
สำหรับดีไซน์ของ Royal Alloy ก็จะคล้ายกับสกูตเตอร์แนวเรโทรทั่วไป ซึ่งอาจไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่จุดเด่นของ Royal Alloy คือ คุณภาพและราคาที่สามารถจับต้องได้ ไม่สูงจนเกินไปนัก โดยในเบื้องต้นสกูตเตอร์ของ Royal Alloy ในประเทศไทย จะมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่

- Royal Alloy GP 150 ราคา 98,000 บาท

- Royal Alloy GP 200 S ABS ราคา 158,000 บาท
โดยความแตกต่างระหว่าง Royal Alloy ทั้งสองรุ่น จะสังเกตได้จากไฟหน้า ซึ่ง Royal Alloy GP 150 จะใช้ไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยม และเครื่องยนต์แอร์คูล ขนาดความจุ 150 ซี.ซี. จ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์ ขณะที่ Royal Alloy GP 200 S ABS จะมีไฟหน้าทรงกลม ใช้เครื่องยนต์ ขนาดความจุ 200 ซี.ซี. จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่วนเกียร์จะเป็นแบบอัตโนมัติ 4 จังหวะ ทั้งหมด


นอกจากนี้สกูตเตอร์ของ Royal Alloy ทั้งรุ่น GP 150 และ GP 200 S ABS ยังใช้เฟรม ตัวถัง ฝาข้าง บังลมหน้าและพักเท้าที่ทำด้วยเหล็ก กะโหลกไฟหน้าเป็นอะลูมิเนียม มีแค่เฉพาะส่วนจมูกแตรกับบังโคลนเท่านั้นที่เป็นพลาสติก แต่อย่างไรก็ตามเสน่ห์ของไลฟ์สไตล์สกูตเตอร์แนวนี้ก็คงอยู่ที่การนำไปตกแต่งเพิ่มให้เป็นสไตล์ของตัวเองได้อย่างอิสระ
ทั้งนี้สำหรับรายละเอียดทางเทคนิคของ Royal Alloy ทั้ง GP 150 และ GP 200 S ABS ยังมีรายละเอียดไม่มากนัก แต่ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับการรับประกันนาน 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร และถ้าหากสนใจสกูตเตอร์น้องใหม่สุดแนวจากอังกฤษ ช่วงนี้คงต้องลองไปชมตัวจริงก่อนได้ที่งาน Motor Show 2018
















