บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมกับมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย จัดงาน "วันลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา" เพื่อมอบถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และโล่ประกาศเกียรติคุณแก่โรงเรียน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดโครงการด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้กิจกรรม "ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา" พร้อมทั้งส่งมอบองค์ความรู้ในการใช้ชีวิตแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการจัดนิทรรศการจาก 20 โรงเรียน และ 20 ชุมชนทั่วประเทศ ที่เข้าร่วมกิจกรรม ระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2561 ณ ลานพาร์คพารากอน สยามพารากอน
กิจกรรม "ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา" เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้โครงการ "โตโยต้าเมืองสีเขียว" ที่ได้ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 จากความร่วมมือกับมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกให้สังคมไทยได้ตระหนักถึงปัญหาด้านภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน พร้อมทั้งแนวทางแก้ไข โดยการเปิดโอกาสให้โรงเรียน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากทั่วประเทศ จัดทำโครงการส่งเข้าประกวด เพื่อช่วยสนับสนุนการลดภาวะโลกร้อนภายในพื้นที่ของตน ภายใต้แนวทางในการทำกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม 5 ด้าน ดังนี้
การประหยัดพลังงานไฟฟ้า
การจัดการขยะ
การเดินทางอย่างยั่งยืน
การเพิ่มพื้นที่สีเขียว
การอนุรักษ์น้ำ
ทั้งนี้ การดำเนินกิจกรรม "ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา" ในครั้งที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ 12 ซึ่งประสบความสำเร็จมีผู้ให้ความสนใจส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดถึง 286 โครงการ พร้อมทำการคัดเลือกจนได้ผู้ชนะโครงการ ในประเภทโรงเรียน และประเภทชุมชน รวมทั้งสิ้น 6 ทีม โดยมีรายละเอียดดังนี้
รางวัลชนะเลิศประเภทโรงเรียน
รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ โรงเรียนกันตังพิทยากร อ.กันตัง จ.ตรัง "โครงการกันตังพิทยากร ลดเมืองร้อนด้วยมือเรา" ที่มีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อลดเมืองร้อนใน ทุกด้าน มีเครือข่ายร่วมดำเนินการจนบรรลุเป้าหมายและโดดเด่นในด้านการจัดการขยะในหลากหลายมิติ
ผู้ชนะโรงเรียนกันตังพิทยากร
ผู้ชนะโรงเรียนกันตังพิทยากร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ โรงเรียนวชิรวิทย์ เชียงใหม่ อ.เมือง
จ.เชียงใหม่ "โครงการวชิรวิทย์ ร่วมใจประหยัดพลังงาน"
มุ่งเน้นในการลดการใช้ไฟฟ้าภายในโรงเรียน โดยกิจกรรมเด่นคือการจัดตารางเรียนให้สอดคล้องกับการปิดการใช้กระแสไฟฟ้าในห้องเรียน รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ โรงเรียนศรีโคตรบูรณ์ อ.เมือง จ.นครพนม "โครงการลดเมืองร้อน ด้วยมือเราชาวศรีโคตรบูรณ์" โดดเด่นในการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในการลดภาวะโลกร้อนในแง่มุมต่าง ๆ
รางวัลชนะเลิศประเภทชุมชน
ชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ ชุมชนบ้านม่อนแก้ว เทศบาลตำบลบ้านสาง อ.เมือง จ.พะเยา "โครงการชุมชนบ้านม่อนแก้วร่วมใจ ลดโลกร้อนด้วยวิถีพอเพียง เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน" เพื่อแก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมในชุมชน โดดเด่นในการจัดการขยะที่ครัวเรือนต้องจัดการด้วยตนเอง และการอนุรักษ์พื้นที่สีเขียวและแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน
ผู้ชนะชุมชนบ้านม่อนแก้ว
ผู้ชนะชุมชนบ้านม่อนแก้ว
รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ ชุมชนบ้านดอนแยง เทศบาลตำบลหงาว อ.เถิง จ.เชียงราย "โครงการลดขยะ ลดเมืองร้อนอย่างยั่งยืนที่ดอนแยง" ที่มุ่งเน้นในการลดขยะที่เกิดขึ้นในพื้นที่ให้เป็นศูนย์หรือเหลือน้อยที่สุด
รองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ ชุมชนบ้านดงมะปินหวาน เทศบาลตำบลศรีเตี้ย อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน "โครงการดงมะปินหวานกินอยู่รู้ค่า เพิ่มป่าในบ้าน ให้ลูกหลานอยู่เย็นเป็นสุข" มุ่งเน้นการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในการเพิ่มแหล่งอาหาร ลดขยะ และสร้างรายได้
สำหรับงาน "วันลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา" ในครั้งนี้ นอกจากจะจัดขึ้นเพื่อมอบถ้วยรางวัลพระราชทานและโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ ผู้ชนะการประกวดในปีที่ 12 แล้ว ยังถือเป็นการเปิดตัวผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมแข่งขันกิจกรรม "ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา" ปีที่ 13 อีกด้วย
พร้อมกันนี้ยังได้มีการนำเสนอถึงที่มาในการจัดกิจกรรม "ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา" ตลอดจนการถ่ายทอดองค์ความรู้และแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และ นิทรรศการโตโยต้าเมืองสีเขียว เพื่อเล่าถึงแนวคิดและข้อมูลการดำเนินกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของโตโยต้า อาทิ โรงงานแห่งความยั่งยืน ศูนย์การเรียนรู้ฯ ชีวพนาเวศ รวมถึงระบบการเดินทางรูปแบบใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการใช้บริการรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ภายใต้โครงการ "CU TOYOTA Ha:mo" อีกด้วย
ตลอดระยะเวลา 13 ปี ที่ดำเนินกิจกรรม "ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา" โตโยต้าได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ และสนับสนุนงบประมาณให้แก่โรงเรียนทั้งสิ้น 286 แห่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 225 แห่ง และชุมชนกว่า 140 แห่งทั่วประเทศ เกิดเป็นแผนงานกว่า 3,440 โครงการ ซึ่งสามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 20,000 ตัน
ทั้งนี้ โตโยต้ามีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนความสุขสู่สังคมไทย ด้วยการเป็นองค์กรที่ดี มีจิตสำนึกรับผิดชอบและร่วมพัฒนาสังคมไทย พร้อมทั้งเผยแพร่องค์ความรู้ สร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่สังคมไทยต่อไป โดยมีความคาดหวังว่าการจัดงานในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยจุดประกายให้เกิดการนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนาทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น "เมืองสีเขียว" อย่างแท้จริงในอนาคต