รถโดนน้ำท่วม ขับรถลุยน้ำจนเครื่องพังหรือตัวรถได้รับความเสียหาย เคลมประกันได้ไหม ประกันจ่ายหรือเปล่า ? กรณีใดบ้างที่ประกันภัยรถยนต์จะไม่ไห้ความคุ้มครอง
ภาพจาก : shutterstock.com / junpiiiiiiiiiii
ใครที่ต้องเดินทางในช่วงนี้อาจจะต้องขับรถลุยน้ำที่ท่วมขัง ขับผ่านในเส้นทางที่น้ำท่วม หากระดับน้ำไม่สูงมากก็สามารถขับผ่านไปได้อย่างปลอดภัย แต่ถ้าระดับน้ำเริ่มสูง ความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายกับตัวรถก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน หรือบางคนอาจโชคดีที่ไม่ได้ใช้รถในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกน้ำท่วมจากฝนที่ตกหนักหรือภัยธรรมชาติที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวได้เช่นกัน ซึ่งอาจทำให้รถยนต์เสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ จากปัญหาที่เกิดขึ้นนี้หลายคนสงสัยว่าจะเคลมซ่อมได้ไหม ประกันรถยนต์จะรับผิดชอบหรือเปล่า หรือมีกรณีใดที่ไม่สามารถเคลมได้บ้าง เรารวบรวมข้อมูลมาให้ดูกัน
รถยนต์น้ำท่วม ขับรถลุยน้ำท่วมแล้วพัง เคลมประกันได้ไหม
สำหรับความเสียหายของรถยนต์ที่เกิดจากน้ำท่วมนั้นส่วนใหญ่มีอยู่หลายกรณีด้วยกัน ซึ่งบริษัทประกันภัยแต่ละแห่งก็จะมีเงื่อนไขความคุ้มครองที่แตกต่างกัน โดยแบ่งออกได้ดังนี้
รถยนต์ถูกน้ำท่วมขณะจอดอยู่กับที่เฉย ๆ เช่น ที่บ้าน หรือลานจอดรถ แล้วเกิดน้ำท่วมหรืออุทกภัยฉับพลัน ไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถออกจากสถานที่ดังกล่าวได้ทัน ประกันภัยรถยนต์จะยังให้ความรับผิดชอบค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยแยกย่อยออกเป็นกรณีที่น้ำท่วมไม่สูงมาก รถยนต์ได้รับความเสียหายบางส่วน ประกันภัยจะรับผิดชอบค่าซ่อมแซมให้ทั้งหมด กับอีกกรณีน้ำท่วมสูงมากจนตัวรถได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ไม่คุ้มกับการซ่อมแซม ประกันภัยจะพิจารณาจ่ายเงินชดเชย 70-80% ของทุนประกันแทน
ขับรถลุยน้ำท่วม สำหรับกรณีนี้บริษัทประกันภัยจะแบ่งการพิจารณารับผิดชอบค่าความเสียหายเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่
- หากกำลังเดินทางสัญจรอยู่บนถนนแล้วเกิดฝนตกหนัก ทำให้รถติดและมีน้ำท่วมขังจากฝนที่ตกลงมาในบริเวณดังกล่าวโดยไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถไปทางอื่นได้ ลักษณะนี้บริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด
- หากผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถรู้อยู่แล้วว่าเส้นทางข้างหน้ามีน้ำท่วมสูงทั้งจากประกาศเตือน หรือป้ายแจ้งเตือน แต่ก็ยังเสี่ยงที่จะขับรถฝ่าไปจนเกิดความเสียหายขึ้นกับตัวรถ หรือการกระทำอื่น ๆ ที่สุ่มเสี่ยงต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น บริษัทประกันภัยจะไม่รับผิดชอบค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น
ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองรถถูกน้ำท่วม หรือได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ได้แก่
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ส่วนใหญ่จะให้ความคุ้มครองค่าความเสียหายเกือบทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นกับตัวรถ เช่น รถหาย ไฟไหม้ และน้ำท่วม
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+ ขึ้นอยู่กับรายละเอียดเงื่อนไขในกรมธรรม์ของแต่ละบริษัทประกัน
ขั้นตอนการติดต่อแจ้งเคลมประกันภัยและเอกสารที่ต้องใช้
หลังจากตรวจสอบรายละเอียดในกรมธรรม์เรียบร้อยแล้วว่ารถยนต์ของเราอยู่ในเงื่อนไขการให้ความคุ้มครอง เบื้องต้นให้บันทึกหลักฐานต่าง ๆ เช่น ภาพถ่ายที่เกิดเหตุ ช่วงเวลาเกิดเหตุ ความสูงของระดับน้ำ และลักษณะความเสียหายของตัวรถ พร้อมกับติดต่อบริษัทประกันเพื่อแจ้งเคลมและรอเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ
เอกสารที่ต้องเตรียม
- กรมธรรม์ประกันฉบับจริง หรือสำเนา
- เอกสารเกี่ยวข้องกับตัวรถ เช่น เล่มทะเบียนรถตัวจริง หรือสำเนา
- เอกสารของเจ้าของรถหรือผู้แจ้ง เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่
หลังจากเจ้าหน้าที่ประกันภัยทำการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว สภาพของรถยนต์เข้าหลักเกณฑ์การสูญเสียโดยสิ้นเชิง ไม่คุ้มกับการซ่อม บริษัทประกันจ่ายเงินชดเชยตามทุนประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ แต่ถ้าเข้าหลักเกณฑ์ความเสียหายบางส่วน เจ้าหน้าที่จะออกใบเคลมให้เพื่อนำรถติดต่อเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
ทั้งนี้ ในช่วงหน้าฝนหรือหน้ามรสุมที่มีฝนตกชุก เจ้าของรถควรติดตามข่าวสารและเช็กสภาพอากาศก่อนการเดินทางทุกครั้ง แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ เจอฝนตก น้ำท่วม ในระหว่างการเดินทาง สามารถศึกษาวิธีและปฏิบัติตามขั้นตอนได้ อ่านเพิ่มเติมที่ : ขับรถลุยน้ำท่วมสูงอย่างไรให้ปลอดภัย
นอกจากนี้ควรตรวจสอบบริเวณที่จอดรถของเราว่าอยู่ในพื้นที่เสี่ยงถูกน้ำท่วมหรือไม่ หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงให้รีบย้ายรถไปยังที่สูงหรือที่ปลอดภัยล่วงหน้าก่อนจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้