เปรียบเทียบ 3 รถ PPV 2018 แบบ 2 รุม 1 โดยแบ่งเป็น 2 รถ PPV รุ่นใหม่ Nissan Terra 2018 กับ Ford Everest 2018 และเจ้าตลาด Toyota Fortuner 2018 คัดเฉพาะตัวท็อปสุดของแต่ละค่าย ไม่สนราคาหรือหน้าตา ลองดูสิว่า 3 รถ PPV 2018 คันไหนจะคุ้มค่าเงินที่สุด
เปรียบเทียบ 3 รถ PPV 2018 ด้วยสเปกสำหรับการตัดสินใจเบื้องต้น เนื่องจากตลาดรถ PPV มีน้องใหม่อย่าง Nissan Terra 2018 เข้ามาแจมด้วยอีกหนึ่งราย ราคาดี ฟีเจอร์แน่นใช้ได้ อีกทั้งก่อนหน้านั้นไม่นาน Ford Everest 2018 ก็ปรับโฉม เปลี่ยนขุมพลังใหม่ไม่ธรรมดา
โดยเราให้เจ้าตลาดยอดขายอันดับหนึ่ง Toyota Fortuner 2018 เป็น Benchmark และคัดเฉพาะตัวท็อปของแต่ละรุ่น (Toyota Fortuner ตัดรุ่นย่อยแต่ง TRD ออก) ไม่สนดีไซน์ ราคา ว่ากันที่ขนาด อุปกรณ์หลัก ๆ ที่น่าสนใจและพละกำลัง ลองดูชัด ๆ ซีเนียร์หรือเฟรชชี่ที่ควรจะโดนซ่อม
โดยรถ PPV 2018 ทั้ง 3 รุ่นย่อย ที่นำมาเปรียบเทียบ ได้แก่
- Toyota Fortuner รุ่นย่อย 2.8V 4WD AT ราคา 1,663,000 บาท
- Ford Everest รุ่นย่อย Titanium Plus 4WD AT ราคา 1,799,000 บาท
- Nissan Terra รุ่นย่อย 2.4VL 4WD AT ราคา 1,427,000 บาท
มิติตัวถัง
ถ้าเน้นถือคติ Bigger is better หรือคันยิ่งใหญ่ยิ่งดี หัวข้อนี้ Ford Everest 2018 และ Nissan Terra 2018 ชนะเจ้าตลาดอย่าง Toyota Fortuner 2018 ทุกมิติ ไม่มีเหลี่ยมไหนให้สู้ได้เลย แต่ถ้าเอาคล่องตัว ขับง่าย จอดง่ายกว่าหน่อย Toyota Fortuner ถึงจะพอได้เปรียบเล็กน้อย
รายละเอียด |
Toyota Fortuner |
Ford Everest |
Nissan Terra |
ความยาว (มม.) |
4,795 |
4,969 |
4,885 |
ความกว้าง (มม.) |
1,855 |
1,869 |
1,865 |
ความสูง (มม.) |
1,835 |
1,837 |
1,835 |
ระยะฐานล้อ (มม.) |
2,750 |
2,850 |
2,850 |
ความสูงใต้ท้องรถ (มม.) |
193 |
227 |
225 |
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (ม.) |
5.8 |
5.85 |
5.7 |
อุปกรณ์ภายนอก
ในส่วนของอุปกรณ์ภายนอกหลัก ๆ ไม่รวมการตกแต่งยิบย่อยตามรสนิยม ถือว่าใกล้เคียงเพราะราคาต่างกัน ดังนั้นไม่แปลกที่ Ford Everest 2018 จะมอบทุกสิ่งอย่างให้ได้มากกว่าคู่แข่งและถึงแม้ Nissan Terra 2018 จะให้อุปกรณ์มาน้อยแต่อย่าลืมว่าราคาค่าตัวเพียง 1,427,000 บาท
อุปกรณ์ |
Toyota Fortuner |
Ford Everest |
Nissan Terra |
ไฟหน้า |
LED Bi-Beam พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ |
HID พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ |
LED |
ไฟวิ่งกลางวัน |
LED |
||
ไฟตัดหมอกหน้า |
LED |
มี |
มี |
ไฟท้าย |
LED |
||
หลังคากระจก |
- |
มี |
- |
ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า |
มี |
มี |
- |
ขนาดล้อ |
อัลลอย ขนาด 18 นิ้ว |
อัลลอย ขนาด 20 นิ้ว |
อัลลอย ขนาด 18 นิ้ว |
ขนาดยาง |
265/60R18 |
265/50R20 |
255/60R18 |
อุปกรณ์ภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุปกรณ์มาตรฐานภายใน Ford Everest 2018 ชนะขาดลอย ทั้งนี้ Nissan Terra 2018 ก็น่าสนใจมากหากมีงบจำกัด ส่วน Toyota Fortuner 2018 ราคา 1,663,000 บาท นั้นเราควรได้อะไรมากกว่านี้หรือไม่
อุปกรณ์ |
Toyota Fortuner |
Ford Everest |
Nissan Terra |
วัสดุหุ้มเบาะนั่ง |
หนังแท้และวัสดุสังเคราะห์ |
||
เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า |
6 ทิศทาง |
8 ทิศทาง |
8 ทิศทาง (คนขับ) 4 ทิศทาง (ผู้โดยสาร) |
เบาะแถวที่ 2 พับแยก |
60:40 |
||
เบาะแถวที่ 2 ปรับเอน-เลื่อนได้ |
มี |
||
เบาะแถวที่ 3 พับไฟฟ้า |
- |
มี |
- |
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ |
มี |
||
กระจกไฟฟ้าแบบ One Touch |
4 บาน |
4 บาน |
ผู้ขับขี่ |
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ |
มี |
แบบ Adaptive |
มี |
ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ |
- |
มี |
- |
ระบบตัดเสียงรบกวนภายใน |
- |
มี |
- |
ระบบนำทาง |
มี |
||
เครื่องเสียง |
วิทยุ/DVD หน้าจอสัมผัส 8 นิ้ว ช่องต่อ AUX/USB |
วิทยุ/CD/MP3 หน้าจอสัมผัส 8 นิ้ว ระบบสั่งงานด้วยเสียง ช่องต่อ USB |
วิทยุ/DVD/MP3 หน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว ช่องต่อ USB/HDMI |
ระบบการเชื่อมต่อ |
T-Connect Telematics |
Apple CarPlay / Android Auto / Wi-Fi |
- |
จอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง |
- |
- |
มี |
ลำโพง |
6 จุด |
9 จุด พร้อมซับวูฟเฟอร์และแอมปลิไฟเออร์ |
6 จุด |
ระบบความปลอดภัย
เป็นอีกข้อที่ Ford Everest 2018 ชนะใส ๆ ถ้าเน้นความปลอดภัยโดยไม่จำกัดงบหรือบริการหลังการขายใด ๆ ตัวเลือกนี้น่าสนใจที่สุด แต่ถ้างบจำกัดและต้องการรถ PPV ที่ให้ระบบความปลอดภัยคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ Nissan Terra 2018 ทำการบ้านมาดีมาก แม้ไม่ครบเท่าคู่แข่งแต่ไม่ด้อยเมื่อเทียบกับค่าตัว ขณะที่เจ้าตลาดน่าตำหนิ ถึง Toyota Fortuner 2018 ไม่ได้ให้มาน้อยแต่ยังให้ไม่พอเมื่อเทียบกับราคาและคู่แข่ง
อุปกรณ์ |
Toyota Fortuner |
Ford Everest |
Nissan Terra |
เข็มขัดนิรภัย 3 จุด |
ทุกที่นั่ง |
ไม่ระบุ (แต่น่าจะครบ) |
ทุกที่นั่ง |
ถุงลมนิรภัย |
7 จุด |
7 จุด |
6 จุด |
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS |
มี |
มี |
มี |
ระบบกระจายและเสริมแรงเบรก EBD/BA |
มี |
มี |
มี |
ระบบควบคุมการทรงตัว |
VSC |
ESP |
VDC |
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี |
Active-TRC |
TCS |
TCS |
ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพวงท้าย |
TSC |
TSM |
- |
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน |
HAC |
HLA |
HSA |
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน |
DAC |
- |
HDC |
ระบบช่วยป้องกันการพลิกคว่ำ |
- |
Rollover Mitigation |
- |
ระบบช่วยรักษาช่องทางจราจร |
- |
มี |
- |
ระบบเตือนออกนอกช่องทาง |
- |
- |
มี |
ระบบเตือนจุดอับสายตา |
|
มี |
มี |
ระบบช่วยเบรก/เตือนการชนด้านหน้า |
- |
มี |
- |
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ |
- |
มี |
- |
จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX |
ไม่ระบุ |
มี |
มี |
กล้องมองหลัง |
มี |
||
กล้องมองภาพรอบทิศทาง |
- |
- |
มี |
ระบบตรวจแรงดันลมยาง |
- |
มี |
มี |
ระบบแจ้งเตือนการจราจรขณะถอย |
- |
มี |
ฟีเจอร์ใน กล้องรอบทิศทาง |
ขุมพลังและอัตราสิ้นเปลือง
หัวข้อนี้รถ PPV ทุกคัน เหลือ ๆ แม้แต่ Toyota Fortuner 2018 ที่มีกำลังเพียง 177 แรงม้า ซึ่งมากเกินพอสำหรับรถ SUV พื้นฐานกระบะยกสูง จะเร็วแข่งกับรถสปอร์ตไปไหน การบังคับควบคุมจะวิกฤตมากบนความเร็วสูงและเปลี่ยนเลนกะทันหัน ต่อให้เป็น Ford Everest 2018 ที่ว่า Handling ดีหนักหนาก็ตาม
ส่วนแรงบิดสูงสุดนั้นเรามองว่าสำคัญกว่า ซึ่งส่งผลต่ออัตราเร่งหรือการฉุดลาก (ไม่ใช่แรงม้า) สำหรับรถ PPV ซึ่ง Toyota Fortuner 2018 ให้มาไม่น้อย เท่า ๆ กับ Nissan Terra 2018 และมาไวที่รอบต่ำตามธรรมชาติของดีเซล แต่สำหรับผู้ที่ต้องเน้นตัวเลขสวย ๆ ไว้ก่อน Ford Everest 2018 ให้ได้ทั้งแรงม้าและแรงบิดสูงสุด
อย่างไรก็ตามน่าแปลกว่า Toyota Fortuner 2018 นั้นประหยัดน้ำมันที่สุด ปล่อย CO2 น้อยที่สุด ซึ่งอาจมาจากหลายเหตุผลและการดูเฉพาะเครื่องยนต์บอกไม่ได้ทั้งหมดเพราะตัวแปรมีมากกว่านั้น ทั้งน้ำหนักตัว ระบบส่งกำลังและอื่น ๆ อีกมากมาย เอาเป็นว่าถ้าตามมาตรฐาน Eco Sticker แล้ว Toyota Fortuner 2018 ทำได้ดีเลิศ
รายละเอียด |
Toyota Fortuner |
Ford Everest |
Nissan Terra |
แบบเครื่องยนต์ |
ดีเซล 4 สูบ16 วาล์ว DOHC |
ดีเซล 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC |
ดีเซล 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC |
ขนาดความจุ (ซี.ซี.) |
2,755 |
1,996 |
2,298 |
ระบบอัดอากาศ |
เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ |
เทอร์โบคู่ |
เทอร์โบคู่แบบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ |
เกียร์ |
อัตโนมัติ 6 สปีด |
อัตโนมัติ 10 สปีด |
อัตโนมัติ 7 สปีด |
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที) |
177/3,400 |
213/3,750 |
190/3,750 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที) |
450 (1,600-2,400) |
500 (1,750-2,000) |
450 (1,500-2,500) |
ระบบขับเคลื่อน |
4 ล้อ พร้อมระบบ Sigma4 ทำงานคล้าย Brake-Limited Slip Differential ของ Nissan |
4 ล้อพร้อม Electronic Locking Rear Differential |
4 ล้อ พร้อม Brake-Limited Slip Differential |
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย (ลิตร/100 กม.) |
7.2 |
7.6 |
7.6 |
อัตราสิ้นเปลืองในเมือง (ลิตร/100 กม.) |
6.5 |
6.3 |
6.5 |
อัตราสิ้นเปลืองนอกเมือง (ลิตร/100 กม.) |
8.4 |
9.7 |
9.3 |
อัตราการปล่อย CO2 (กรัม/กม.) |
191 |
200 |
200 |
*อัตราสิ้นเปลืองและอัตราการปล่อยมลพิษอ้างอิงตามมาตรฐาน Eco Sticker
สุดท้ายเรามีเพียงข้อสงสัยเดียวเกี่ยวกับ Eco Sticker โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล ไม่มีการระบุถึงค่าไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ซึ่งเป็นฆาตกรตัวจริง ซึ่งข่าวอื้อฉาวครึกโครมครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ยานยนต์โลกในรถยุโรปล็อตมโหฬาร (จริง ๆ มีหลายแบรนด์) ว่ามีการโกงอัตราการปล่อยมลพิษนั้น ปัญหาหลัก ๆ คือโกงค่า NOx (ไม่ใช่ CO2) ด้วยอุปกรณ์ยังผลหรือ Defeat Device เพื่อตบตาการทดสอบ เราแปลกใจมากที่หน่วยงานของไทยไม่ระบุค่านี้ลงใน Eco Sticker ด้วย เพราะนั่นคือยาพิษปริมาณมหาศาลที่เราคนไทยต้องสูดดมเข้าไปทุก ๆ วัน (รถดีเซลเมืองไทยเยอะแค่ไหนก็อย่างที่รู้กัน)
ส่วนการเปรียบเทียบรถ PPV 2018 ทั้ง 3 รุ่น หลัก ๆ คือต้องการนำข้อมูลจากผู้ผลิตมารวบรวมเพื่อใช้ในการพิจารณา ซึ่งรถแต่ละคันย่อมมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป อุปกรณ์ก็ดี พละกำลังก็ดี การขับขี่ก็ดี อาจเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งและไม่ใช่ตัวชี้วัดสำหรับการตัดสินใจทั้งหมด เพราะความต้องการของแต่ละคนแตกต่างกัน อีกทั้งมีหลายตัวแปรที่ต้องคำนึงถึง เช่น การบริการหลังการขาย ความชื่นชอบส่วนตัว แม้แต่ราคาขายต่อในอนาคตก็จำเป็นสำหรับหลายคน ดังนั้นการเลือกรถที่คุณและครอบครัวขับแล้วสบายใจคือสิ่งสำคัญที่สุด
ภาพจาก Toyota, Nissan และ Ford