Honda Jazz 2020 ปรับดีไซน์ใหม่เน้นเรียบง่าย ด้วยแนวคิด emotional value มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริดใหม่ e:HEV เปิดจำหน่ายที่ญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการแล้ว ราคาเริ่มต้นที่ 442,000 บาท
ก่อนหน้านี้ Honda ได้เผยโฉมคันจริง All-new Fit หรือ All-new Honda Jazz 2020 รถแฮตช์แบ็กอเนกประสงค์ รถแฮตช์แบ็กอเนกประสงค์ อย่างเป็นทางการในงาน Tokyo Motor Show 2019 เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2019 โดยเวอร์ชั่นใหม่นี้นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 ของรถยนต์ ฮอนด้า แจ๊ส หลังจากเปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 2001
โดยเวอร์ชั่นใหม่ของ Honda Jazz น่าจะบอกได้ว่าเป็นไปตามข้อมูลที่มีรายงานออกมาก่อนหน้านี้ มีรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายกว่าเดิม ลดความรู้สึกสปอร์ตลง ซึ่ง ฮอนด้า ได้เปิดเผยถึงแนวคิดการพัฒนา Honda Jazz 2020 ว่ามุ่งหวังให้เป็นรถยนต์ที่สามารถสร้างมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับโลกสำหรับยุคใหม่ โดยให้ความสำคัญในเรื่องของ "emotional value" หรือคุณค่าทางความรู้สึก และคำนึงถึงความสะดวกสบาย 4 มิติที่จะมอบสู่ผู้ใช้ในชีวิตประจำวัน
All-new Honda Jazz 2020 เริ่มขายอย่างเป็นทางการในญี่ปุ่น
ล่าสุด ฮอนด้า ได้ประกาศเปิดจำหน่าย All-new Honda Fit หรือ Jazz ที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2020 โดยตั้งเป้าไว้ที่ 10,000 คัน/เดือน ซึ่งจะมีขุมพลังให้เลือก 2 รูปแบบคือ e:HEV เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC ไฮบริดจับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และ เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร DOHC i-VTEC พร้อมแบ่งเป็น 2 ระบบขับเคลื่อน FF และ 4WD
All-new Honda Jazz 2020 ราคาและรุ่นย่อย
-
Honda Jazz 2020 e:HEV 1.5L DOHCi-VTEC ราคาเริ่มต้นที่ 1,997,600 เยน หรือประมาณ 567,000 บาท
-
Honda Jazz 2020 1.3L DOHCi-VTEC ราคาเริ่มต้นที่ 1,557,600 เยน หรือประมาณ 442,000 บาท
สำหรับรุ่นพิเศษ Honda Jazz 2020 Passenger Seat ที่เบาะของผู้โดยสารสามารถหมุนได้ เพื่อความสะดวกในการเข้า-ออก จะต้องจ่ายเพิ่มอีก 159,500 เยน หรือประมาณ 45,000 บาท
All-new Honda Jazz 2020 - 4 มิติของความสะดวกสบาย
Comfortable view : การออกแบบโครงสร้างตัวถังใหม่ทำให้เสา A (เสาที่เชื่อมระหว่างตัวถังและหลังคาส่วนหน้า) มีระยะที่กว้างขึ้นเมื่อเทียบกับในรถยนต์ Honda Jazz รุ่นก่อนหน้า เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ และยังมีผลต่อการช่วยกระจายแรงกระแทกได้มากขึ้น เพิ่มระดับการป้องกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
Seating comfort : ด้วยเบาะนั่งคู่หน้าที่ ฮอนด้า พัฒนาขึ้นใหม่และถูกนำมาติดตั้งใน Honda Jazz 2020 เป็นรุ่นแรก โดยออกแบบมาให้รับกับสรีระของผู้ใช้ ปรับขนาดเบาะรองให้ใหญ่ขึ้นและหนาขึ้น และยังสามารถปรับการใช้งานได้เช่นเดียวกับในรถยนต์ระดับไฮ-คลาส ช่วยให้ขับขี่ได้ยาวนานโดยไม่มีอาการเมื่อยล้า
Ride comfort : การขับขี่ได้อย่างนุ่มนวล ด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดใหม่ e:HEV โดย ฮอนด้า ระบุว่า Honda Jazz 2020 จะมีระบบเครื่องยนต์ที่ให้ขีดความสามารถดีเยี่ยมทั้งในด้านของการให้พลังในการขับขี่ และคุณภาพการรักษาส่งแวดล้อม
Usability : นอกจากจะคงไว้ซึ่งห้องโดยสารที่ถูกออกแบบให้มีความกว้างไม่ต่างจากเวอร์ชั่นก่อน ๆ แล้ว Honda Jazz 2020 ยังได้ปรับเพิ่มในเรื่องของประโยชน์ใช้สอยให้เพิ่มความสะดวกสบายสำหรับผู้ใช้ในแต่ละวันด้วย
All-new Honda Jazz 2020 - ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีช่วยขับขี่
แน่นอนว่า Honda Jazz 2020 มาพร้อมกับ Honda SENSING ที่คราวนี้ได้รวมเอากล้องหน้ารถแบบ wide view camera ที่จะมาทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์หน้า-หลังทั้ง 8 จุด มีระบบช่วยเบรกรุ่นใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกติดตั้งมาเป็นฟังก์ชันมาตรฐานสำหรับทุกรุ่นย่อยด้วย
All-new Honda Jazz 2020 - ระบบการเชื่อมต่อ
ฮอนด้า ระบุว่า Honda Jazz 2020 จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ถูกติดตั้งระบบ Honda CONNECT มาพร้อมกับตัวรถซึ่งจะรองรับการใช้งานในหลาย ๆ ฟังก์ชัน เช่น การควบคุมรถผ่านสมาร์ตโฟน หรือระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน
All-new Honda Jazz 2020 - 5 รุ่นย่อย
ตามที่ระบุไว้ว่า Honda Jazz 2020 ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงคุณค่าทางความรู้สึก จึงนำไปสู่การแบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 5 แบบตามคาแรกเตอร์หรือบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกัน
BASIC : แบบมาตรฐานที่เน้นในเรื่องของคุณภาพทั้งการออกแบบที่เรียบง่าย และการใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
HOME : เน้นความรู้สึกผ่อนคลายด้วยการออกแบบพื้นที่ว่าง และใช้วัสดุและสีที่ให้สัมผัสนุ่มนวลในการตกแต่งภายใน
NESS : ให้ความรู้สึกสปอร์ตและอารมณ์ของแฟชั่นด้วยสีสันสะดุดตา ใช้วัสดุหุ้มเบาะแบบกันน้ำ เหมาะสำหรับผู้ใช้รถที่ชื่นชอบในการทำกิจกรรมกีฬา
CROSSTAR : เน้นการตกแต่งรถภายนอก มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ภายในใช้วัสดุหุ้มเบาะแบบกันน้ำเช่นกัน
LUXE : ถือเป็นรุ่นท็อป ภายในห้องโดยสารตกแต่งเน้นความหรูหรา เบาะนั่งหุ้มวัสดุหนังแท้ ชุดแต่งภายนอกแบบ platinum-style มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว
สำหรับ All-new Fit หรือ All-new Honda Jazz 2020 จะเริ่มจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้าเป็นต้นไป ส่วนในประเทศไทยก็ยังคงต้องติดตามเช่นกันว่าจะมีการนำตัวจริงมาให้ยลโฉม หรือวางจำหน่ายในงาน มอเตอร์ โชว์ ช่วงปีหน้าเลยหรือไม่
ส่วนรถยนต์แฮตช์แบ็กในกลุ่มเดียวกันนี้หรือ B-Segment ที่เพิ่งมีการปรับโฉมในต่างประเทศรอการเข้ามาขายในไทยก็คือ New Mazda 2 ปี 2020 ซึ่งปรับโฉมจำหน่ายที่ญี่ปุ่น เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รวมถึง All New Nissan Almera 2019 ก็น่าจะถูกเปิดตัวในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
ภาพจาก motor1.com
ข้อมูลจาก global.honda