พาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ตรถยนต์ อาจเป็นอุปกรณ์จำเป็นยามที่ต้องใช้งาน แต่อย่างไรก็ตาม พาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ตรถยนต์ ต้องการการดูแลอย่างสม่ำเสมอเหมือนแบตเตอรี่รถยนต์เช่นกัน ราคาจำหน่ายก็ไม่ถูกนัก ดังนั้นจำเป็นแค่ไหนคงขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานเป็นหลัก
รถสตาร์ตไม่ติดเพราะแบตเตอรี่หมด อาจดูไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่เกิดได้บ่อย แต่เมื่อเกิดขึ้นทีไรก็สร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตได้พอสมควรทีเดียว จนหลายคนเริ่มมองหาตัวช่วยอย่าง Power Bank จั๊มพ์สตาร์ตรถยนต์ เพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์น่ารำคาญนี้ ซึ่งก็มีมากมาย ส่วนจะจำเป็นแค่ไหนและเลือกอย่างไรลองมาดูกัน
แน่นอนว่า พาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ต หรือแบตเตอรี่สำรอง เกิดมาเพื่อแก้ปัญหาที่หลายคนไม่อยากให้เกิด อย่างไฟในแบตเตอรี่หมดหรือเหลือไม่พอที่จะสตาร์ตรถยนต์ ทั้งจากการเสื่อมสภาพ, จอดทิ้งไว้นาน, ลืมเปิดไฟทิ้งไว้, ไฟรั่วลงกราวนด์ เป็นต้น หลายคนจึงนึกถึง พาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ต เพื่อช่วยให้รอดจากสถานการณ์ดังกล่าวโดยไม่ต้องวุ่นวายและเสียเวลาหารถคันอื่นมาพ่วงแบตเตอรี่
นอกเหนือจากนี้ พาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ต หลายยี่ห้อที่มีขายตามท้องตลาด ยังถูกออกแบบให้อรรถประโยชน์ เพื่อให้ดูคุ้มค่าแก่การซื้อมากขึ้นด้วย เช่น ใช้ชาร์จแบตฯ มือถือ โน้ตบุ๊ก และอุปกรณ์กินไฟฟ้าอื่น ๆ ได้ แต่เอาเข้าจริง ด้วยขนาดและน้ำหนักก็คงไม่ใช่ของที่ทุกคนอยากจะพกติดตัวไว้ตลอด
อันดับแรกเลยคือ “เสียเงินเพิ่ม” และเท่ากับว่าเราต้องดูแล “แบตเตอรี่” เพิ่มอีก 1 ลูก เนื่องจากพาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ต ก็ไม่ต่างจากแบตเตอรี่รถยนต์หรือแบตเตอรี่ทั่วไป สามารถ Discharge ได้ จึงควรต้องหมั่นชาร์จไฟเข้าเพื่อไม่ให้เสื่อมสภาพ (หากปล่อยไว้ไม่ใช้ ไม่ชาร์จไฟนาน ๆ ก็เสีย) รวมถึงมีไฟเพียงพอสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน เพราะถ้าไฟในแบตเตอรี่สำรองไม่พอ ไม่พร้อม ก็ไม่สามารถสตาร์ตรถได้อยู่ดีนั่นแหละ
การเลือกซื้อ Power Bank จั๊มพ์สตาร์ตรถยนต์
พาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ต ที่ขายตามท้องตลาด ก็มีหลายขนาดให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสมเหมือนแบตเตอรี่รถยนต์ โดยมีแบ่งรุ่น แบ่งหน่วยกระแสไฟฟ้า (Amps) แบ่งตามขนาดความจุของแบตเตอรี่ (mAh)
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ซื้อเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยส่วนมากจะอ้างอิงเป็นขนาดเครื่องยนต์ของรถ และไม่ใช่ว่าพาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ต ทุกรุ่น ทุกแบบ จะสตาร์ตรถได้หมดทุกคัน ดังนั้นถ้าจะซื้อต้องดูการใช้งาน เอาแค่พอดีกับรถคันเดียวหรือเผื่อไว้ก็เป็นอีกเรื่อง สอบถามจากผู้ขายได้
การดูแล Power Bank จั๊มพ์สตาร์ตรถยนต์
อย่าคิดว่าซื้อพาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ต แล้วจะทิ้งขว้าง อยากจะใช้งานค่อยเอาออกมาใช้อย่างไรก็ได้โดยไม่ต้องดูแล "คุณคิดผิด" อย่างที่บอกเหมือนมีแบตเตอรี่อีกลูก แบตเตอรี่จั๊มพ์สตาร์ตสามารถ Discharge หรือคายประจุเองได้ นั่นหมายความว่าต้องนำมาชาร์จสม่ำเสมอ
หากทิ้งไว้ไม่ชาร์จเลยก็จะเสื่อม ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์อย่างที่ตั้งใจได้ ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะมีตัวบอกปริมาณไฟ พร้อมคำแนะนำว่าควรต้องมีปริมาณไฟเท่าไรถึงสตาร์ตรถได้ นอกจากนี้รถที่ต้องจอดตากแดดไว้นาน ๆ เป็นประจำ ก็ไม่แนะนำให้เก็บพาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ต ไว้ในรถ เพราะแบตเตอรี่อาจเสื่อมสภาพได้ไวกว่ากำหนด
แล้วควรซื้อ Power Bank จั๊มพ์สตาร์ตรถยนต์หรือไม่
ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและพฤติกรรมของผู้ใช้รถเป็นหลัก เนื่องด้วยพาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ต ก็มีข้อจำกัดและต้องการการดูแลเหมือนแบตเตอรี่สำรองทั่วไป มันไม่ได้เล็กหรือพกสะดวกให้ใช้งานบ่อยแบบพาวเวอร์แบงก์ของมือถือ (แต่ถ้าพกได้ก็ไม่มีปัญหา)
ในยามคับขันย่อมเป็นประโยชน์ แต่ความถี่ในการใช้งานมากน้อยแค่ไหน ถ้าคิดว่าเผื่อไว้ มีย่อมดีกว่าไม่มี หมายความว่าก็ต้องหมั่นดูแลพาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ต ให้พร้อมใช้งานยามจำเป็นอยู่เสมอเช่นกัน ส่วนราคาของพาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ต ขึ้นอยู่กับรุ่น ขนาดความจุ หน่วยกระแสไฟ (อาจรวมถึงฟังก์ชันอื่น) เพื่อใช้กับรถในแต่ละขนาดเครื่องยนต์ รวมถึงคุณภาพของสินค้า ดังนั้นจึงมีตั้งแต่ราคาหลักพันต้น ๆ ไปจนถึงหลายพันบาทให้เลือกใช้
การมีพาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ต จึงเปรียบเสมือนการมีแบตเตอรี่ให้ดูแลเพิ่มงอกมาอีก 1 ลูก ซึ่งมีประโยชน์ในตัวของมัน แต่ถ้าคุณละเลย หลงลืมไม่ใส่ใจ สภาพก็จะไม่ต่างจากแบตเตอรี่รถยนต์ และก็จะไม่เหลือไฟไว้สตาร์ตเครื่องยนต์อยู่ดี ดังนั้นจะมีหรือไม่มีพาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ต หรือไม่ ก็ไม่ควรละเลยกับแบตเตอรี่รถยนต์ เพราะพาวเวอร์แบงก์ จั๊มพ์สตาร์ต คือ "แบตเตอรี่สำรอง" ยามฉุกเฉินเท่านั้น