
ทั้งหมดนี้เลยกลายเป็นเสน่ห์ของอเมริกันมัสเซิลคาร์
ซึ่งปัจจุบันแม้นิยามจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัยรวมถึงรสนิยมของผู้บริโภค เช่น
สปอร์ตขึ้น สวยขึ้น แต่ก็ยังต้องเป็นรถที่ "บ้าพลัง" รวมถึง "ราคาพอประมาณ"
ไม่เปลี่ยนแปลง โดยผู้ผลิตรถยนต์อเมริกัน 3 เครือใหญ่ ทั้ง Ford, GM และ
Chrysler ต่างมีรถเหล่านี้ไว้ให้เลือกครบ
คันไหนจะแซ่บโดนใจกว่ากันเราคัดเวอร์ชั่นโหดสุดมาให้แล้วแต่ต้องเลือกทีมกันเอาเอง
Ford Mustang Shelby GT350R ปี 2017 ราคา 64,545 ดอลลาร์ (2.2 ล้านบาท)
Ford Mustang Shelby GT350R จัดว่าเป็นเวอร์ชั่นโหดและแพงสุดของ Ford Mustang 2017 ซึ่งมาพร้อมกับการตกแต่งเข้มข้นกว่าปกติ อย่างชุดกันชนหน้า-หลังที่โหดเหี้ยมกว่า พร้อมปลายท่อไอเสีย 4 ท่อ, ฝากระโปรงหน้าแบบมีช่องระบายอากาศ สปอยเลอร์บนฝากระโปรงท้ายคาร์บอนไฟเบอร์ และล้ออัลลอยลายพิเศษสำหรับ GT350R ขนาด 19 นิ้ว พร้อมกับยางหน้ากว้างกว่า Ford Mustang Shelby GT350 ปี 2017
ภายในไม่แตกต่างจาก Ford Mustang 2017 รุ่นปกตินัก แต่ติดตั้งเบาะแบบสปอร์ตของ RECARO® หุ้มผ้า/วัสดุสังเคราะห์คล้ายหนังกลับ (Cloth/Miko Suede) พวงมาลัยหุ้มหนัง/วัสดุสังเคราะห์อัลคันทารา (Leather/Alcantara®), แผงประตูหุ้มวัสดุสังเคราะห์ Miko® Suede เป็นต้น
ส่วนขุมพลังใต้ฝากระโปรงของ Ford Mustang Shelby GT350R ปี 2017 นั้น ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ขนาดความจุ 5.2 ลิตร DOHC Ti-VCT จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 526 แรงม้า และแรงบิด 580 นิวตันเมตร ระบบกันสะเทือนเป็นแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ มีแดมเปอร์แบบ Active ชื่อเฉพาะว่า MagneRide Suspension พัฒนาโดย Delphi Automotive ส่วนระบบเบรกใช้ของ Brembo
Ford Mustang Shelby GT350R ปี 2017 ราคา 64,545 ดอลลาร์ (2.2 ล้านบาท)



Ford Mustang Shelby GT350R จัดว่าเป็นเวอร์ชั่นโหดและแพงสุดของ Ford Mustang 2017 ซึ่งมาพร้อมกับการตกแต่งเข้มข้นกว่าปกติ อย่างชุดกันชนหน้า-หลังที่โหดเหี้ยมกว่า พร้อมปลายท่อไอเสีย 4 ท่อ, ฝากระโปรงหน้าแบบมีช่องระบายอากาศ สปอยเลอร์บนฝากระโปรงท้ายคาร์บอนไฟเบอร์ และล้ออัลลอยลายพิเศษสำหรับ GT350R ขนาด 19 นิ้ว พร้อมกับยางหน้ากว้างกว่า Ford Mustang Shelby GT350 ปี 2017


ภายในไม่แตกต่างจาก Ford Mustang 2017 รุ่นปกตินัก แต่ติดตั้งเบาะแบบสปอร์ตของ RECARO® หุ้มผ้า/วัสดุสังเคราะห์คล้ายหนังกลับ (Cloth/Miko Suede) พวงมาลัยหุ้มหนัง/วัสดุสังเคราะห์อัลคันทารา (Leather/Alcantara®), แผงประตูหุ้มวัสดุสังเคราะห์ Miko® Suede เป็นต้น

ส่วนขุมพลังใต้ฝากระโปรงของ Ford Mustang Shelby GT350R ปี 2017 นั้น ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ขนาดความจุ 5.2 ลิตร DOHC Ti-VCT จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 526 แรงม้า และแรงบิด 580 นิวตันเมตร ระบบกันสะเทือนเป็นแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ มีแดมเปอร์แบบ Active ชื่อเฉพาะว่า MagneRide Suspension พัฒนาโดย Delphi Automotive ส่วนระบบเบรกใช้ของ Brembo
อย่างไรก็ตาม Ford
Mustang GT350R ปี 2017 ก็เป็นมัสเซิลคาร์ที่มีพละกำลังน้อยสุดในกลุ่ม
(แต่ขับดีกว่าหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้)
ส่วนราคานั้นไม่ถูกเมื่อเทียบกับมัสเซิลคาร์คันอื่นหากนับจากจำนวนแรงม้าที่ได้
แต่ถูกกว่า BMW M4 ปี 2017 ที่มีกำลังสูงสุดเพียง 425 แรงม้า ที่ราคานั้นเริ่มต้น 67,700 ดอลลาร์ (2.3 ล้านบาท) อยู่ดี
Chevrolet Camaro ZL1 ปี 2017 ราคา 63,435 ดอลลาร์ (2.15 ล้านบาท)
![อเมริกันมัสเซิลคาร์ อเมริกันมัสเซิลคาร์]()
![อเมริกันมัสเซิลคาร์ อเมริกันมัสเซิลคาร์]()
มันก็จะคล้าย ๆ ได้ขับ Bumblebee จากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Transformer 5
ซึ่งการตกแต่งภายนอกก็ให้อารมณ์เดียวกัน ด้วยชุดกันชนหน้าใหม่ที่มีช่องดักอากาศใหญ่สะใจกรุลายตาข่ายตาห่าง ๆ
ประมาณว่าสามารถดูดกลืนทุกอย่างที่ขวางหน้าเข้าไปได้หมด และบนฝากระโปรงพ่นสีดำไว้ให้แตกต่างจาก
Chevrolet Camaro ปี 2017 รุ่นปกติ สเกิร์ตรอบคันตกแต่งด้วยสีดำ
ปลายท่อไอเสีย 4 ท่อ พร้อมกับยัดล้อฟอร์จอะลูมิเนียมสีดำ ดาร์ก กราไฟต์
ขนาด 20 นิ้ว มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดรถ
ภายในห้องโดยสารของ Chevrolet Camaro ZL1 ปี 2017 นั้นก็จะติดตั้งเบาะแบบสปอร์ตดีไซน์เฉพาะของ RECARO® เช่นกัน ซึ่งหุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์อย่าง Microfiber และ sueded เย็บตะเข็บด้วยด้ายสีแดง พวงมาลัยแบบปาดเรียบด้านล่าง แผงหน้าปัดตกแต่งด้วยแถบคาร์บอนไฟเบอร์มาให้เลยตามสไตล์รถแรง
สำหรับทางด้านขุมพลังนั้น Chevrolet Camaro ZL1 ปี 2017 ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาดความจุ 6.2 ลิตร พ่วงซูเปอร์ชาร์จ ปั่นม้าอเมริกันได้จำนวน 650 ตัว และมีแรงบิดสูงสุดที่ 880 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด แบบ short-throw พร้อม Active Rev Matching หรือถ้ารักสบายก็มีเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อม Paddle-shift ให้ตบเล่นได้ด้วย
Chevrolet Camaro ZL1 ปี 2017 ราคา 63,435 ดอลลาร์ (2.15 ล้านบาท)





ภายในห้องโดยสารของ Chevrolet Camaro ZL1 ปี 2017 นั้นก็จะติดตั้งเบาะแบบสปอร์ตดีไซน์เฉพาะของ RECARO® เช่นกัน ซึ่งหุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์อย่าง Microfiber และ sueded เย็บตะเข็บด้วยด้ายสีแดง พวงมาลัยแบบปาดเรียบด้านล่าง แผงหน้าปัดตกแต่งด้วยแถบคาร์บอนไฟเบอร์มาให้เลยตามสไตล์รถแรง

สำหรับทางด้านขุมพลังนั้น Chevrolet Camaro ZL1 ปี 2017 ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาดความจุ 6.2 ลิตร พ่วงซูเปอร์ชาร์จ ปั่นม้าอเมริกันได้จำนวน 650 ตัว และมีแรงบิดสูงสุดที่ 880 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด แบบ short-throw พร้อม Active Rev Matching หรือถ้ารักสบายก็มีเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อม Paddle-shift ให้ตบเล่นได้ด้วย
โดย Chevrolet Camaro ZL1 ปี 2017 สามารถเร่งจาก 0-100
กม./ชม. ได้ภายในเวลาต่ำกว่า 4 วินาที
แบบที่ซูเปอร์คาร์ต้องคอยมองกระจกมองหลังอยู่บ่อย ๆ
ส่วนระบบกันสะเทือนเป็นแบบ Active ใช้ชื่อเฉพาะว่า Magnetic
Ride Control™
ซึ่งสามารถคำนวณได้ทันทีว่าควรจะปรับให้แดมเปอร์แข็งขึ้นเมื่อถูกอัดอยู่ในโค้งโหด
ๆ เพื่อลดอาการโคลงของตัวรถ ขณะที่เบรกใช้ของ Brembo เช่นกัน


แต่ถึงอย่างไรก็ตามแค่ Dodge Challenger SRT Hellcat ปี 2017
ก็เป็นอเมริกันมัสเซิลคาร์จากเครือ Chrysler ที่ทรงพลังกว่าคู่แข่งอยู่ดี
ด้วยพละกำลังสูงสุดถึง 707 แรงม้า และแรงบิด 880 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์
HEMI® V8 ขนาด 6.2 ลิตร ติดซูเปอร์ชาร์จ
โดยมีเกียร์ให้เลือกทั้งแบบอัตโนมัติ 8 สปีด TorqueFlite® พร้อม
Paddle-shift และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด TREMEC®
ขณะที่ระบบกันสะเทือนเป็นแบบอิสระ 4 ล้อ (ไม่เป็นแบบ Active ด้วย
โหดดิบเป็นที่สุด) ส่วนเบรกใช้ของ Brembo เหมือนกัน
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกต้องบอกว่า Dodge Challenger SRT Hellcat ปี 2017 ยังรักษาเอกลักษณ์ความเป็นอเมริกันมัสเซิลคาร์ดั้งเดิมไว้มากที่สุด คือมันก็จะเทอะทะดูไม่สปอร์ตเพรียวบางแต่มีเสน่ห์ตรงความดิบนี่แหละ ขณะที่ภายในเรียบง่ายสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 2+3 ที่นั่ง แบบรถ 2 ประตู Coupe ขนาดใหญ่ที่ไม่จำเป็นต้องสปอร์ตจ๋า (แต่แรงเยอะ) ตามแบบฉบับดั้งเดิมของอเมริกันมัสเซิลคาร์
![อเมริกันมัสเซิลคาร์ อเมริกันมัสเซิลคาร์]()
ทั้งนี้หากสังเกตดี
ๆ จะเห็นว่าอเมริกันมัสเซิลคาร์มักนิยมเครื่องยนต์ V8 และไม่ค่อยใช้เครื่อง V12
แบบรถแรงทางฝั่งอิตาลีหรือเยอรมนีมาตั้งแต่อดีต
เหตุผลก็เพราะเครื่องยนต์ V8 นั้นเหมาะสมในแง่ของพละกำลังที่ "ขุนได้" โดยไม่เปลืองต้นทุนการผลิตมาก
ไม่ใช่เพราะคิดไม่ได้หรือทำไม่เป็น แต่ง่ายดีและลงตัวสุดแล้ว
ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้นรถอเมริกันมีแทบทุกอย่างก่อนรถชาติอื่น แต่ลักษณะจะเหมือนกับลูกคนรวยที่มีของเล่นเจ๋ง ๆ ก่อนใคร
พอเล่นเบื่อแล้วก็เลิกเห่อ ไม่ค่อยเห็นค่า (ก็รวยไง)
เอาง่าย ๆ ว่ารถหรู Duesenberg ของอเมริกันมีเครื่อง V16 สูบ ใช้มาตั้งแต่ช่วงต้นปี 1930 ส่วนรถเปิดประทุนหลังคาแข็งพับได้ที่รถเยอรมนีเพิ่งจะมาเริ่มนิยมในยุคหลังนั้นรถอเมริกันมีมาเป็นชาติ (เป็นชาติจริง ๆ ไม่ได้ประชด อย่าง Ford Fairlane Retractable Hardtop ยุค 50) หรือไฟเลี้ยววิ่งได้ไล่สเต็ปดูวิบวับแบบ Toyota C-HR 2017 รถอเมริกันรุ่นปู่เขาไม่ตื่นเต้นกัน แถมอาจจะถูกเบะปากมองบนใส่ให้อีกเพราะมีมาก่อนทั้งนั้น ที่ว่ามาเป็นรถที่ผลิตจำหน่ายจริงด้วยไม่ใช่รถแนวคิด และมีอย่างอื่นอีกเยอะแยะมากมายที่อเมริกันทำก่อนมีก่อนแล้วตอนนี้เลิกเห่อไปเรียบร้อย
ทั้งหมดนี้ก็คือ 3 อเมริกันมัสเซิลคาร์แห่งยุคปัจจุบันที่ยังกลับมาแซ่บได้อีกครั้ง ซึ่งน่าจะพีคสุดแล้วในตอนนี้ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวคือ "บ้าพลังแต่ตังค์ในกระเป๋ายังเหลือ" โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรถสปอร์ตอเมริกันพันธุ์แท้ เช่น Chevrolet Corvette, Dodge Viper และ Ford GT หรือรถแรงสายโหดจากชาติอื่นที่มีพละกำลังพอ ๆ กัน ส่วนความสวยหรือสปอร์ตนั้นเป็นเรื่องรอง
ภาพจาก Ford, Chevrolet และ Dodge


สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกต้องบอกว่า Dodge Challenger SRT Hellcat ปี 2017 ยังรักษาเอกลักษณ์ความเป็นอเมริกันมัสเซิลคาร์ดั้งเดิมไว้มากที่สุด คือมันก็จะเทอะทะดูไม่สปอร์ตเพรียวบางแต่มีเสน่ห์ตรงความดิบนี่แหละ ขณะที่ภายในเรียบง่ายสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 2+3 ที่นั่ง แบบรถ 2 ประตู Coupe ขนาดใหญ่ที่ไม่จำเป็นต้องสปอร์ตจ๋า (แต่แรงเยอะ) ตามแบบฉบับดั้งเดิมของอเมริกันมัสเซิลคาร์


เอาง่าย ๆ ว่ารถหรู Duesenberg ของอเมริกันมีเครื่อง V16 สูบ ใช้มาตั้งแต่ช่วงต้นปี 1930 ส่วนรถเปิดประทุนหลังคาแข็งพับได้ที่รถเยอรมนีเพิ่งจะมาเริ่มนิยมในยุคหลังนั้นรถอเมริกันมีมาเป็นชาติ (เป็นชาติจริง ๆ ไม่ได้ประชด อย่าง Ford Fairlane Retractable Hardtop ยุค 50) หรือไฟเลี้ยววิ่งได้ไล่สเต็ปดูวิบวับแบบ Toyota C-HR 2017 รถอเมริกันรุ่นปู่เขาไม่ตื่นเต้นกัน แถมอาจจะถูกเบะปากมองบนใส่ให้อีกเพราะมีมาก่อนทั้งนั้น ที่ว่ามาเป็นรถที่ผลิตจำหน่ายจริงด้วยไม่ใช่รถแนวคิด และมีอย่างอื่นอีกเยอะแยะมากมายที่อเมริกันทำก่อนมีก่อนแล้วตอนนี้เลิกเห่อไปเรียบร้อย
ทั้งหมดนี้ก็คือ 3 อเมริกันมัสเซิลคาร์แห่งยุคปัจจุบันที่ยังกลับมาแซ่บได้อีกครั้ง ซึ่งน่าจะพีคสุดแล้วในตอนนี้ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวคือ "บ้าพลังแต่ตังค์ในกระเป๋ายังเหลือ" โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรถสปอร์ตอเมริกันพันธุ์แท้ เช่น Chevrolet Corvette, Dodge Viper และ Ford GT หรือรถแรงสายโหดจากชาติอื่นที่มีพละกำลังพอ ๆ กัน ส่วนความสวยหรือสปอร์ตนั้นเป็นเรื่องรอง
ภาพจาก Ford, Chevrolet และ Dodge