จากอู่ฮั่นถึงอิตาลี Covid-19 ระบาดคุกคามอุตสาหกรรมรถยนต์

สถานการณ์ Covid-19 หรือ ไวรัสโคโรน่า กำลังเป็นภัยร้ายสำหรับผู้คนในหลาย ๆ ประเทศ โดยที่ยังไม่สามารถหยุดยั้งได้ในตอนนี้ โดยผลจากการระบาดกระทบต่อหลายภาคส่วนไล่ตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวันของคนทั่วไป จนถึงในภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงภาคการผลิตในอุตสาหกรรมรถยนต์

สำหรับที่มาที่ไปของไวรัส Covid 19 ในครั้งนี้จุดเริ่มต้นของการระบาดอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งถือเป็นเมืองที่เป็นฐานการผลิตสำคัญของรถยนต์ค่ายต่าง ๆ จนมีการเรียกกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Motor City เนื่องจากเป็นเมืองที่มีโรงงานผลิตรถยนต์ตั้งอยู่มากมาย เช่น General Motors (GM), Honda, Nissan, Peugeot Group และ Renault ซึ่งถึงวันนี้โรงงานรถยนต์ในพื้นที่ต่างก็ได้รับผลกระทบถึงขั้นต้องปิดทำการไปโดยปริยาย

นอกจากนี้ยังมีโรงงานรถยนต์ในเมืองอื่น ๆ ของจีนที่ต้องเจอกับผลกระทบไม่น้อยไปกว่ากัน อย่าง โรงงานใหม่ของ Tesla ในเซี่ยงไฮ้ที่จำเป็นต้องปิดและเลื่อนการผลิตของ Model 3 ออกไปก่อน หรือ Volkswagen ที่ต้องเลื่อนการผลิตของโรงงานในจีนทั้งหมด

ด้าน GM ได้ทยอยเปิดโรงงานบางแห่งในจีนไปบ้างแล้ว ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยกเว้นโรงงานในมณฑลหูเป่ย์ที่ยังต้องปิดต่อไปจนกว่าจะถึงวันที่ 10 มีนาคม  ขณะที่ Volvo กลับมาเปิดการผลิตแล้ว 1 โรงงาน และยังรอให้ทางการจีนประกาศสถานการณ์ปกติก่อนที่จะเปิดโรงงานทั้งหมด 

ทางฝั่งของ Toyota ก็ลดกำลังการผลิตลงเหลือเพียงกะเดียวในโรงงานทั้ง 4 แห่งในประเทศจีน จะมีก็เพียงโรงงาน Hyundai ทั้งในเกาหลีและในจีนยังคงทำงานตามปกติ

สำหรับภัยจาก Covid-19 ไม่ได้เล่นงานแวดวงอุตสาหกรรมรถยนต์ในจีนเท่านั่น แต่ยังลามไปถึงในยุโรปด้วย โดยในประเทศอิตาลี หลังจากมีการยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อที่เมือง Codogno ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ MTA ทำให้โรงงานต้องปิดทำการด้วยเช่นกัน พร้อมกับมีคำสั่งให้พนักงานกว่า 600 คนเข้าสู่กระบวนการกักตัวอยู่บ้าน รอคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 2 มีนาคม และนั่นส่งผลให้โรงงาน BMW, Peugeot และ Renault ในยุโรปต้องปิดตามไปด้วย

ทั้งนี้มีการคาดกันว่า Covid-19 จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของตลาดรถในระดับโลก โดยยอดขายน่าจะลดลง 2.5% ในปี 2020 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2019 และสำหรับในจีนซึ่งถือว่าเป็นตลาดรถที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะมียอดขายลดลงถึง 2.9% จากที่ก่อนหน้านี้คาดว่าจะโตขึ้น 1% ด้วยซ้ำ

ข้อมูลจาก: caranddriver.com, reuters.com, weforum.org