วันที่ 15 มกราคม 2561 บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด เผยความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจปี 2560 ที่ผ่านมามียอดขายสูงกว่า 51,355 คัน ในปีผ่านมา เติบโต 21% โดยเฉพาะยอดขายเดือนธันวาคมที่ผ่านมาทำสถิติใหม่เติบโตสูงสุดในตลาดถึง 39% ด้วยยอดขายสูงสุด 6,257 คัน
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวและปรับตัวดีขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับตัวดีของฐานรายได้จากการส่งออก การลงทุนภาครัฐที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์สูงและเร่งขึ้น, การปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติของการผลิตในภาคเกษตรและการฟื้นตัวของรายได้เกษตรกร รายได้ในภาคการท่องเที่ยวที่ยังมีแนวโน้มเร่งขึ้นรวมถึงการปรับตัวดีขึ้นของตลาดรถยนต์ในประเทศ
โดยเมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ. 2560) ผู้เชี่ยวชาญต่างคาดการณ์ยอดขายอุตสาหกรรมรถยนต์ไว้เกิน 800,000 คัน และขยับมาที่ 840,000 คัน แต่สามารถขายได้จริงประมาณการณ์อยู่ที่ 870,000 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้สูงถึง 13% เปรียบเทียบกับตัวเลขยอดรวมเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 768,788 คัน สำหรับมาสด้ามียอดขายเติบโตสูงถึง 51,355 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 21% และสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 5.9%
โดยยอดขายในแต่ละรุ่นประจำปี 2560 มีดังนี้
All New Mazda2 จำนวน 31,760 คัน เพิ่มขึ้น 37%
All New Mazda3 จำนวน 4,979 คัน เพิ่มขึ้น 21%
All New Mazda CX-5 จำนวน 4,835 คัน เพิ่มขึ้น 46%
All New Mazda CX-3 จำนวน 3,812 คัน ลดลง 20%
New Mazda BT-50 PRO จำนวน 5,939 คัน ลดลง 16%
Mazda MX-5 จำนวน 30 คัน ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า มาสด้าประเมินสถานการณ์ตลาดรถยนต์ของประเทศไทยในปี 2561 ว่ามีแนวโน้มและทิศทางที่สดใส จะเห็นได้จากงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปที่ผ่านมา แต่ละค่ายมียอดจองที่เพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงในส่วนของมาสด้าเอง ซึ่งยอดจองที่สูงขึ้นนั้นได้แสดงให้เห็นถึงปัจจัยบวกหลาย ๆ ด้านที่เกิดขึ้นในประเทศ เช่น เศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับคืนมา
ถึงแม้ว่าในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยจะมีความผันผวน โดยเฉพาะจากการที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการรถคันแรกเมื่อปี 2554-2555 ซึ่งกำลังจะทยอยพ้นกำหนดห้ามซื้อขาย ตามเงื่อนไขของโครงการ ตั้งแต่ปลายปี 2559 เป็นต้นมา ซึ่งมีผลส่งให้ในช่วงปี 2560-2562 เกิดความต้องการซื้อรถยนต์ใหม่ รวมไปถึงการที่ค่ายรถแต่ละค่ายต่างเริ่มทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ลงสู่ตลาด ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ในประเทศได้ส่วนหนึ่ง
พร้อมกันนี้ นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ยังได้กล่าวถึงแผนการพัฒนาธุรกิจของมาสด้าในปี 2561 โดยคาดว่ายอดขายรวมของตลาดรถยนต์จะเพิ่มขึ้นประมาณ 5% หรือมากกว่า 920,000 คัน
สำหรับมาสด้ามองว่ายอดขายปีนี้จะเพิ่มสูงกว่า 60,000 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 15% ครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 6% โดยปีนี้จะเน้นการบริการทั้งก่อนและหลังการขายด้วยการเสริมศักยภาพของทีมงาน
รวมไปถึงการเพิ่มช่องทางการสื่อสารให้ลูกค้ากับมาสด้าใกล้ชิดกันมากขึ้น ด้วยรูปแบบการสื่อสารทางออนไลน์ ซึ่งมาสด้าได้ทำอย่างครอบคลุมหรือที่เรียกว่า Mazda Digital Platform ผ่านทางเว็บไซต์ www.mazda.co.th, Mobile site, Mazda Thailand Official Facebook, YouTube, LINE และ Instagram ที่จะรวมเอาข้อมูลของแบรนด์มาสด้าสำหรับผู้ที่สนใจและกลุ่มผู้ใช้รถมาสด้าสามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่าง ๆ ได้
ในขณะที่ นายอัสสึชิ ยาซูโมโต รองประธานบริหาร กล่าวถึงบทบาทของมาสด้าประเทศไทยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อมาสด้าว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจประเทศหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมหลายประเภทรวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์
ทั้งนี้ประเทศไทยมีศักยภาพทั้งในเรื่องของแรงงานและทำเลที่ตั้ง ซึ่งเหมาะแก่การลงทุนในระยะยาว นอกจากนี้ประเทศไทยยังเป็นตลาดหลักตลาดหนึ่งของมาสด้าในด้านยอดขายที่สูงเป็นอันดับที่ 1 ในภูมิภาคอาเซียน สูงสุดติดกันมากกว่า 10 ปี
การผลิตสำคัญ ๆ ที่จากเดิมผลิตในประเทศญี่ปุ่นและส่งออกมายังประเทศฐานการผลิตต่าง ๆ ขณะนี้ได้ถูกถ่ายทอดมายังประเทศไทยเป็นลำดับ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตรถยนต์ครบวงจรแห่งแรกของมาสด้านอกจากในประเทศญี่ปุ่นเอง
โดยในประเทศไทยสามารถผลิตทั้งเครื่องยนต์ เกียร์ รวมถึงการประกอบรถยนต์ ได้แก่ มาสด้า2, มาสด้า3, CX-3 และ มาสด้า BT-50 โปร ที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ จังหวัดระยอง และยังได้เพิ่มส่วนของการผลิตที่โรงงานมาสด้า พาวเวอร์เทรน แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย (MPMT) โดยจะเพิ่มการผลิตไปในส่วนของการผลิต เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ซึ่งสื่อมวลชนจะได้ไปสัมผัสไลน์การผลิตแห่งใหม่ในวันที่ 19 มกราคมนี้