วไป แต่จะยึดเกาะได้ดีที่สุดบนถนนขรุขระ ดินโคลน ทราย หรือลูกรัง
-
Sport/Super Sport/Hyper-Sport/Performance Tires
ยางสำหรับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์สไตล์สปอร์ตสมรรถนะสูง ยางประเภทนี้จะมีดอกยางน้อยกว่ายางมอเตอร์ไซค์ทั่วไปแต่ให้การยึดเกาะได้อย่างดีเยี่ยมบนพื้นผิวธรรมดาหรือพื้นเปียก ยางได้รับการออกแบบมาเพื่อบังคับทิศทางที่ง่ายและการเข้าโค้งที่นุ่มนวลยิ่งขึ้น นอกจากนี้ตัวยางจะให้ประสิทธิภาพสูงสุดโดยเฉพาะในช่วงเบรกหรือการเข้าโค้ง
-
Sport-Touring Tyres
เป็นยางมอเตอร์ไซค์ที่ผสมผสานระหว่างยางสมรรถนะสูงและยางทัวร์ริ่ง ซึ่งออกแบบมาให้มีระยะการใช้งานที่ยาวนานและการยึดเกาะที่ดีเยี่ยมเต็มประสิทธิภาพ ยางสปอร์ตทัวร์ริ่งส่วนใหญ่จะมีการออกแบบให้มีความนุ่มที่บริเวณด้านข้างของยางเพื่อช่วยในเรื่องการยึดเกาะเวลาเข้าโค้ง และบริเวณส่วนกลางของยางจะมีความแข็งเพื่อช่วยให้ขับขี่ในระยะไกลที่มั่นคง
-
Dual Sport/ADV Tires
ยางที่ได้รับการออกแบบสำหรับการขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะ ตัวยางถูกผลิตออกมาให้ทำการยึดเกาะได้ดีในพื้นผิวที่เป็นโคลน ทราย หรือหิน เพราะตัวดอกยางจะมีความลึกมากกว่ายางมอเตอร์ไซค์ทั่วไป นอกจากนี้ตัวยางก็สามารถยึดเกาะได้ดีแม้ใช้งานบนถนนที่มีพื้นผิวปกติ เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ และรองรับน้ำหนักได้มาก
-
Racing/Competition Tyres
ยางมอเตอร์ไซค์ชนิดนี้อาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ยางเทรล หรือ ยางแทร็ก เป็นยางที่ใช้ในสนามแข่งเป็นส่วนใหญ่ ยางประเภทนี้จะทนความร้อนได้สูงกว่ายางทั่วไป เพราะพื้นผิวถนนในสนามแข่งนั้นจะมีความร้อนที่สูงมาก ตัวยางจะมีความนิ่มและพื้นผิวที่เรียบเพื่อการสัมผัสพื้นผิวได้ดี แต่ก็แลกมาด้วยความเสื่อมสภาพที่รวดเร็วนั่นเอง
-
Street Tyres
ยางมอเตอร์ไซค์สำหรับผู้ใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไปที่ไม่ได้ขับขี่ด้วยความเร็วสูง ยางประเภทนี้จะมีเนื้อยางที่ค่อนข้างแข็งแต่ก็แลกมาด้วยอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ตัวยางมีความทนทานต่ออุณหภูมิที่สูงปกติไม่ได้มากเหมือนมอเตอร์ไซค์สำหรับรถแข่ง ยาง Street Tyres ให้การยึดเกาะได้ดีบนพื้นผิวถนนปกติรวมถึงพื้นที่เปียกเพราะมีจำนวนดอกยางที่มาก แต่การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงนั้นอาจไม่เหมาะสักเท่าไรนัก
นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งประเภทของยางได้เป็น 2 แบบ ตามลักษณะโครงสร้างของยาง คือ
-
ยางไบแอส หรือทแยงมุม (Bias Ply Tyre) ยางแบบนี้อาจจะเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่าเป็นยางที่มีโครงสร้างแบบธรรมดา มีลักษณะชั้นผ้าใบที่จัดเรียงทำมุมต่อกัน แต่ละชั้นถูกวางไว้เพื่อให้เส้นใยมีรูปแบบเป็นกากบาท โครงสร้างทั้งหมดมีลักษณะเดียวกัน หน้ายางและแก้มยางมีคุณสมบัติทางกลที่คล้ายกัน
-
ยางเรเดียล (Radial Tire) ยางแบบเรเดียล คือ ยางที่มีโครงสร้างเป็นแนวรัศมี เส้นใยจะกระจายออกมาจากศูนย์กลางของยาง ส่วนหน้ายางจะทำมาจากชั้นผ้าใบที่ทำเป็นเข็มขัด ซึ่งทำให้หน้ายางและแก้มยางมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง
ด้วยโครงสร้างที่แตกต่างกัน ทำให้ยางทั้งสองประเภทให้สมรรถนะที่แตกต่างกัน โดยยางเรเดียลแก้มยางจะอ่อนนุ่มกว่า รอยที่ยางกดพื้นถนนสั้นกว่าแต่กว้างกว่ายางไบแอส ทำให้ยึดเกาะถนนได้ดีกว่าเมื่อเอียงตัวมาก ๆ หรือขณะเข้าโค้ง นอกจากนี้ความดันอากาศที่สัมผัสกับพื้นผิวของยางยังกระจายตัวได้ดีกว่า ซึ่งส่งผลให้การสึกหรอของดอกยางเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นยางทั้งสองแบบจึงเหมาะสมกับรถมอเตอร์ไซค์และลักษณะการขับขี่ที่แตกต่างกันไปด้วย
ยางมอเตอร์ไซค์แบบ Tubeless
ยางแบบ Tubeless หรือ จุ๊บเลส คือยางมอเตอร์ไซค์แบบไม่มียางใน ถูกพัฒนาขึ้นให้มีโครงสร้างด้านในเป็นผ้าใบ ส่วนด้านนอกมีเนื้อยางที่แข็งแรงกว่ายางมอเตอร์ไซค์ทั่วไป การใช้งานยางมอเตอร์ไซค์แบบ Tubeless จะต้องใช้กับล้อที่รองรับยางประเภทนี้โดยเฉพาะ เนื่องจากการใส่ยางจุ๊บเลสเข้าไปในล้อนั้น ขอบยางจะอัดแน่นกับขอบกระทะล้อเพื่อการเก็บลมไว้อย่างดี
สำหรับยาง Tubeless นั้นถือว่าเป็นยางแบบที่ทนทาน แข็งแรง มีประสิทธิภาพสูงมากกว่ายางทั่วไป ทำให้มีราคาสูงกว่าตามมาด้วย
ยางดิน-ยางดำ คืออะไร
สำหรับ ยางดิน และ ยางดำ คือคำทั่วไปที่ใช้เรียกยางแต่ละแบบตามลักษณะการใช้งานนั่นเอง โดยยางดินหมายถึง ยางมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ขับขี่แบบ off-road หรือทางวิบาก ส่วนยางดำ ก็คือยางที่ใช้สำหรับขับขี่บนทางเรียบ หรือบนท้องถนน
วิธีอ่านรหัสตัวเลขบนยางมอเตอร์ไซค์
สำหรับชุดตัวเลขบนยางรถมอเตอร์ไซค์นั้นล้วนมีความหมายที่บอกถึงสเปกและคุณลักษณะต่าง ๆ ของตัวยาง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเราจะพบเห็นชุดตัวเลขใน 3 รูปแบบด้วยกัน คือ แบบตัวเลขหน่วยเป็นนิ้ว แบบตัวเลขระบบเมตริก และแบบตัวอักษร ซึ่งแต่ละแบบมีวิธีอ่านค่า ดังนี้
ระบบตัวเลขหน่วยเป็นนิ้ว - ตัวอย่าง 5.00 H 16 4PR
- 5.00 คือ ความกว้างในส่วนของแก้มยาง
- H คือ ความเร็วสูงสุดที่ยางทำได้
- 16 คือ ขนาดวงล้อ (16 นิ้ว)
- 4PR คือ ความแข็งแรงและความสามารถในการรับน้ำหนัก
ระบบตัวเลขเมตริก - ตัวอย่าง 130/90 - 16 67 H
- 130 คือ ความกว้างของยาง
- 90 คือ ซีรีส์ของยาง
- 16 คือ ขนาดวงล้อ (16 นิ้ว)
- 67 คือ ความสามารถในการรับน้ำหนักของยาง
- H คือ ความเร็วสูงสุดที่ยางทำได้
แบบตัวอักษร - ตัวอย่าง MT 90 - 16 Load Range B
- M คือ รหัสมอเตอร์ไซค์
- T คือ รหัสความกว้างของยาง
- 90 คือ ซีรีส์ของยาง
- 16 คือ ขนาดวงล้อ (16 นิ้ว)
- Load Range B ความสามารถในการรับน้ำหนักของยาง
นอกจากนี้ยังมีตัวเลขหรือตัวหนังสือที่อาจพบได้แต่ก็ไม่ทราบถึงความหมายที่แน่นอน หรืออาจพบได้ในยางมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ ยางบิ๊กไบค์ เช่น ZR, M/C, 73W และ DOT 1219
- Z คือ ตัวบอกคุณสมบัติของยางว่าเป็นยางที่ใช้กับรถความเร็วสูง
- R คือ ยางชนิดนี้เป็นยางเรเดียล
- M/C คือ ยางเส้นนี้ใช้สำหรับรถมอเตอร์ไซค์
- 73 คือ อัตราการรับน้ำหนักสูงสุดของยาง (Load Index) เทียบเท่ากับ 365 กิโลกรัม
- W คือ อัตราความเร็วสูงสุดที่ยางรับได้ ซึ่งตัว W หมายถึงไม่เกิน 270 กม./ชม.
- DOT (Department of Transport) 1219 คือ สัปดาห์ และปีที่ผลิต ตัวเลขสองหลักแรก คือ สัปดาห์ที่ผลิตในปีนั้น ๆ ตัวเลขสองหลักหลัง คือ ปีที่ผลิต
วิธีเลือกยางมอเตอร์ไซค์ ต้องดูอะไรบ้าง
วิธีการเลือกซื้อยางรถมอเตอร์ไซค์นั้นหลายคนอาจคิดว่าก็ซื้อยางที่ราคาสูงหรือแบบของรถสปอร์ตไปเลยก็ได้เพราะทั้งเหนียว ทนทาน และให้การยึดเกาะเป็นอย่างดี แต่อันที่จริงแล้วถ้ารถมอเตอร์ไซค์ที่เราใช้เป็นเพียงรถใช้งานธรรมดาทั่วไป หรือเป็นมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์แต่ก็ไม่ได้ขับขี่ด้วยความเร็วสูง ก็ควรที่จะต้องเลือกยางที่มีคุณสมบัติตรงกับการใช้งานจริง โดยมีหลักพิจารณาเบื้องต้น ดังนี้
-
เลือกขนาดยางให้เข้ากับขนาดล้อ แน่นอนว่าข้อแรกที่ต้องพิจารณาก่อนเลยก็คือการเลือกยางมอเตอร์ไซค์ที่จะใช้กับวงล้อของรถได้ ซึ่งในกรณีที่ต้องการจะเพิ่มหรือเปลี่ยนขนาดยางจากเส้นเดิมก็คงต้องศึกษาหรือสอบถามจากช่างผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
-
เลือกประเภทของยางให้ถูกต้อง อีกข้อหนึ่งซึ่งคงเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยกว่าเรื่องอื่นก็คือการเลือกยางให้เหมาะสมกับประเภทของรถและรูปแบบการใช้งาน ซึ่งแน่นอนว่ายางมอเตอร์ไซค์แต่ละรุ่นของแต่ละแบรนด์ ย่อมถูกผลิตมาโดยเฉพาะสำหรับการใช้งานกับรถแต่ละประเภทอยู่แล้ว การเลือกใช้ยางไม่เหมาะกับรถนอกจากจะมีผลต่อสมรรถนะแล้วยังถือว่าเสี่ยงต่อความปลอดภัยด้วย
-
ดูดอกยางและลักษณะยาง ดอกยางและลักษณะของเนื้อยาง ย่อมส่งผลอย่างมากต่อสมรรถนะการขับขี่ ซึ่งถึงแม้จะเป็นยางมอเตอร์ไซค์ประเภทเดียวกัน ทว่าแต่ละแบรนด์หรือแต่ละรุ่น ก็อาจจะมีการออกแบบรูปแบบของดอกยาง หรือคุณสมบัติของเนื้อยาง ความแข็งแรง ความนุ่ม ไม่เหมือนกัน ทำให้เหมาะกับการขับขี่แตกต่างกันไป ซึ่งผู้ขับขี่ควรต้องศึกษาข้อมูลในส่วนนี้ด้วย
-
ดูความสามารถในการรับน้ำหนักของยาง ค่าความสามารถในการรับน้ำหนัก รวมถึงอัตราเร็วสูงสุดที่ยางทำได้ก็เป็นคุณสมบัติเบื้องต้นที่ผู้ขับขี่ควรคำนึงถึง เพื่อตัดสินใจว่ายางรุ่นนี้มีสเปกที่คุ้มค่ากับราคา และเหมาะกับลักษณะการใช้งานหรือไม่
ยางมอเตอร์ไซค์ต้องเปลี่ยนเมื่อไหร่ มีอายุการใช้งานนานแค่ไหน
ยางมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 10,000-20,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการใช้งานรวมถึงปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ เช่น สภาพอากาศในบริเวณที่เราจอดรถมอเตอร์ไซค์ โดยผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสภาพยางด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ด้วยการดูที่ดอกยาง หากดอกยางเริ่มบาง หน้ายางเริ่มเป็นผิวเรียบ
อีกหนึ่งจุดสังเกตที่สำคัญก็คือ สะพานยาง หากใช้นิ้วสัมผัสแล้วพบว่าสะพานอยู่ตื้นมากนั่นก็หมายความว่าดอกยางเริ่มหายไปเยอะแล้ว ขณะเดียวกันยังมีเรื่องของรอยแตกลายงา รอยปริต่าง ๆ หรือใช้เล็บจิ้มที่ตัวยางดูว่ามีความแข็งกระด้างแล้วหรือเปล่า ถ้ามีอาการต่าง ๆ เหล่านี้ก็สามารถดำเนินการเปลี่ยนยางได้ในทันทีเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ (คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง ยางมอเตอร์ไซค์ต้องเปลี่ยนเมื่อไหร่)
ยางมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อไหนดี
IRC (ไออาร์ซี)
ยางมอเตอร์ไซค์ที่คุ้นเคยและอยู่คู่กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์มาอย่างยาวนาน IRC มียางมอเตอร์ไซค์ให้เลือกมากมายหลากหลายรุ่นตั้งแต่รถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก, รถมอเตอร์ไซค์สกูตเตอร์ และรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ โดยมีราคาให้เลือกตั้งแต่ระดับกลางไปจนถึงระดับสูง
Michelin (มิชลิน)
อีกหนึ่งแบรนด์ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี Michelin มียางรถมอเตอร์ไซค์ให้เลือกมากมายหลายรุ่นแทบจะครอบคลุมรถมอเตอร์ไซค์ทุกประเภทตั้งแต่รถมอเตอร์ไซค์ธรรมดา, รถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง, รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ต, รถมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่ง, รถมอเตอร์ไซค์ออฟโรด และรถมอเตอร์ไซค์สำหรับการแข่งขัน ราคาจำหน่ายมีให้เลือกตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน
Camel (คาเมล)
ยางมอเตอร์ไซค์คุณภาพดีอีกแบรนด์หนึ่ง โดยเน้นยางสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้งานทั่วไป, รถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก, รอมอเตอร์ไซค์วิบาก และรถมอเตอร์ไซค์ที่ต้องบรรทุกของหนัก ในเรื่องของราคานั้นถือว่าเป็นยางมอเตอร์ไซค์ที่ราคาประหยัดคุ้มค่ากับการใช้งาน
Pirelli (พีรารี่)
ยางมอเตอร์ไซค์สัญชาติอิตาลีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่ใช้ขับขี่ทั่วไป หรือในสนามแข่ง นอกจากนี้ Pirelli ยังเป็นแบรนด์ยางมอเตอร์ไซค์ที่ได้รับความไว้วางใจจากค่ายรถยนต์ดังหลากหลายค่ายที่เลือกให้เป็นยางติดรถตั้งแต่ออกจากศูนย์บริการ ในส่วนของราคานั้นมีให้เลือกตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน
Deestone (ดีสโตน)
แบรนด์ผู้ผลิตยางที่ซื้อหาได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป นอกจากจะผลิตยางรถยนต์แล้ว Deestone ยังผลิตยางมอเตอร์ไซค์อีกด้วย แต่จะเน้นไปที่กลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก, รถมอเตอร์ไซค์สกูตเตอร์ และรถมอเตอร์ไซค์ออฟโรด จุดเด่นของยางคือราคาที่ถูกและอายุการใช้งานที่คุ้มค่ากับราคา
Dunlop (ดันลอป)
แบรนด์ที่น่าจะคุ้นหูคุ้นตาสำหรับผู้ใช้รถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์กันเป็นอย่างดี ซึ่งทาง Dunlop เองก็มียางรถมอเตอร์ไซค์ให้เลือกทั้งหมดหลายรุ่นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก ไปจนถึงรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ และที่สำคัญยังมีราคาที่ไม่แพงมากนัก หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดแต่อาจยกเว้นเฉพาะบางรุ่น
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับข้อมูลวิธีการเลือกซื้อยางมอเตอร์ไซค์ว่าควรเลือกใช้แบบไหน รวมถึงวิธีการตรวจสอบคุณภาพของยางในเบื้องต้นว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนยางแล้วหรือไม่ แล้วควรจะใช้ยางประเภทไหน แบบใด อย่างไรก็ตาม เราควรหมั่นตรวจเช็กคุณภาพของยาง รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนการขับขี่ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก chapmoto.com, bikeshala.com, unseencar.com, realtimecarmagazine.com, tyres-pneus-online.co.uk, michelin.co.th, cameltire.com, cycletherapynyc.com