รวมรถกระบะ 4 ประตู หรือที่เรียกว่ารถกระบะ Double Cab ซึ่งเน้นทั้งนั่งสบาย และยังใช้งานได้อเนกประสงค์ สมรรถนะเยี่ยม จากค่ายต่าง ๆ ที่น่าใช้และมีจำหน่ายอยู่ ณ ตอนนี้ มีราคาเท่าไหร่และรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง
รถกระบะ 4 ประตู หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่ารถกระบะ Double Cab เป็น รถยนต์ อีกประเภทหนึ่งที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการโดยสารแบบครอบครัว การขับแบบออฟโรด ลุยงานจริง รวมไปถึงการบรรทุกของ และลากจูง ก็สามารถทำได้ทุกรูปแบบ เนื่องจากเป็นรถที่มีสมรรถนะสูง ลองไปดูกันว่ามีรถกระบะ 4 ประตูยี่ห้อไหนที่น่าสนใจบ้าง
1. Mitsubishi Triton
ภาพ Mitsubishi Triton Double Cab
สมรรถนะและเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ไมเวค คลีน ดีเซล 2.4 ลิตร เทคโนโลยีเฉพาะจาก มิตซูบิชิ ที่มีระบบควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วไอดีแปรผัน ทำงานสอดคล้องกับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ ควบคุมการทำงานด้วยสมองกลช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดที่ดีขึ้นในรอบต่ำและได้แรงม้ามากขึ้นในรอบสูง และช่วยให้การเผาไหม้หมดจดลดมลพิษในอากาศด้วย
ในส่วนของพละกำลัง เครื่องยนต์ไมเวค จะให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 4,300 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจะเป็นแบบ Diff-Lock สามารถปรับเปลี่ยนเป็นการขับเคลื่อน 2 ล้อได้โดยรถไม่ต้องหยุดนิ่ง
จุดเด่นของ Mitsubishi Triton
ภายนอกออกแบบด้วยคอนเซ็ปต์ Advanced Dynamic Shield Design ที่เป็นการออกแบบด้านหน้ารถตามเอกลักษณ์ของ Mitsubishi ไฟหน้าโปรเจกเตอร์แบบ Bi-LED พร้อม Day Time Running ไฟท้ายและไฟเบรก LED ล้ออัลลอยแบบทูโทนขนาด 18 นิ้ว สปอยเลอร์หลังพร้อมกล้องมองหลัง
ภายในห้องโดยสารเน้นความกว้างขวางสะดวกสบาย ใช้วัสดุเก็บเสียงและวัสดุกันกระเทือนเพื่อการโดยสารที่นุ่มนวล มีระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตาพร้อมเตือนขณะเปลี่ยนเลน ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมช่วยชะลอความเร็ว ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว มีกล้องมองรอบคันและระบบเตือนด้านหลังขณะถอย
ราคาจำหน่าย Mitsubishi Triton
-
ดับเบิ้ล แค็บ พลัส 2.4 GLX 6MT ราคาเริ่มต้น 779,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ พลัส 2.4 GLS 6MT ราคาเริ่มต้น 819,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ พลัส 2.4 GT 6MT ราคาเริ่มต้น 878,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ พลัส 2.4 GLS 6AT ราคาเริ่มต้น 882,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ พลัส 2.4 GT 6AT ราคาเริ่มต้น 928,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ พลัส 2.4 GT Premium 6MT ราคาเริ่มต้น 935,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ พลัส 2.4 GT Premium 6AT ราคาเริ่มต้น 988,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ 4WD 2.4 GLS 6MT ราคาเริ่มต้น 935,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ 4WD 2.4 GT Premium 6MT ราคาเริ่มต้น 1,041,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ 4WD 2.4 GT Premium 6AT ราคาเริ่มต้น 1,099,000
2. Mitsubishi Triton Athlete
ภาพ Mitsubishi Triton Athlete
สมรรถนะและเครื่องยนต์
Mitsubishi Triton Athlete ใช้เครื่องยนต์ไมเวค คลีน ดีเซล 2.4 ลิตร เช่นเดียวกันแต่เพิ่มกำลังให้แรงขึ้นเป็น 181 แรงม้า มีทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมกับชุดเกียร์ 6 สปีด
จุดเด่นของ Mitsubishi Triton Athlete
ภายนอกและภายในอาจจะดูไม่แตกต่างจาก Triton มากนัก แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือชุดแต่งพิเศษ เช่น วัสดุหุ้มเบาะหนัง และวัสดุหนังสังเคราะห์พร้อมสัญลักษณ์ Athlete ชุดแต่งกันชนหน้าสีดำแบบสปอร์ต สไตลิ่งบาร์ ชุดผ้าปูกระบะ พรมรองพื้นห้องโดยสาร สติ๊กเกอร์ด้านข้างตัวรถลายสปอร์ต สัญลักษณ์ Athlete บนฝากระบะท้าย หลังคาพ่นสีดำ กันชนหลังสีดำ กระจังหน้าสีดำเงา เป็นต้น
ราคาจำหน่าย Mitsubishi Triton Athlete
-
ดับเบิ้ล แค็บ พลัส แอทลีท AT ราคาเริ่มต้น 1,035,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ พลัส 4WD แอทลีท AT ราคาเริ่มต้น 1,146,000
3. Nissan Navara
ภาพ Nissan Navara Double Cab รุ่น Black Edition
Nissan Navara เป็นรถกระบะอีกรุ่นหนึ่งที่ได้ร่วมแชร์เทคโนโลยีการผลิตกับ Mitsubishi Triton ไปแล้ว คาดว่าน่าจะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ในช่วงปลายปี 2020 สำหรับในตลาดบ้านเรา นิสสันได้มีการนำ Nissan Navara N-Trek Warrior เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยแบบเงียบ ๆ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรุ่นสุดท้ายในชุดแต่งเต็มของรถกระบะ Nissan แล้ว
แต่สำหรับ Nissan Navara ตัวเดิมที่ยังมีวางจำหน่ายอยู่ในตลาด ณ ตอนนี้ เฉพาะรุ่น 4 ประตู จะมีสมรรถนะเครื่องยนต์และรุ่นต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
สมรรถนะเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร คอมมอนเรล 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VGS เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลัง 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 403 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด
ราคาจำหน่าย Nissan Navara (เฉพาะรุ่น Double Cab 4 ประตู)
-
S 6MT ราคาเริ่มต้น 693,000
-
Calibre E 6MT ราคาเริ่มต้น 840,500
-
Calibre EL 7AT ราคาเริ่มต้น 914,500
-
รุ่นพิเศษ Calibre E 6MT Black Edition ราคาเริ่มต้น 877,000
-
รุ่นพิเศษ Calibre EL 7AT Black Edition ราคาเริ่มต้น 950,000
-
Calibre V 7AT ราคาเริ่มต้น 943,500
-
4WD VL 7AT ราคาเริ่มต้น 1,096,000
4. Mazda BT-50 Pro
ภาพ Mazda BT-50 Pro Double Cab
แม้ว่า All-New Mazda BT-50 2020 จะเพิ่งเปิดตัวโฉมใหม่ที่ออสเตรเลียไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่สำหรับในประเทศไทยยังไม่มีข่าวคราวว่าจะเปิดตัวเมื่อไหร่ ซึ่งเราก็พอจะได้เห็นหน้าตาของ BT-50 ที่ได้ร่วมกันผลิตกับ Isuzu ไปบ้างแล้ว ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกยังเป็น Kodo Design ตามแบบฉบับของ Mazda เช่นเคย แต่สำหรับโครงสร้าง เครื่องยนต์ ช่วงล่าง จะเป็นเทคโนโลยีของ Isuzu ทั้งหมด ซึ่งคงต้องรอข่าวคราวความคืบหน้าของรุ่นที่จะเปิดตัวในประเทศไทยกันต่อไป
แต่สำหรับ Mazda BT-50 Pro รุ่น 4 ประตูที่อยู่ในท้องตลาด ณ ตอนนี้ จะมีสมรรถนะดังต่อไปนี้
สมรรถนะและเครื่องยนต์
Mazda BT-50 Pro มีเครื่องยนต์ 2 แบบ แบบแรกคือ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ขับเคลื่อน 2 ล้อ ระบบเกียร์ 6 สปีด ทั้งแบบธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 375 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที อีกแบบคือ เครื่องยนต์ดีเซล 3.2 ลิตร 5 สูบแถวเรียง DOHC 20 วาล์ว ขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบเกียร์ 6 สปีด ทั้งแบบธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า ที่ 3,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที
ราคาจำหน่าย Mazda BT-50 Pro (เฉพาะรุ่น Double Cab 4 ประตู)
-
DBL 2.2 S ราคาเริ่มต้นที่ 663,000
-
DBL 2.2 V (ABS) ราคาเริ่มต้นที่ 795,000
-
DBL 2.2 Hi-Racer ราคาเริ่มต้นที่ 773,000
-
DBL 2.2 Hi-Racer (ABS) ราคาเริ่มต้นที่ 849,000
-
DBL 2.2 Hi-Racer 6AT ราคาเริ่มต้นที่ 866,000
-
DBL 2.2 Hi-Racer 6AT (Leather) ราคาเริ่มต้นที่ 926,000
-
DBL 4X4 3.2 R ราคาเริ่มต้นที่ 1,046,000
-
DBL 4X4 3.2 R 6AT ราคาเริ่มต้นที่ 1,090,000
5. Mazda BT-50 Pro Thunder
ภาพ Mazda BT-50 Pro Thunder Double Cab
สมรรถนะและเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VN เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ระบบเกียร์ 6 สปีด ทั้งแบบอัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา
ราคาจำหน่าย Mazda BT-50 Pro Thunder (เฉพาะรุ่น Double Cab 4 ประตู)
-
DBL 2.2 Hi-Racer ราคาเริ่มต้นที่ 776,000 (สีเมทัลลิกเพิ่ม 7,000)
-
DBL 2.2 Hi-Racer 6AT (Leather) ราคาเริ่มต้นที่ 952,000 (สีขาวมุกเพิ่ม 7,000)
จุดเด่นของ Toyota Hilux Revo
Toyota Hilux Revo เป็นรถกระบะรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็น 4 รุ่นหลักและซอยออกมาเป็นรุ่นย่อยอีกกว่า 40 รุ่น เพื่อให้ได้เลือกซื้อได้ตามความต้องการ เทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ก็จะถูกลดหลั่นตามกันไป
สิ่งที่ดูเป็นจุดเด่นมากที่สุดของ Toyota Hilux Revo ที่นอกเหนือจากเทคโนโลยีความปลอดภัยที่มีพอ ๆ กับคู่แข่งในตลาดแล้ว ดูเหมือนจะเป็นระบบ T Connect by Toyota ที่มีฟังก์ชันเด่น ๆ อย่างเช่น ระบบ Find My Car เช็กตำแหน่งรถยนต์แบบ Real Time ระบบ Geo-Fencing แจ้งเตือนเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากพื้นที่ที่กำหนด ระบบ TheftTrack ตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์เมื่อถูกโจรกรรมพร้อมประสานความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง ซึ่งทั้งหมดนี้น่าจะเป็นสิ่งที่โตโยต้ามอบให้ผู้ใช้รถเพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยเหลือในกรณีที่รถหายนั่นเอง
6. Toyota Hilux Revo Z Edition Double Cab
ภาพ Toyota Hilux Revo Z Edition Double Cab
-
เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที
-
เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร เกียร์ธรรมดา 6 สปีด กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที
มีทั้งหมด 4 สีให้เลือก
-
สีขาว ซูเปอร์ไวท์ ทู
-
สีเงิน ซิลเวอร์ เมทัลลิก
-
สีเทา ดาร์ก เกรย์ เมทัลลิก
-
สีดำ แอตติจูด แบล็ก ไมก้า
ราคาจำหน่าย Toyota Hilux Revo Z Edition (เฉพาะรุ่น Double Cab 4 ประตู)
-
ดับเบิ้ล แค็บ แซด อิดิชั่น 2.4 Mid AT ราคาเริ่มต้นที่ 809,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ แซด อิดิชั่น 2.4 Mid STD AT ราคาเริ่มต้นที่ 794,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ แซด อิดิชั่น 2.4 Mid MT ราคาเริ่มต้นที่ 769,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ แซด อิดิชั่น 2.4 Mid STD MT ราคาเริ่มต้นที่ 754,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ แซด อิดิชั่น 2.4 Entry MT ราคาเริ่มต้นที่ 704,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ แซด อิดิชั่น 2.4 Entry STD MT ราคาเริ่มต้นที่ 689,000
7. Toyota Hilux Revo Prerunner & 4X4
ภาพ Toyota Hilux Revo Prerunner
-
เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที
-
เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร เกียร์ธรรมดา iMT 6 สปีด กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที
มีทั้งหมด 5 สีให้เลือก
-
สีน้ำเงิน ดาร์ก บลู ไมก้า
-
สีขาว ไวท์ เพิร์ล ครัสตัล
-
สีเงิน ซิลเวอร์ เมทัลลิก
-
สีเทา ดาร์ก เกรย์ เมทัลลิก
-
สีดำ แอตติจูด แบล็ก ไมก้า
ราคาจำหน่าย Toyota Hilux Revo Prerunner (เฉพาะรุ่น Double Cab 4 ประตู)
-
ดับเบิ้ล แค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 2.8 High AT ราคาเริ่มต้น 1,159,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 2.8 High MT ราคาเริ่มต้น 1,109,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 2.4 Mid MT ราคาเริ่มต้น 957,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ พรีรันเนอร์ ขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.4 High AT ราคาเริ่มต้น 1,009,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ พรีรันเนอร์ ขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.4 High MT ราคาเริ่มต้น 959,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ พรีรันเนอร์ ขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.4 Mid AT ราคาเริ่มต้น 922,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ พรีรันเนอร์ ขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.4 Mid MT ราคาเริ่มต้น 872,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ พรีรันเนอร์ ขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.4 Entry AT ราคาเริ่มต้น 857,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ พรีรันเนอร์ ขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.4 Entry MT ราคาเริ่มต้น 807,000
8. Toyota Hilux Revo Rocco Double Cab
ภาพ Toyota Hilux Revo Rocco Double Cab
-
เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร แบบใหม่ ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที
-
เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที
มีทั้งหมด 4 สีให้เลือก
-
สีเงิน ออกไซด์ บรอนซ์ เมทัลลิก (สีพิเศษเฉพาะไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่)
-
สีแดง อีโมชันนัล เรด ทู (สีพิเศษเฉพาะไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่)
-
สีขาว ไวท์ เพิร์ล ครัสตัล
-
สีดำ แอตติจูด แบล็ก ไมก้า
ราคาจำหน่าย Toyota Hilux Revo Rocco Double Cab (เฉพาะรุ่น Double Cab 4 ประตู)
-
ดับเบิ้ล แค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 2.8 AT ราคาเริ่มต้น 1,239,000
-
ดับเบิ้ล แค็บ พรีรันเนอร์ ขับเคลื่อน 2 ล้อ 2.4 AT ราคาเริ่มต้น 1,079,000
7. Ford Ranger
ภาพ Ford Ranger
สมรรรถนะและเครื่องยนต์
Ford Ranger มีเครื่องยนต์ด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ แบบแรกคือ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร ซึ่งจะเป็นตัวเดียวกับ Ford Raptor แบบที่ 2 คือ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร ให้พลังขับเคลื่อน แรงบิด พัฒนามาให้ลดเสียงรบกวนและความถี่ในการซ่อมบำรุง และแบบสุดท้ายคือ เครื่องยนต์ดีเซล TDCI Turbo 2.2 ลิตร ที่ให้พลังขับเคลื่อนและแรงบิดที่มากขึ้น
จุดเด่นของ Ford Ranger
Ford Ranger เป็นรถที่เน้นในเรื่องของการขับแบบออฟโรดเป็นหลัก นอกจากหน้าตาที่ดุดันแล้ว สิ่งที่นำมาเป็นจุดขายคือเรื่องของเทคโนโลยีความปลอดภัยต่าง ๆ เช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางจราจร ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ
นอกจากนี้ชุดแต่งรถที่ช่วยเสริมหล่อให้กับ Ford Ranger ก็ยังมีอีกมากมายอย่างเช่น ชุดกันชนเสริมด้านหน้าสเตนเลสมีให้เลือกทั้งสีเงินและสีดำ มีเซ็นเซอร์และไม่มีเซ็นเซอร์ ชุดกันสาดประตูหน้า-หลัง ชุดครอบกันกระแทกขอบกระบะ ชุดคิ้วโป่งล้อพร้อมหมุดโลโก้ Ford เป็นต้น
Ford Ranger มีทั้งหมด 7 สีให้เลือก ได้แก่ สีขาว Arctic White (ทุกรุ่น), สีดำ Absolute Black (ทุกรุ่นยกเว้น FX4), สีเงิน Aluminum Metallic (ทุกรุ่นยกเว้น FX4), สีแดง True Red (ทุกรุ่นยกเว้น Wildtrak), สีน้ำเงิน Lightning Blue (เฉพาะรุ่น XLS และ XLT), สีเทา Meteor Grey (เฉพาะรุ่น XLT, FX4 และ Wildtrak), สีส้ม Saber (เฉพาะรุ่น Wildtrak เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
ราคาจำหน่าย Ford Ranger (เฉพาะรุ่น Double Cab 4 ประตู)
-
ดับเบิ้ลแค็บ 2.0L Bi-Turbo Wildtrak 4X4 10AT ราคาเริ่มต้น 1,265,000
-
ดับเบิ้ลแค็บ 2.0L Turbo Limited Hi-Rider 6MT ราคาเริ่มต้น 909,000
-
ดับเบิ้ลแค็บ 2.2L XLT 4X2 HR 6AT (FX4) ราคาเริ่มต้น 919,000
-
ดับเบิ้ลแค็บ 2.2L XLT Hi-Rider 6MT ราคาเริ่มต้น 844,000
-
ดับเบิ้ลแค็บ 2.2L XLS Hi-Rider 6MT ราคาเริ่มต้น 789,000
-
ดับเบิ้ลแค็บ 2.2L XL Plus Hi-Rider 6MT ราคาเริ่มต้น 749,000
8. Ford Raptor
ภาพ Ford Raptor
สมรรรถนะและเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร กับ Turbo Booster 2 ตัว ทำงานแยกกันเป็นอิสระเพื่อแรงบิดที่มากขึ้นและช่วยในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน ให้กำลัง 213 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตัน-เมตร ทำงานคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ช่วยรีดกำลังเครื่องยนต์และแรงบิด ให้การเปลี่ยนเกียร์สบายยิ่งขึ้น ความสามารถในการลากจูงได้ถึง 3,500 กิโลกรัม ลุยน้ำลึกได้ถึง 800 มิลลิเมตร
จุดเด่นของ Ford Raptor
Ford Raptor ถือว่าเป็นตัวท็อปสุดของ Ford Ranger นอกจากความแรงของเครื่องยนต์และรูปทรงภายนอกที่ดูแข็งแกร่งพร้อมลุยทุกรูปแบบแล้ว ยังมีระบบการขับขี่แบบ Terrain Management System ทั้ง 6 รูปแบบ คือ โหมดบาฮา, โหมดสปอร์ต, โหมดหญ้า/กรวดหิมะ/หิมะ, โหมดโคลน/ทราย, โหมดหิน และโหมดปกติ ที่สามารถปรับโหมดสำหรับทุกสภาพถนนได้ในปุ่มเดียว
นอกจากนี้ยังมีระบบกันสะเทือนสไตล์รถแข่ง พร้อมโช้ค FOX ขนาด 2.5 นิ้ว ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพิ่มระยะช่วงยุบมากขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับ Ford Ranger มาพร้อมกับยาง BFGoodrich All-Terrain 33 นิ้ว ดอกยางใหญ่ อายุการใช้งานยาวนาน และแก้มยางที่แข็งแกร่งกว่ายางทั่วไปถึง 20%
ระบบรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มเติมมากขึ้น เช่น ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ, ระบบช่วยออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา และระบบควบคุมการกระจายน้ำหนักเมื่อบรรทุก สรุปได้ว่า Ford Raptor ไม่ใช่รถที่จะเอามาขับเล่นในเมืองแน่นอนแต่เป็นรถที่เอาไว้ลุยงานแบบออฟโรด
Ford Raptor มีทั้งหมด 5 สีให้เลือก ได้แก่ สีขาว Arctic White, สีแดง True Red, สีดำ Absolute Black, สีน้ำเงิน Performance Blue, สีเทา Conquer Grey
ราคาจำหน่าย Ford Raptor
-
ดับเบิ้ลแค็บ 2.0L Bi-Turbo Raptor 4X4 10AT ราคาเริ่มต้น 1,609,000
9. MG Extender
ภาพ New MG Extender Double Cab
สมรรรถนะและเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2.0 เทอร์โบ ให้กำลัง 161 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,400 รอบต่อนาที มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สามารถเปลี่ยนจากขับเคลื่อน 2 ล้อ เป็น 4 ล้อ 4H โดยไม่ต้องหยุดรถ และเกียร์ 4L มาพร้อมระบบล็อกเฟืองท้าย Rear Axel Differential Lock ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่แบบออฟโรด ระบบเกียร์ส่งกำลังมีทั้งแบบอัตโนมัติ 6 สปีด และธรรมดา 6 สปีด
จุดเด่นของ MG Extender
ดีไซน์ภายนอก MG Extender Double Cab 4 ประตู มาพร้อมกับกระจังหน้าแบบโมเดิร์นดีไซน์ มิติของตัวรถที่ใหญ่น่าเกรงขาม ไฟหน้าแบบ LED Projector มีระบบเปิด-ปิดและปรับเลี้ยวตามองศาพวงมาลัยอัตโนมัติ พร้อมไฟ Day Time Running ไฟท้ายดีไซน์สปอร์ต กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวพับและปรับได้ระบบไฟฟ้า บันไดข้างดีไซน์สปอร์ต ล้ออัลลอยลายพิเศษขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสาร คอนโซลและแผงประตูตกแต่งด้วยวัสดุแบบ Soft Touch ที่นั่งเบาะหนังสีดำ สไตล์สปอร์ตพร้อมระบบปรับเบาะคู่หน้าด้วยไฟฟ้าเอนนอนได้มากถึง 150 องศา เบาะหลังพับได้ ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง หน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน
MG Extender มีทั้งหมด 5 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำ Black Knight, สีเทา Metal Ash Grey, สีเงิน Silver Metallic, สีขาว Arctic White, สีแดง Scartlet Red
ราคาจำหน่าย MG Extender (เฉพาะรุ่น Double Cab 4 ประตู)
-
2.0 DC Grand D 6MT ราคาเริ่มต้น 759,000
-
2.0 DC Grand D 6AT ราคาเริ่มต้น 819,000
-
2.0 DC Grand X 6AT ราคาเริ่มต้น 879,000
-
2.0 DC Grand 4WD X 6AT ราคาเริ่มต้น 1,029,000
10. Isuzu D-Max
ภาพ Isuzu D-Max
สมรรรถนะและเครื่องยนต์
Isuzu D-Max จะมีเครื่องยนต์ 2 แบบ คือ เครื่องยนต์ 1.9 DdI Blue Power Gen 2 กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 ถึง 2,600 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบ REV Tronic และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เครื่องยนต์อีกรุ่นคือ 3.0 DDI Blue Power ซึ่งจะเป็นตัวเดียวกับ Isuzu V-Cross 4X4
จุดเด่นของ Isuzu D-Max
ภายนอกดีไซน์ใหม่หมดด้วยแนวคิดการออกแบบ Bold but Emotional ไฟหน้า Isuzu Vision Bi-LED เพิ่มความสว่างส่องได้ไกลและกว้างขึ้นพร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ เพิ่มความหรูหราด้วยไฟ Day Time Running แบบ Built in ไฟท้าย Dual-Sonic LED แบบ Clear Lens ให้ความสว่างชัดเจนมากขึ้น กันชนท้ายแบบ Integrated Bumper ที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ
ภายในตกแต่งแบบ Sharp Horizontal Layers หน้าจอ Smart MID ขนาดใหญ่ 4.2 นิ้ว หลังพวงมาลัย และหน้าจอ Infotainment ระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ที่คอนโซลกลาง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติใหม่แบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
Isuzu D-Max มีทั้งหมด 7 สีให้เลือก ได้แก่ สีขาว Siberian White (เฉพาะรุ่น Cab4), สีดำ Bavarian Black Mica, สีเงิน Bohemian Silver Metallic, สีขาว Everest Pearl White (เฉพาะรุ่น Hi-Lander), สีน้ำเงิน Polynesian Blue Metallic (เฉพาะรุ่น Hi-Lander), สีส้ม Valencia Topaz Metallic (เฉพาะรุ่น Hi-Lander) และสีเทา Zermatt Silver (เฉพาะรุ่น Hi-Lander)
ราคาจำหน่าย Isuzu D-Max (เฉพาะรุ่น Double Cab 4 ประตู)
-
Cab4 1.9 Ddi S ราคาเริ่มต้น 686,000
-
Cab4 1.9 Ddi L DA ราคาเริ่มต้น 779,000
-
Cab4 1.9 Ddi Z ราคาเริ่มต้น 840,000
-
Hi-Lander 1.9 Ddi L DA ราคาเริ่มต้น 832,000
-
Hi-Lander 1.9 Ddi Z ราคาเริ่มต้น 889,000
-
Hi-Lander 1.9 Ddi Z A/T ราคาเริ่มต้น 924,000
-
Hi-Lander 1.9 Ddi ZP ราคาเริ่มต้น 962,000
-
Hi-Lander 3.0 Ddi ZP ราคาเริ่มต้น 993,000
-
Hi-Lander 1.9 Ddi ZP A/T ราคาเริ่มต้น 997,000
-
Hi-Lander 1.9 Ddi M A/T ราคาเริ่มต้น 1,030,000
-
Hi-Lander 3.0 Ddi M A/T ราคาเริ่มต้น 1,061,000
11. Isuzu V-Cross 4X4
ภาพ Isuzu V-Cross 4X4
สมรรรถนะและเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ Isuzu 3.0 DDI Blue Power กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2600 รอบต่อนาที เทอร์โบขนาดใหญ่แบบ Electronic VGS Turbo ช่วยให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยมในทุกรอบความเร็ว พร้อมกล่อง ECU ใหม่ ประมวลผลแบบ Multi-core ให้ความแม่นยำและตอบสนองเร็วต่อการใช้งาน ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบ REV Tronic และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ออกแบบใหม่สไตล์สปอร์ต
จุดเด่นของ Isuzu V-Cross 4X4
ภายนอกของ V Cross 4X4 จะไม่แตกต่างจาก Hi-Lander มากนัก ส่วนที่เพิ่มเติมมาคือชุดแต่งรอบคันอย่างเช่น กระจังหน้า ซุ้มล้อ กระบะท้ายที่ดูดุดันมากขึ้น พร้อมกับล้ออัลลอยลายพิเศษสีดำ Matte Black ขนาด 18 นิ้ว และดีไซน์ภายในที่เพิ่มเติมเข้ามาคือวัสดุพรีเมียมสีทูโทนดำ-น้ำตาล ที่ใช้ตกแต่งห้องโดยสาร
Isuzu V-Cross 4X4 มีทั้งหมด 5 สีให้เลือก ได้แก่ สีขาว Everest Pearl White, สีเงิน Bohemian Silver Metallic, สีดำ Bavarian Black Mica, สีน้ำเงิน Polynesian Blue Metallic และสีส้ม Valencia Topaz Metallic
ราคาจำหน่าย Isuzu V-Cross 4X4 (เฉพาะรุ่น Double Cab 4 ประตู)
-
3.0 Ddi Z 4-Door ราคาเริ่มต้น 981,000
-
3.0 Ddi ZP 4-Door ราคาเริ่มต้น 1,096,000
-
3.0 Ddi M A/T 4-Door ราคาเริ่มต้น 1,164,000
หากจะมองถึงเรื่องของยอดขายในตลาดรถ รถกระบะถือว่าเป็นรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดแล้วทั้งในแง่ของการใช้งานและการใช้โดยสารแบบครอบครัว ทุกครั้งที่มีการเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่จะเป็นที่จับตามองเสมอ เรียกว่าเป็นรถที่มีกระแสดีพอ ๆ กับรถเก๋งซีดานหรือ รถ SUV เลยก็ว่าได้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจหากใครกำลังมองหารถกระบะ 4 ประตูสักคัน