กรมสรรพสามิตปฏิเสธข้อเสนอ ลดภาษีรถยนต์ 50% ชี้ไม่มีผลกับกำลังซื้อ และยังเป็นการแทรกแซงตลาดอีกด้วย ส่วนข้อเสนออื่นอย่างโครงการ รถเก่าแลกรถใหม่ ยังไม่ปัดตก แต่ต้องรอแทงเรื่องหารือในระดับสูงต่อไป
มาตรการ ลดภาษีรถยนต์ 50% ที่หลายคนกำลังรอลุ้น ถูกพับเก็บปิดฉากลงไปอย่างรวดเร็ว หลังกรมสรรพสามิตหารือกับกลุ่มผู้ค้ารถเก่าและรถใหม่ และมีมติไม่รับไม้ดำเนินการต่อ
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยผลการหารือร่วมระหว่าง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. และผู้ประกอบการรถยนต์ทั้งใหม่และเก่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2563 หลังจากมีข้อเสนอเกี่ยวกับการลดภาษีสรรพสามิต 50% สำหรับรถยนต์ใหม่ โดยผลการหารือสรุปว่า จะยังไม่มีการ ลดภาษีรถยนต์ เนื่องจากไม่น่าจะส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และจะเป็นการแทรกแซงกลไกตลาด
อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อเสนออีก 2 เรื่องคือ โครงการ รถเก่าแลกรถใหม่ โดยให้รัฐบาลสนับสนุนคันละ 1 แสนบาท และการเลื่อนการบังคับใช้มาตรฐานไอเสีย ยูโร 5 และ ยูโร 6 จะมีการนำไปหารือกับนายกรัฐมนตรีต่อไป
สำหรับมาตรการ ลดภาษีรถยนต์ เป็นข้อเสนอที่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. ยื่นต่อกรมสรรพสามิตให้ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทุกประเภท 50% ไปจนถึงสิ้นปี 2563 ซึ่งต่อมามีการคัดค้านจากกลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์มือสอง โดยนายภิญโญ ธนวัชรภรณ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว ได้ยื่นเรื่องชี้แจงว่าจะส่งผลเสียเช่นเดียวกับนโยบายรถยนต์คันแรกเพราะเป็นการแทรกแซงราคารถยนต์ในตลาด
นอกจากนี้ สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วยังมองว่าเป็นการซ้ำเติมยอดขายของรถมือสองให้ต่ำลงไปอีกด้วย เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ภาวะสินเชื่อดึงตัวขณะที่หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น ในไตรมาสแรกของปี 2563 ยอดขายรถยนต์มือสองลดลงถึง 25% จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 5%
และหากพิจารณาผลกระทบจาก COVID-19 คาดว่าในไตรมาส 2 ยอดขายจะลดลงมากกว่า 25% แต่ถ้าหากกลุ่มอุตสาหกรรม รถยนต์ มีการแทรกแซงราคาขึ้นมาก็จะได้รับผลกระทบกันทั้งระบบ เช่น หากลดภาษีรถยนต์ใหม่ รถยนต์มือสองก็ขายได้ยากขึ้น นอกจากนี้จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีเป็นจำนวนเงิน 40,000-100,000 บาทต่อคัน เป็นต้น
ส่วนข้อเสนอโครงการรถเก่าแลกรถใหม่โดยให้ภาครัฐใช้เงินภาษีสนับสนุนราคารถเก่ามูลค่าสูงสุด 100,000 บาทนั้น ทางสมาคมมองว่า เป็นโครงการที่มองไม่เห็นจุดจบว่าจะนำรถเก่าเหล่านี้ไปเก็บไว้ที่ไหน รัฐบาลต้องกำหนดอายุของรถยนต์ให้ชัดเจน เช่น รถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไป รัฐบาลจึงจะให้การสนับสนุนราคา เพื่อนำรถเก่าเหล่านั้นไปรีไซเคิลเพื่อแก้ปัญหามลพิษภายในประเทศ แต่ทางภาครัฐเองก็ยังไม่มีความชัดเจนในแผนงานส่วนนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊กสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว, bangkokbiznews