Mazda MX-5 2019 รุ่นพิเศษฉลอง 30 ปี มาในตัวถังสีส้ม Racing Orange ติดตั้งเบาะ Recaro, ล้อ RAYS 17 นิ้ว และเบรก Brembo จำกัด 3,000 คัน ทั่วโลก และสำหรับไทย Mazda MX-5 30th Anniversary มีเพียง 12 คัน กับราคาที่โหดพอตัว

Mazda MX-5 Miata (NA) ปี 1989
Mazda ฉลองครบรอบ 30 ปี ให้ Mazda MX-5 ด้วย Mazda MX-5 30th Anniversary นับตั้งแต่ Mazda MX-5 (รหัส NA) เปิดตัวครั้งแรกในปี 1989 (ญี่ปุ่นเรียก Eunos Roadster) และออร่าก็จับทันที ซึ่งไม่เพียงแค่หน้าตาน่ารัก แต่ยังเป็นรถสปอร์ตเบาที่ขับได้บันเทิงมาก จนในปี 2016 Guinness World Records บันทึกว่าเป็นโรดสเตอร์ยอดขายสูงที่สุดในโลก ด้วยตัวเลข 1 ล้านคัน

สำหรับ Mazda MX-5 30th Anniversary จะถูกผลิตจำกัดเพียง 3,000 คัน มีทั้งแบบหลังคาอ่อนกับหลังคาแข็งเลื่อนเก็บได้ (RF : Retractable Roof) และสำหรับไทยจะมีจำหน่ายแค่ 12 คัน (ระบุไว้เฉพาะตัว RF) สนนราคา 3.1 ล้านบาท ซึ่ง Mazda MX-5 RF 2019 รุ่นปกติ ปัจจุบันอยู่ที่ 2.89 ล้านบาท

- ตัวถังสีส้ม Racing Orange
- หลังคาสีทู-โทน (ส้ม-ดำ)

- ล้ออัลลอย RAYS (Forged) ขนาด 17 นิ้ว สี Gun Metallic
- เบรก Brembo คาลิเปอร์เบรกสีส้ม
- เบาะ Recaro หุ้มหนังสลับอัลคันทารา เดิน Piping และตะเข็บสีส้ม

- แผงหน้าปัด-แผงประตู ตกแต่งด้วยอัลคันทารา เดินตะเข็บด้ายสีส้ม
- กรอบช่องแอร์สีส้ม
- ป้ายสัญลักษณ์ 30th Anniversary พร้อมลำดับผลิต
ส่วนขุมพลัง Mazda MX-5 30th Anniversary จะใช้เครื่องยนต์ SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 205 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที เหมือนรุ่นปกติ
ซึ่งจะว่าไปกำลังของ Mazda MX-5 RF ก็ดูเหมือนไม่มากมายในยุคนี้ แต่ความสนุกในการขับขี่ของ Mazda MX-5 ไม่ได้เกิดจากพละกำลังมาตั้งแต่แรก และนั่นเป็นเอกลักษณ์ของรถสปอร์ตน้ำหนักเบา อันเป็นแนวคิดของรถอังกฤษอย่างพวก MG และอีกหลายแบรนด์ที่ล้มหายตายจากไปเยอะมาก

เพราะอังกฤษไม่ได้เก่งเรื่องทำเครื่องยนต์เท่าเยอรมนีหรืออิตาลี ความรู้ด้านวัสดุศาสตร์ด้อยกว่าและไม่ได้มีทรัพยากรล้นเหลือแบบอเมริกันด้วยความที่เป็นเกาะ ดังนั้นรถอังกฤษจึงใช้ความเบาสร้างความสนุกสนานในการขับขี่แทน บวกกับคนอังกฤษมีนิสัยรักประหยัดเป็นทุน Mazda MX-5 ก็เกิดจากแนวคิดเดียวกันนี้
ปัจจุบันนักขับหลายคนเข้าใจว่ารถที่ขับสนุกต้องมีกำลังสูง ซึ่งอาจ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ก็ได้ เช่น Toyota 86 สำหรับใครหลายคนแล้วขับสนุกกว่า Toyota GR Supra ที่มีกำลังมากเกินความสามารถที่จะควบคุมจนกลายเป็นความเครียดได้

นั่นจึงทำให้ Toyota 86 และ Mazda MX-5 ที่ดูเหมือนไม่มีอะไรอีกทั้งยังราคาสูง แต่หลายคนยอมจ่ายเพื่อเสพประสบการณ์จากการขับขี่ ในลักษณะ “เข้าหาตัว” (ขับเองสนุกเอง) ไม่ใช่ขาออกจากตัวเพื่อ “อวด” หรือให้รถคันอื่นยำเกรงด้วยตัวเลขสมรรถนะ
ภาพจาก Mazda