ฟอร์ดเผยโฉม เรนเจอร์ แร็พเตอร์ 2018 ครั้งแรกของโลก ราคาไม่เผย สุดยอดรถกระบะออฟโรด Ford Ranger Raptor 2018 ดีเอ็นเอจาก ฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance)
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ 2018 (Ford Ranger Raptor 2018 )
รถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงรุ่นใหม่จากฟอร์ด
เผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกของโลกที่ ประเทศไทย
สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเซกเมนต์ตลาดรถกระบะในฐานะรถกระบะสมรรถนะสูงของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
การออกแบบดุดัน ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ 2018 (Ford Ranger Raptor 2018)
ด้านหน้ากับกระจังหน้าใหม่อันสะดุดตาได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์ ซึ่งเป็นรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงคันแรกของโลกจากโรงงาน โลโก้ฟอร์ดสะกดด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ภาษาอังกฤษอันเป็นเอกลักษณ์จัดวางอยู่บนกระจังหน้าอย่างองอาจ
ชุดกันชนด้านหน้าซึ่งติดกับเฟรมรถได้รับการออกแบบให้มีความทนทานสำหรับการขับขี่ในทะเลทรายและดูน่าเกรงขาม แผงกันชนด้านหน้ายังมาพร้อมไฟตัดหมอกแบบ LED พร้อมช่องรีดอากาศ ที่ช่วยลดการต้านลมของตัวรถได้เป็นอย่างดี
แก้มข้างรถคู่หน้าแบบใหม่ผลิตจากวัสดุคอมโพสิต ไม่เพียงแต่ดูแข็งแกร่ง แต่ยังทนต่อการบุบและรอยขีดข่วนที่มักจะเกิดจากการใช้งานออฟโรด แก้มข้างรถคู่หน้าที่ถูกตีโป่งขยายเพื่อรองรับระยะยุบตัวของโช้คที่เพิ่มมากขึ้นและยางออฟโรดขนาดใหญ่
รูปลักษณ์ของตัวรถใหญ่ขึ้นในทุกมิติ
ความสูง 1,873 มิลลิเมตร
ความกว้าง 2,180 มิลลิเมตร
ความยาว 5,398 มิลลิเมตร
ระยะช่วงล้อหน้าและหลังกว้างขึ้นเป็น 1,710 มิลลิเมตร
ความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นเป็น 283 มิลลิเมตร
มุมไต่ที่ 32.5 องศา
มุมคร่อมที่ 24 องศา
มุมจากที่ 24 องศา
บันไดข้างรถออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เศษหินกระแทกกับตัวถังรถด้านหลัง และรูที่ถูกเจาะนั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ระบายทราย โคลน และหิมะได้ โดยผลิตจากอะลูมิเนียมอัลลอยเพื่อเพิ่มความคงทนโดยเฉพาะ ทั้งยังผ่านการทดสอบด้วยการกดน้ำหนัก 100 กิโลกรัมถึง 84,000 ครั้ง เพื่อจำลองการใช้งานในสนามทดสอบจริงกว่า 10 ปี และทำการเคลือบถึงสองชั้น โดยทำการพ่นสี powder-coated ก่อนพ่น grit-paint ทับอีกชั้น มีความทนทานสูงต่อรอยขีดข่วนและรอยเปื้อน
กันชนท้ายได้ผ่านการปรับปรุงโดยเพิ่มชุดตะขอเกี่ยวจำนวน 2 ชุด ที่รองรับการลากจูงได้ถึง 3.8 ตัน
ส่วนท้ายรถยังได้รับการพัฒนาด้วยกรอบตัวเซ็นเซอร์ที่เรียบเสมอกับตัวถัง และตัวเชื่อมขอลากที่ได้รับการติดตั้งและออกแบบพิเศษ
ส่วนท้ายกระบะมอบพื้นที่ใช้งานอย่างกว้างขวางด้วยขนาด 1,560 x 1,743 มิลลิเมตร ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยในช่วงวันหยุด
การออกแบบภายใน ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ 2018 (Ford Ranger Raptor 2018)
ผสานสีสันต่าง ๆ และการเลือกสรรวัสดุที่คงทนและเหมาะสมสำหรับการขับขี่แบบออฟโรดและการใช้งานในชีวิตประจำวัน เบาะที่นั่งได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อรองรับการใช้งานการขับขี่แบบออฟโรดความเร็วสูง ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถขณะวิ่งด้วยความเร็วสูงได้อย่างง่ายดาย
ทั้งยังมอบความสะดวกสบายระหว่างการเดินทางอย่างเหนือชั้น การเลือกใช้หนังกลับเป็นวัสดุของเบาะนั้น ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารยึดเกาะที่นั่งได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการพิจารณาการเลือกใช้วัสดุต่าง ๆ โดยคำนึงถึงการใช้งานจริง
รายละเอียดบริเวณคอนโซลหน้ารถ เดินด้ายสีน้ำเงินและการเลือกใช้วัสดุหนัง แผงหน้าปัดแสดงฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบต่าง ๆ พวงมาลัยมาพร้อมกับแป้น Paddle Shift ขนาดใหญ่ที่ผลิตจากแมกนีเซียมน้ำหนักเบา
แถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย On-Centre Marker ที่เป็นแถบสีแดงด้านบนของพวงมาลัย ช่วยให้นักขับออฟโรดทราบถึงตำแหน่งองศาของพวงมาลัยขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ ฟอร์ดยังได้สลักลายโลโก้แร็พเตอร์ลงบนขอบพวงมาลัย เพื่อมอบความโดดเด่นสะดุดตาอีกด้วย
แชสซีส์ใหม่ระบบเบรกใหญ่และช่วงล่างที่เป็นโช้คพร้อมสปริง ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ 2018 (Ford Ranger Raptor 2018)
แชสซีส์ของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการออกแบบใหม่มาเป็นพิเศษสำหรับการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูงและทนต่อแรงกระแทกที่อาจเกิดจากการขับขี่โดยเฉพาะ
ระบบกันสะเทือนหลังแบบใหม่รวมถึงระบบวัตต์ลิงก์และสปริงคอยล์โอเว่อร์ช็อกทำให้เพลาเคลื่อนที่อย่างมั่นคง จึงช่วยเรื่องการทรงตัวและการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น
แชสซีส์ได้ถูกออกแบบมาใหม่เพื่อรองรับระบบช่วงล่างที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เรนเจอร์ แร็พเตอร์ สามารถเพิ่มระยะช่วงล้อคู่หน้าและหลัง และยังเพิ่มระยะการให้ตัวของล้อสูงได้มากขึ้น แชสซีส์ผลิตจากเหล็กอัลลอย HSLA (High-Strength Low-Alloy) เกรดต่าง ๆ อีกทั้งยังเสริมความแข็งแรงด้านข้างของแชสซีส์ (side-rails) เพื่อรองรับแรงกระแทกที่เกิดจากการขับขี่ด้วยความเร็วสูง
แชสซีส์ด้านหน้าได้มีการเพิ่มความแข็งแรงของจุดยึดหูโช้คที่ถูกขยายความสูงขึ้นมา ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบคอยล์โอเว่อร์ช็อคซึ่งทำขึ้นมาพิเศษให้เฉพาะ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ 2018 (Ford Ranger Raptor 2018)
ระบบวัตต์ลิงก์ ช่วยให้เพลาเคลื่อนที่ขึ้น-ลงได้อย่างอิสระโดยที่มีการขยับตัวในแนวราบน้อยมาก อีกทั้งยังมีชุดตะขอเกี่ยว 2 ชุดด้านหน้าและด้านหลังที่รองรับน้ำหนักจากการลากจูงได้ถึง 3.8 ตัน และโครงสร้างแท่นยึดยางอะไหล่ที่ถูกเสริมความแข็งแรงเพื่อรองรับยางอะไหล่ขนาดใหญ่ถึง 17 นิ้ว
ระบบเบรกทำขึ้นเฉพาะรุ่น คาลิเปอร์เบรกคู่หน้าเป็นแบบลูกสูบคู่ ที่เพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขึ้น 9.5 มิลลิเมตร มาพร้อมกับจานเบรกคู่หน้าแบบมีครีบระบายความร้อนที่มีขนาดใหญ่ถึง 332 x 32 มิลลิเมตร ด้านหลังมาพร้อมกับดิสก์เบรกที่มาพร้อมกับระบบ brake actuation master cylinder ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีจานเบรกแบบมีครีบระบายความร้อนขนาด 332 x 24 มิลลิเมตรคู่กับคาลิเปอร์เบรกใหม่ขนาด 54 มิลลิเมตร
ระบบช่วงล่าง ออกแบบมาเพื่อรับมือกับการขับขี่ที่ความเร็วสูงบนสภาพพื้นผิวขรุขระ โดยที่ผู้ขับขี่ยังสามารถควบคุมรถได้อย่างสมบูรณ์แบบและได้รับความสบายอย่างเต็มที่ ด้วยโช้คแบบ Position Sensitive Damping (PSD) ที่จะเพิ่มแรงต้านเมื่อมีการกระแทกเต็มช่วงยุบกระบอกสูบ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่แบบออฟโรดให้ดียิ่งขึ้น และจะลดแรงต้านเมื่อขับขี่บนถนนทางเรียบ เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวล จึงเห็นได้ว่าระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อการขับขี่ทั้งสองรูปแบบ
โช้คอัพผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษโดย Fox Racing Shox ใช้ลูกสูบขนาด 46.6 มิลลิเมตร ทั้งคู่หน้าและหลัง ช่วงล่างถูกออกแบบมาให้มีระยะการให้ตัวของล้อสูงเพื่อความสามารถในการซับแรงกระแทกขณะขับออฟโรด แต่ด้วยระบบบายพาสภายใน (Internal Bypass technology) จึงทำให้การขับขี่บนถนนทางเรียบเป็นไปอย่างราบรื่น
ปีกนกที่ทำจากอะลูมิเนียม โดยปีกนกบนทำด้วยวิธีการฟอร์จและปีกนกล่างใช้วิธีการหล่อ เพื่อให้ระบบช่วงล่างทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แข็งแรงทนทานต่อการขับขี่แบบออฟโรดถึงขีดสุด
ใช้ยาง All-terrain BF Goodrich 285/70 R17 ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับเรนเจอร์ แร็พเตอร์ โดยเฉพาะเพื่อเสริมสมรรถนะการขับขี่ ยางมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 838 มิลลิเมตร กว้าง 285 มิลลิเมตร แก้มยางมีความแข็งแรงสูงซึ่งเหมาะในการลุยทุกสภาพพื้นผิว ด้วยดอกยางขนาดใหญ่พิเศษ ผู้ขับขี่จึงสามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นสภาพพื้นผิวที่เปียกลื่น โคลน พื้นทราย และหิมะ
แผงกันกระแทกด้านล่างอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ช่วยปกป้องห้องเครื่องจากการกระแทก ผลิตจากเหล็กกล้า (High-strength steel) ที่มีความหนา 2.3 มิลลิเมตร และมีความทนทานสูงตามมาตรฐานของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance)
แผงกันชนหน้ามาพร้อมกับสีเงิน อีกทั้งยังมีชุดกันกระแทกด้านล่างที่ป้องกันเครื่องและระบบส่งกำลัง (transfer case) ทั้ง 3 ส่วนนี้ที่ช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหม้อน้ำ ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (Electric Power Assisted Steering - EPAS) ชุดสายพานหน้าเครื่อง (Front End Accessory Drive - FEAD) คานล่างด้านหน้า (Front cross-member) อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟืองขับส่วนหน้า
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ 2018 (Ford Ranger Raptor 2018) พร้อมลุยปรับโหมดขับขี่ได้ 6 โหมด
ระบบ Terrain Management System (TMS) สำหรับโหมดการขับขี่ทั้งหมด 6 รูปแบบ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลาย โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดจากปุ่มบนพวงมาลัย ซึ่งแต่ละโหมดได้รับการทดสอบและปรับแต่งอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เทคโนโลยีทั้งหมดทำงานประสานกันอย่างดีที่สุด ผู้ขับขี่จึงสามารถควบคุมรถได้ดั่งใจในแต่ละสภาพโหมดการขับขี่ อันประกอบด้วย
โหมดการขับขี่ทางเรียบ
- โหมดปกติ เน้นความสบาย นุ่มนวล และประหยัดน้ำมัน
- โหมดสปอร์ต ตอบโจทย์ผู้ที่มีใจรักการขับขี่ทางเรียบ เน้นการเปลี่ยนเกียร์เร็วและฉับไวในขณะที่รอบเครื่องสูง พร้อมทั้งค้างรอบเครื่องสูงไว้เพื่อให้การตอบสนองคันเร่งที่ดีขึ้นอย่างที่ผู้ขับขี่ต้องการ
โหมดการขับขี่ออฟโรด
- โหมดหญ้า/กรวดหิน/หิมะ ออกแบบมาให้ขับขี่บนทางออฟโรดที่มีพื้นผิวลื่นและเป็นหลุมบ่อ โดยระบบจะทำการเปลี่ยนเกียร์อย่างนุ่มนวลขึ้นพร้อมทั้งออกตัวด้วยเกียร์ที่สอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดอัตราการลื่นไถลของล้อรถ
- โหมดโคลน/ทราย ระบบจะปรับการตอบสนองของระบบควบคุมการลื่นไถลให้เหมาะสมกับพื้นผิวที่มีความลึกและสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างพื้นทรายและโคลน ด้วยการใช้เกียร์ต่ำที่มีแรงบิดสูง
- โหมดหิน ใช้เมื่อขับขี่บนพื้นผิวในเขตภูเขาที่ลาดชัน ต้องใช้ความเร็วต่ำ และเน้นการควบคุมรถให้ขับเคลื่อนอย่างช้าๆ
- โหมดบาฮา ระบบจะปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้เหมาะกับการขับขี่ออฟโรดด้วยความเร็วสูงเสมือนนักแข่งแรลลี่กลางทะเลทรายบาฮาอันเลื่องชื่อ โดยระบบป้องกันล้อหมุนฟรีจะถูกตัดการทำงาน เพื่อไม่ให้แทรกแซงการทำงานของเครื่องยนต์ รวมทั้งเกียร์จะถูกปรับให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด ระบบจะค้างรอบเครื่องไว้นานขึ้นและเปลี่ยนเกียร์ลงได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ 2018 (Ford Ranger Raptor 2018) กับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร เกียร์ 10 สปีด
ระบบส่งกำลังของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ที่ให้กำลังและแรงบิดที่เหนือกว่า ประหยัดน้ำมันมากขึ้น น้ำหนักน้อยลง รวมถึงการปรับประสานเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ เพลา พวงมาลัย เบรก และระบบควบคุมพวงมาลัยแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Steering Program) สำหรับการขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะ
เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ดีเซลใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร มอบพละกำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 500 นิวตันเมตร
ทีมวิศวกรของฟอร์ดได้ทำการทดสอบระบบส่งกำลังแบบใหม่อย่างเข้มข้น เพื่อให้มั่นใจในความแข็งแกร่งและทนทาน การทดสอบ เทอร์โมไซเคิล (Thermo cycle) นี้ เป็นการทำให้เทอร์โบทั้ง 2 ลูกร้อนจัด จนกลายเป็นสีแดงนาน 200 ชั่วโมงติดต่อกัน ด้วยลูกปืนเทอร์โบที่มีประสิทธิภาพและเทอร์โบแรงดันต่ำที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ จึงทำให้เครื่องยนต์สามารถทนต่ออุณหภูมิระดับสูงมากได้
ด้วยการทำงานร่วมกันระหว่างเทอร์โบแรงดันสูง (HP) ที่เชื่อมต่อกับเทอร์โบแรงดันต่ำ (LP) ที่มีขนาดใหญ่กว่า และถูกควบคุมด้วยวาล์วบายพาสที่ทำหน้าที่ควบคุมลำดับการทำงานของเทอร์โบทั้งสองลูกโดยขึ้นอยู่กับความเร็วของเครื่องยนต์ เมื่อรอบเครื่องยนต์ต่ำ เทอร์โบทั้ง 2 ตัว จะทำงานตามลำดับเพื่อช่วยเพิ่มแรงบิดและการตอบสนอง เมื่อช่วงรอบเครื่องยนต์สูง อากาศจะไม่ไหลผ่านเทอร์โบแรงดันสูง ทำให้เทอร์โบแรงดันต่ำที่ใหญ่กว่าช่วยเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น
เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งมาจากแร็พเตอร์ เอฟ-150 ผลิตจากวัสดุเหล็กกล้า อะลูมิเนียมอัลลอยและคอมโพสิตเพื่อให้มีความทนทานและมีน้ำหนักเบา เนื่องจากเกียร์มีทั้งหมด 10 จังหวะ ทำให้มีอัตราทดที่แคบลง จึงส่งผลให้มีอัตราเร่งและการตอบสนองที่ดีขึ้น และทีมวิศวกรก็สามารถออกแบบระบบเกียร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่เคย ทำให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย
ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์มาพร้อมกับอัลกอริทึมที่เรียนรู้รูปแบบการขับขี่ ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้มั่นใจว่ารถได้เลือกเกียร์ที่เหมาะสมที่สุด ระบบเกียร์อัตโนมัติลูกนี้ยังมีคุณสมบัติพิเศษที่เรียกว่า ‘Live in Drive’ ที่สามารถให้ผู้ขับขี่ใช้แป้น Paddle Shift เพื่อควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองได้ทุกเมื่อแม้กระทั่งอยู่ในเกียร์ D
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ 2018 (Ford Ranger Raptor 2018) เทคโนโลยีที่สะดวกสบายเพื่อการใช้งานจริง
เทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อ ซิงก์ 3 (SYNCO 3) ซึ่งเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียงที่ผนวกเข้าในรถคันนี้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานอุปกรณ์โปรดได้แม้มือยังจับพวงมาลัยและตาจับจ้องอยู่ที่ถนน
นอกจากนี้ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการออกแบบมาพร้อมระบบความปลอดภัยระดับสูงทั้งแบบแอ็คทีฟและพาสซีฟ รวมถึงระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยทำงานร่วมกับฟังก์ชั่นลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ
นอกจากนี้ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program) จะคอยช่วยเมื่อเข้าโค้งหรือเบรกกะทันหันจนรถเริ่มเสียการทรงตัว ระบบนี้ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง (Trailer Sway Control) ระบบช่วยออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน (Hill Descent Control) และระบบควบคุมการบรรทุก (Load Adaptive Control)
กล้องมองหลังแสดงภาพบนจอแอลซีดีขนาด 8 นิ้ว ซึ่งทำงานร่วมกับสัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง จึงช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกมั่นใจได้ไม่ว่าจะจอดรถในที่ใดก็ตาม
เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมกับระบบอำนวยความสะดวก ระบบผ่อนแรงฝากระบะท้าย (EZ Lift Tailgate) ด้วยกลไกผ่อนแรง จะช่วยผ่อนแรงของผู้ใช้ลงไป 66 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งกุญแจรีโมทอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถล็อก ปลดล็อก และสตาร์ทรถได้ โดยไม่ต้องใช้กุญแจ ผู้ขับขี่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยการกดปุ่ม ในกรณีที่แบตเตอรี่อ่อน กุญแจที่เป็นกลไกก็ยังสามารถใช้งานทดแทนได้
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ 2018 (Ford Ranger Raptor 2018) มีให้เลือก 5 สี
สีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue)
สีแดงเรซ เรด (Race Red)
สีดำแชโดว์ แบล็ก (Shadow Black)
สีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White)
สีพิเศษเฉพาะของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ อย่าง สีเทาคองเคอร์ เกรย์ (Conquer Grey) ที่โดดเด่น โดยตัดกับสีเทา ไดโน เกรย์ (Dyno Grey) เพื่อขับให้รูปลักษณ์ของรถดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ 2018 (Ford Ranger Raptor 2018) ยังไม่เผยราคาจำหน่าย และวันจำหน่าย จะผลิตขึ้นที่โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม)