โมโต พาริลล่า เลวิเอโร่ 150 ใหม่ (Moto Parilla Levriero150 ) สกูตเตอร์ สไตล์โมเดิร์นคลาสสิก แบรนด์เก่า (แต่ไม่แก่มาก) ของอิตาลี ที่นำเอาดีไซน์ของสกูตเตอร์ Moto Parilla ในอดีตมาตีความใหม่ให้ดูร่วมสมัยเข้ากับยุค เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการและได้มีการโชว์ตัวให้ผู้ที่สนใจสกูตเตอร์ซึ่งเน้นไลฟ์สไตล์แต่ราคาไม่แพงจนเกินไปนักได้สัมผัสกันอย่างทั่วถึง เริ่มต้น 69,900-73,500 บาท
สำหรับ Moto Parilla Levriero150 นั้นถือเป็นไลฟ์สไตล์สกูตเตอร์รุ่นใหม่เอี่ยมที่นำเอาความขลังของ Moto Parilla Levriere (หรือสุนัขพันธุ์ Greyhound ในภาษาอังกฤษเหมือนโลโก้ และบางตลาดอย่างอเมริกาก็ใช้ชื่อนี้) เมื่อต้นยุค 50 มาตีความใหม่ให้ดูร่วมสมัยและใส่สตอรี่ของแบรนด์เพื่อเพิ่มความน่าสนใจเข้าไป โดยยังหลงเหลือเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้บางจุด เช่น เบาะนั่งแยก (แต่มีแบบเบาะเดี่ยวยาว Bench Seat ให้เลือกด้วย) ท้ายลาด รวมถึงชื่อรุ่นก็ยังตั้งใจให้มีความใกล้เคียงกัน (ซึ่งยังแปลว่าสุนัขพันธุ์เกรย์ฮาวด์เหมือนกัน)
นอกเหนือจากนี้ Moto Parilla Levriero150 เป็นภาษาการออกแบบที่ใช้ก็ถูกเปลี่ยนใหม่เน้นความเหลี่ยมสันเพื่อให้ดูโมเดิร์นมากขึ้นแทนลักษณะโค้งมนเล่นระดับคล้ายหลังสุนัขพันธุ์ Greyhound อันเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นดั้งเดิมของ Moto Parilla Levriere/Greyhound
ส่วนไฟหน้าถูกย้ายขึ้นมาด้านบนและโดยรวมคล้ายกับนำเอา Moto Parilla Oscar (สกูตเตอร์โปรโตไทป์ยุคต่อมาราวปี 1960 ที่ Moto Parilla ไม่ได้มีโอกาสผลิตออกมาจำหน่าย) มาผสมเข้าไว้ด้วยกัน
ทางด้านขุมพลัง Moto Parilla Levriero150 จะใช้เครื่องยนต์ 1 สูบ 4 จังหวะ ขนาดความจุ 149.5 ซี.ซี. จ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาบูเรเตอร์ (คลาสสิกสุด ๆ ไปเลย) ระบายความร้อนด้วยอากาศ ส่งกำลังด้วยเกียร์แบบ CVT ระบบเบรกด้านหน้าดิสก์ หลังดรัม และใช้ล้อขนาด 12 นิ้ว ถังน้ำมันมีความจุ 6 ลิตร โดยน้ำหนักตัวรถของ Moto Parilla Levriero150 จะอยู่ที่ 108 กิโลกรัม
- สีขาว-ฟ้า
- สีขาว-เขียว
- สีขาว-แดง
- สีขาว-เหลือง
- สีขาว
- สีดำ
- สีแดง
- สีเขียว
ทั้งนี้ Moto Parilla Levriero150 จะประกอบในไทยที่โรงงานของ Stallions แบรนด์มอเตอร์ไซค์ของคนไทยที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว โดยมีบริษัทแม่ Moto Parilla คอยควบคุมดูแลคุณภาพ รวมถึงการบริการหลังการขายอยู่ ขณะที่ บริษัท โมโต พาริลล่า (ประเทศไทย) จำกัด จะรับหน้าที่ดูแลรับผิดชอบในส่วนของการตลาดและการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในไทยมากขึ้น
อย่างไรก็ตามทาง Moto Parilla อยู่ในระหว่างก่อสร้างโชว์รูมและสำนักงานใหญ่บนเนื้อที่ประมาณ 300 ตารางวา แถววัชรพล รามอินทรา โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม และขณะนี้ศูนย์บริการหลังการขายของ Moto Parilla จะใช้ช่องทางของ Stallions ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลไปก่อน
Moto Parilla Levriero150 ใหม่ น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่ชอบสกูตเตอร์คลาสสิก เน้นไลฟ์สไตล์ในการขับขี่มากกว่าสมรรถนะ แม้ว่าวัสดุหลายจุดจะดูไม่ประณีตจนเข้าขั้นพรีเมียมนักแต่ก็สมเหตุผลกับราคาที่พอจับต้องได้ไม่ไกลเกินเอื้อม
ภาพจาก Moto Parilla