ช่วงนี้มีคนส่งคำถามเกี่ยวกับ "หัวเชื้อน้ำมันเครื่อง" กันมามาก โดยเฉพาะจากการที่มีดราม่ากันอยู่ยี่ห้อหนึ่ง และก็ขอให้ผมช่วยพิสูจน์ยี่ห้อนั้นให้ด้วยว่า ดีจริงหรือไม่ หรือทำให้รถพังหรือเปล่า ...ผมก็ปฏิเสธไปหมด เพราะไม่อยากมีเรื่อง...เอ้ย..ไม่ได้มีแล็บเคมีไว้ทดสอบพวกนี้ แต่เอาเป็นว่า มาโพสต์ให้ความรู้กันดีกว่า ว่า "หัวเชื้อน้ำมันเครื่อง" คืออะไร และมันจำเป็นหรือไม่สำหรับรถเรา
รถยนต์ของเรานั้น ต้องมี "น้ำมันเครื่อง" ที่ช่วยในการหล่อลื่นและระบายความร้อนจากเครื่องยนต์เวลาทำงาน ไม่ให้สึกหรอ โดยน้ำมันเครื่องนั้น หลัก ๆ จะประกอบไปด้วย "น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน" (Base Oil) อยู่ 75-90% และ "สารเติมแต่ง" (Additives) อีกประมาณ 10-25% ซึ่งสารเติมแต่งนี้ จะช่วยในการทำความสะอาดเครื่องยนต์ ลดอัตราการสึกหรอ ลดการรั่วไหลของกำลังอัด ฯลฯ โดยที่น้ำมันเครื่องแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น ก็จะมีสูตรของสารเติมแต่งที่ต่างกันไป
ทีนี้ เจ้า "หัวเชื้อน้ำมันเครื่อง" (Oil Additives) มันก็คือพวกสารเติมแต่งนั้นเองแหล่ะ โดยแต่ละยี่ห้อ ก็จะมีสัดส่วนจำเพาะของสารเคมีที่มีคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น
"สารทำความสะอาด" (Detergents) ที่ช่วยลดการสะสมตัวของสิ่งเจือปนในน้ำมันเครื่อง ชะล้างเม็ดฝุ่นและผงเหล็กจากพื้นผิวเครื่องยนต์เพื่อลดสึกหรอ
"สารป้องการความเป็นกรด" (Anti-acids) ที่ช่วยปรับให้น้ำมันเครื่องไม่เป็นกรดมากเกินไปจนเกิดการกัดกร่อนกับเครื่องยนต์ระยะสั้นได้
"สารปรับแต่งความหนืด" (Viscosity Modifiers) ที่ช่วยทำให้น้ำมันเครื่องรักษาความหนืดที่ดีที่สุดไว้แม้จะทำงานในอุณหภูมิและความดันสูง
ดังนั้น ถ้าน้ำมันเครื่องที่เราใช้อยู่ มีการเติมสารเติมแต่งเหล่านี้ครบถ้วนแล้ว การเติมหัวเชื้อที่มี "สูตรเดียวกัน" ลงไปในเครื่องยนต์นั้น หัวเชื้อจะไปเสริมการทำงานของสารเติมแต่งในน้ำมันเครื่องได้อีกหน่อย ... หรือถ้าน้ำมันเครื่องที่เราใช้ ไม่ได้มีสารเติมแต่งเหล่านี้ครบถ้วน การเติมหัวเชื้อน้ำมันเครื่อง ก็จะช่วยเพิ่มคุณสมบัติบางอย่างที่ขาดหายไปได้
แต่ ๆ ๆ ๆ "หัวเชื้อน้ำมันเครื่อง" อาจกลายเป็นยาพิษได้ ถ้า "คุณภาพ" ไม่ดี หรือมีองค์ประกอบทางเคมีที่ไม่เหมาะสมกับน้ำมันเครื่องที่เราใช้อยู่ ก็อาจเกิดปฏิกิริยากันและส่งผลกระทบต่อระบบหล่อลื่นได้ ... หรือถ้าการเติมหัวเชื้อไม่ตรงตามอัตราส่วนที่กำหนดระหว่างหัวเชื้อกับน้ำมันเครื่องที่อยู่ในรถ (มากหรือน้อยเกินไป จนทำให้ปฏิกิริยาเคมีไม่ถูกต้องสมบูรณ์) ... ยิ่งถ้าเติมหัวเชื้อลงไปในน้ำมันเครื่องที่เสื่อมสภาพแล้ว มันก็ไม่สามารถจะไปทำให้ "น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน" ดีขึ้นได้แต่อย่างไร
ในมุมของทางค่ายรถยนต์เอง ก็ไม่ได้ส่งเสริมให้เติมหัวเชื้อน้ำมันเครื่องเลย ออกจะค้านด้วยซ้ำ ว่าจะไม่เป็นผลดีแก่เครื่องยนต์ โดยจะทำให้กำลังของเครื่องยนต์ตกลงได้ สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นได้ เกิดอาการกินน้ำมันเครื่อง (ตรงข้ามกับที่โฆษณากัน) อันเนื่องจาก ถ้าใช้หัวเชื้อน้ำมันเครื่องเป็นเวลานาน จะเกิดคราบสะสมเป็นตะกอนขึ้นที่เครื่องยนต์ ซึ่งจะไม่ทราบสาเหตุเลย จนกว่าจะเปิดเครื่องตรวจสอบอย่างละเอียด
แถมยังบอกด้วยว่าเป็นทริกที่คนขายรถยนต์เก่า ชอบใช้หลอกคนซื้อ ด้วยการเติมหัวเชื้อเยอะ ๆ แล้วเครื่องจะเดินเงียบขึ้น แต่เพราะมันหนืดขึ้นด้วย
โดยสรุปคือ ถ้าเราเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามเวลาที่กำหนด และเลือกใช้เกรดน้ำมันเครื่อง ตรงตามคู่มือที่ระบุไว้แล้ว เครื่องยนต์ก็สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยไม่จำเป็นต้องเติมหัวเชื้อน้ำมันเครื่องเลยครับ
"หัวเชื้อน้ำมันเครื่องถ้าดีจริง มีหรือที่ทางผู้ผลิตเองจะไม่ใช้ ใคร ๆ ก็อยากให้รถตัวเองประสิทธิภาพดี ใช้ได้นานจนลูกค้าบอกต่อกันทั้งนั้น.." ซึ่งหัวเชื้อน้ำมันเครื่องก็มีให้เลือกมากมายในท้องตลาดในตอนนี้ ใช้แล้วไม่มีปัญหา อยากให้ต่อก็สิทธิส่วนบุคคล แต่ถ้าเกิดเจอของตกเกรด คุณภาพไม่ดี คุ้มกันแล้วหรือกับค่าซ่อมเครื่องยนต์
คลิปประกอบ ช่างที่เปิดเครื่องยนต์ที่เติมหัวเชื้อน้ำมันเครื่องมานานๆ ว่ามีคราบหนาสะสมภายใน
คลิปการทดสอบในต่างประเทศ ที่พบว่าเติมหัวเชื้อยี่ห้อดัง ๆ แล้ว เอาขึ้นเครื่องเทสต์ พบว่ากำลังเครื่องตกลง