แต่ทั้งนี้ต้องบอกก่อนว่าถ้าไม่ใช่แพ็กเกจตกแต่ง Nismo แท้ อาจเป็นได้แค่ขนมลูกชุบที่ดูเหมือนพริกแต่กัดจริงแล้วจะไม่เผ็ด เพราะหลายจุดเป็นเรื่องทางวิศวกรรมที่ผ่านการคำนวณมาโดยตรง (อย่างถูกต้อง) หลายจุด เช่น ยาง ระบบระบายไอเสีย ระบบกันสะเทือน และการเสริมความแข็งแกร่งถาดพื้นตัวถัง รวมไปถึงการปรับแต่งพวงมาลัยและกล่องควบคุม (Vehicle Control Module) เป็นต้น ซึ่งถ้าเน้นแต่งตามเพื่อความสวยงาม (ถ้าชอบ) ก็คงไม่ใช่ปัญหา
- ชุดกันชนและกระจังหน้าแบบพิเศษพร้อมไฟวิ่งกลางวันแบบ LED แนวนอน
- สเกิร์ตด้านล่างข้างตัวรถและสปอยเลอร์หลังคา
- ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่ ขนาด 16 นิ้ว
- เสาอากาศครีบฉลาม
ส่วนภายในห้องโดยสารอาจยากสักนิดเพราะจะมาพร้อมเบาะคู่หน้าแบบสปอร์ตหุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์ Suede เย็บด้ายแดงและปักโลโก้ Nismo ที่พนักพิงหลัง รวมถึงพวงมาลัยแบบ 3 ก้าน ปาดเรียบด้านล่าง หุ้มด้วยหนังแท้/อัลคันทารา ส่วนกรอบช่องแอร์ทรงกลม กรอบฐานคันเกียร์ที่ตัดขอบด้วยแถบสีแดงคงไม่ใช่ปัญหาและน่าจะทำได้ง่ายมาก
ทางด้านขุมพลังพื้นฐานของ Nissan Note e-Power Nismo 2017 แน่นอนว่าต้องเป็นแบบไฮบริดเหมือน Nissan Note e-Power รุ่นปกติ ซึ่งเทคโนโลยี e-Power จะคิดต่างจากชาวบ้านเล็กน้อยตรงที่จะให้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาดความจุ 1.2 ลิตร รหัส HR12DE คอยปั่นกระแสไฟเข้าแบตเตอรี่เพื่อจ่ายไฟให้ชุดมอเตอร์คอยขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า เท่านั้น (ความจริงเหมือนเป็น Range Extender ในรถ EV แต่โดยหน้าที่การทำงานแล้วต้องถือว่าไม่ใช่ เพราะเครื่องยนต์เป็นตัวสร้างกระแสไฟฟ้าหลักและชาร์จไฟจากภายนอกเข้าแบตเตอรี่โดยตรงไม่ได้) ผลลัพธ์ที่ได้จึงทำให้มีแรงบิดสูงสุดถึง 254 นิวตันเมตร หรือเทียบเท่ากับเครื่องยนต์เบนซิน ขนาดความจุ 2.0 ลิตร แต่ประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่า
อย่างไรก็ตาม Nissan ประเทศไทย ยังไม่ได้ยืนยันว่าเทคโนโลยี e-Power ที่จะเปิดตัวในไทยจะอยู่ใน Nissan Note 2017 แต่เราคาดว่าไม่น่าจะมีรุ่นอื่นนอกเหนือจากนี้ ซึ่งถ้าใช่และต้องการตกแต่งให้ดูแซ่บขึ้น Nissan Note e-Power Nismo 2017 ที่เรานำมาให้ชมก็น่าพอช่วยได้บ้าง