8 วิธีเลือกซื้อรถยนต์มือสองไม่ให้ผิดหวัง ซึ่งรถมือสองทั้งรถบ้านและรถเต็นท์นั้น แม้มีข้อดีคือราคาถูกกว่ารถใหม่ป้ายแดง หรือในราคาเท่ากันรถมือสองจะได้รุ่นที่เหนือกว่า ว่าแต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อต้องเช็กอะไรบ้างนะ
ดังนั้นเมื่อตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสองแล้ว "วิธีเลือกซื้อรถมือสอง" ไม่ว่าจะเป็นรถบ้านหรือรถเต็นท์ จึงเป็นเรื่องสำคัญว่าจะเลือกซื้ออย่างไรให้ได้รถที่ดีที่สุดเหมาะสมกับเงินที่จ่าย หรือพูดง่าย ๆ ว่าเสี่ยงเจอปัญหาให้น้อยที่สุด เราจึงขอแนะนำเทคนิคในการเลือกซื้อรถยนต์มือสองเบื้องต้น เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินทุกบาททุกสตางค์
1. ข้อมูลยิ่งแน่น ยิ่งช่วยให้การเลือกซื้อรถมือสองง่ายขึ้น
เพราะอะไรที่คุ้นเคยมักจะง่าย รถมือสองก็เช่นกันการหาข้อมูลรถรุ่นที่สนใจจึงเป็นประโยชน์มากสำหรับการสังเกต เปรียบเทียบ คัดกรองจากประกาศแจ้งขายได้ก่อนเราจะตัดสินใจไปดูรถคันจริงทั้ง ยี่ห้อ, รุ่นปี, สี, สภาพ, สเปกและราคา หากไม่ตรงจากตอนเป็นรถใหม่ป้ายแดงอาจมีการดัดแปลงหรือซ่อมแซมสภาพมามากหรือน้อย สำคัญหรือไม่สำคัญขึ้นอยู่กับรายละเอียดส่วนนั้น
นอกจากนี้รถแต่ละรุ่นจะมีปัญหาเฉพาะหรือจุดบกพร่องที่แตกต่างกันไป หากมีข้อมูลรถรุ่นที่ต้องการมากพอ จะช่วยให้ตรวจสอบได้ง่ายตรงจุดขึ้น อาจเน้นเฉพาะส่วนที่เป็นสาระสำคัญหรือมีค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูสูง เพราะธรรมชาติของ รถมือสองย่อมเสื่อมสภาพได้ตามการใช้งาน
2. เช็กสภาพภายนอก รายละเอียดเพียงเล็กน้อยบอกอะไรได้มาก
สภาพตัวถังคือจุดสำคัญที่ผู้ซื้อรถมือสองต้องดู ซึ่งปัจจุบันการ “เคาะ” รอบรถเพื่อตรวจสอบการซ่อมแซมเป็นเรื่องเอาต์ เพราะเทคนิคการซ่อมในปัจจุบันล้ำหน้าไปไกล แค่เปลี่ยนพาเนลตัวถังใหม่ทั้งชิ้นให้บางสนิทเหมือนรถใหม่ก็ทำได้ไม่ยาก ดังนั้นควรสังเกตจากหลาย ๆ จุด ดังนี้
- สี เพราะคุณภาพการพ่นสีจากโรงงานกับอู่สีจะแตกต่างกัน ซึ่งการซ่อมแซมเพื่อขายหรือใช้งานทั่วไปมักไม่ลงทุนมาก ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นความแตกต่าง เช่น ความเพี้ยน เนื้อและผิวของสี รอยเปื้อนเปรอะจากการพ่นที่เก็บงานไม่เรียบร้อย ความไม่เรียบของผิวตัวถังจากงานโป๊ว เป็นต้น
- โครงสร้าง รอยเชื่อมตะเข็บตัวถัง หัวน็อต ระยะห่างของร่องตัวถัง ทั้งหมดจะฟ้องหากมีการซ่อมแซม พยายามสังเกตในจุดหลักที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้บ่อยก่อน เช่น ห้องเครื่องด้านหน้า ท้ายรถ (เลิกพรมดู) ซึ่งงานจากโรงงานจะเรียบร้อยเพราะใช้หุ่นยนต์ในการเชื่อม หัวน็อตตามจุดต่าง ๆ เช่น ฝากระโปรงไม่ควรมีการถอดหรือขยับ
- เลขแชสซีส์ ต้องตรงกับเล่มทะเบียน นอกจากนี้บริเวณดังกล่าวไม่ควรมีรอยเชื่อมตัดผุ มักทำในกรณีชนหนักหรือคว่ำ รวมถึงเลขตัวถังในรถบางยี่ห้อ บางรุ่น ยังบอกรุ่นปี สเปกจากโรงงาน ได้ด้วย
- ควรดูรถในเวลากลางวัน ภายใต้สภาพแสงที่หลากหลาย จากหลาย ๆ มุม จะเห็นความแตกต่างหากมีการซ่อมสีที่มาตรฐานไม่สูงหรือกรณีที่ไม่ได้พ่นมาทั้งคัน
3. สภาพภายในห้องโดยสาร บอกการดูแลรักษา
สภาพภายในห้องโดยสารในรถยนต์มือสอง สามารถบอกได้หลายอย่าง เช่น รถจมน้ำมาหรือไม่ ทั้งจากกลิ่นอับชื้น รา หรือคราบสนิมที่ไม่ควรเกิดในจุดนั้น รวมถึงการดูแลรักษาของเจ้าของเดิม แน่นอนว่ารถที่ภายในไม่เรียบร้อย แกะแงะ แตกหัก ย่อมมีความเสี่ยงกว่ารถที่สภาพเรียบร้อยแบบเดิม ๆ
แต่สภาพความสมบูรณ์ของห้องโดยสารควรสัมพันธ์กับเลขไมล์ เช่น การสึกหรอ เสื่อมสภาพของเบาะ พวงมาลัย ปุ่ม แป้นหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ควรพอดีกัน หากทรุดโทรมหรือดูใหม่กว่าเลขไมล์แบบเกินจริง ให้สงสัยว่าอาจมีการปรับเลขไมล์หรืออาจผ่านการซ่อมแซมมาแล้ว
4. เครื่องยนต์ ตาดู หูฟัง แม้แต่กลิ่นก็สำคัญ
เครื่องยนต์ถือเป็นอีกจุดที่สำคัญ เพราะมีผลต่อการใช้งานรวมถึงค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูให้สมบูรณ์ เมื่อดูด้วยตาทุกอย่างควรอยู่ในสภาพเรียบร้อย ซึ่งรถที่สมบูรณ์ไม่ควรมีคราบของเหลวไหลเยิ้ม หยด ให้เห็น
ลองสตาร์ตเครื่องยนต์ เปิดการทำงานระบบต่างเพื่อตรวจสอบ โดยปกติแล้วควรทำงานได้เรียบ นิ่ง ไม่สะดุด (แม้บางรุ่นจะมีอาการสั่นมาตั้งแต่ป้ายแดง การหาข้อมูลรถรุ่นที่สนใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ) ไม่มีเสียงหรือกลิ่นผิดปกติ ซึ่งอาจฟ้องความไม่สมบูรณ์ได้
รถคันดังกล่าวมีอุปกรณ์พื้นฐานหรือฟังก์ชันอะไร สิ่งไหนตรวจสอบได้ควรลองใช้ให้ครบ ตั้งแต่ระบบไฟ กระจกหน้าต่าง ระบบอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่มี ทั้งนี้ในส่วนของระบบความปลอดภัยที่ตรวจสอบยาก เช่น Airbag หรือ ABS หากเปิดสวิตช์ในตำแหน่ง ACC ON แล้วควรปรากฏไฟโชว์และดับลงเมื่อสตาร์ต ถ้ายังติดแสดงว่าระบบนั้น ๆ อาจมีปัญหา แต่ถ้าไม่ติดตั้งแต่แรกเลย ให้สงสัยไว้ก่อนว่าระบบนั้นอาจถูกตัดการแจ้งเตือนไปไม่ให้โชว์ความบกพร่องก็ได้
6. ทดลองขับ จับอาการจากการขับขี่
ถ้าผู้ขายไม่ให้ทดลองขับ ไม่ว่าจะด้วยเงื่อนไขใด ๆ ต่อให้รถดูสวย ถูกใจแค่ไหนก็ไม่ควรซื้อ ให้ผ่านไปก่อนได้เลย เพราะการทดลองขับเป็นเรื่องจำเป็นมากสำหรับรถยนต์มือสอง ให้สังเกตการณ์ทำงานของเครื่องยนต์ การทำงานของเกียร์ ระบบกันสะเทือน ระบบบังคับเลี้ยว ไม่ควรมีเสียงหรือการตอบสนองที่ผิดปกติ
นอกจากนี้ทริกง่าย ๆ หาก รถมือสองเป็นรุ่นใหม่ ยังมีขายอยู่ในโชว์รูมให้ลองไปขับรถใหม่ก่อนเพื่อเปรียบเทียบว่ารถที่สมบูรณ์นั้นเป็นอย่างไร หรือในกรณีที่ไม่ใช่รถใหม่มากควรลองรุ่นเดียวกันหลาย ๆ ตัวเลือกเพื่อเปรียบเทียบ
7. ตรวจสอบเอกสาร เมื่อได้คันที่ถูกใจ
เมื่อตัดสินใจเลือก รถมือสองคันที่ถูกใจได้แล้ว เอกสารก็เป็นจุดสำคัญในการตรวจสอบในลำดับต่อมา ตั้งแต่
- มีเล่มทะเบียนถูกต้อง รายละเอียดตรงกับรถที่จะซื้อ เช่น ใครเป็นเจ้าของ เลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ (หากมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ ดัดแปลงสภาพ แจ้งขนส่งหรือยัง ถ้ายังต้องมีใบแนบการซื้อเครื่องยนต์ด้วย)
- เอกสารการซื้อขาย ผู้ขายเตรียมให้ครบถ้วนหรือไม่ เช่น หนังสือสัญญาซื้อขาย สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขาย พร้อมหลักฐานต่าง ๆ ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ตรวจดูรหัสเครื่องยนต์ เลขทะเบียนรถด้วยว่าตรงกันทุกจุดหรือไม่
8. การต่อราคาและชำระเงิน รถสวยจริงต้องยอมจ่าย คุ้มกว่า
หากว่าคุณตัดสินใจที่จะซื้อรถมือสองจากผู้ขายแล้ว แน่นอนว่าอาจมีการต่อราคาเกิดขึ้น ควรต่อราคาตามความเหมาะสมและสภาพตัวรถจริง ชี้ในจุดที่บกพร่องซึ่งควรเป็นเรื่องสำคัญ ส่วน รอยขนแมว รอยขีดข่วนเล็กน้อย หรือการเสื่อมสภาพจากการใช้งานปกติอาจเกิดขึ้นได้สำหรับรถมือสอง ซึ่งอาจไม่ใช่สาระสำคัญ แต่ทั้งนี้ภาพรวมต้องเหมาะสมกับราคาที่ตั้งด้วย
หากสภาพสวยจัดและราคาไม่สูงกว่าราคาตลาดมาก อย่าต่อโหดเหมือนเอาเปรียบผู้ขายหรือเอาราคาไปเปรียบเทียบกับรถที่สภาพแย่กว่า เพราะคุณจะได้รถในสภาพที่ดีกว่ารถอีกคันที่ถูกกว่าแต่สภาพโทรมกว่า ซึ่งอาจต้องจ่ายค่าฟื้นฟูสูงกว่ามากเพื่อให้ได้สภาพเท่ากัน อย่างเลวร้ายคือซ่อมไม่จบเลยทีเดียว
เมื่อตกลงราคากันได้และชำระเงินเรียบร้อย (มัดจำหรือทั้งหมดก็ตาม) เก็บหลักฐานไว้ให้ครบ หากมีการตกลงใด ๆ ที่เป็นสาระสำคัญในการซื้อขาย ให้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรเพิ่มเติมลงไปให้ครบ เพราะหลักฐานที่ระบุชัดเจนจะเป็นประโยชน์อย่างมากหากพบว่ารถมีปัญหาภายหลัง เนื่องจากรายละเอียดที่ไม่ตรงตามผู้ประกาศขายแจ้งไว้แต่แรก
กรณีซื้อรถมือสองด้วยเงินผ่อนโดยไฟแนนซ์ (กู้สถาบันการเงิน) ควรตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยด้วย เพราะปกติจะสูงกว่ารถใหม่ป้ายแดง ลองดูว่ารวม ๆ แล้ว รถมือสองคุ้มค่ากว่าการซื้อรถมือหนึ่งหรือไม่
แม้ว่าการดูรถยนต์มือสองอาจมีความละเอียด ซับซ้อน เสียเวลา
ต้องอาศัยความชำนาญและความระมัดระวังสูง
แต่เป็นเรื่องสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะหากไม่ได้มีการตรวจสอบรถคันนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ก็อาจเกิดปัญหาทั้งหลายตามมา ถึงปัจจุบันจะมีการเข้มงวดกับผู้ขาย
สามารถร้องเรียนได้ แต่ก็เสียเวลา เสียความรู้สึกอยู่ดี