นี่ไม่ใช่ครั้งแรกและกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วสิงห์ยกขาแดนน้ำหอมก็เคยมีรถกระบะแปะโลโก้ Peugeot ออกมาจำหน่ายเรื่อย ๆ ไม่ใช่แค่ Peugeot 504 Pickup ที่เคยได้มาวิ่งบนถนนเมืองไทยในยุคที่ Peugeot นั้นขายดีกว่า Toyota เสียอีก !!! แต่ความจริง Peugeot ทำกระบะออกมาจำหน่ายก่อนหน้านั้นหลายรุ่นมาก ไม่ว่าจะเป็น Peugeot 203, 403, 404 Pickup เรื่อยมาจนถึง Peugeot Hoggar ที่ครึ่งหน้านั้นเหมือนกับ Peugeot 207 แต่ด้านท้ายเป็นกระบะในแบบเปอโยต์สไตล์วางจำหน่ายในบราซิล
ซึ่งตั้งแต่เริ่มต้น Peugeot Pick-up ทั้งหมดจะเป็นรถกระบะที่มีตัวถังแบบโมโนคอก (เหมือน Nissan NV Pick-up) ขณะที่ด้านหน้าจะเหมือนกับรถยนต์นั่งทุกประการ และอดีตกระบะ Peugeot ก็ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จในแถบแอฟริกามาก (ตั้งแต่ Peugeot 403 Pick-up เรื่อยมาจนถึง Peugeot 504 Pick-up ซึ่งผลิตที่ประเทศไนจีเรียและเพิ่งหยุดผลิตไปเมื่อปี 2005 เอง) ล่าสุด Peugeot จึงตัดสินใจส่ง Peugeot Pick Up 2017 ใหม่ กลับไปลุยตลาดแอฟริกาที่ยังมีความต้องการอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปและจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
Peugeot Pick Up 2017 ใหม่ ไม่ได้ใช้แนวคิดเดิมเหมือนในอดีต มันไม่ใช่การนำเอา Peugeot 508 ปี 2017 มาหั่นท้ายแล้วใส่กระบะเข้าไปแทนซึ่งคงไม่เหมาะกับปัจจุบันอีกแล้ว แต่เราก็ไม่คาดคิดไปถึงขนาดที่ว่า Peugeot จะไปคว้าเอา Donfeng-Nissan Rich 2017 โฉมปัจจุบัน (Nissan Frontier D22) ที่จำหน่ายในจีนมาแปะโลโก้ส่งไปจำหน่ายที่แอฟริกา ซึ่งเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากแต่ทั้งหมดก็พอเข้าใจได้แม้เสน่ห์ที่เคยมีจะหายวับไปกับตา
ในส่วนของดีไซน์ภายนอก Peugeot Pick Up 2017 ใหม่ ก็จะเหมือนกับ Donfeng-Nissan Rich 2017 ซึ่งถูกปรับหน้าตาให้ต่างจาก Nissan Frontier D22 ที่เคยจำหน่ายในไทยช่วงประมาณปี 1999 (ล่ำลือกันว่าแชสซีส์แข็งแกร่งและทนทานมาก) ไปไกลพอสมควรด้วยเหลี่ยมสันที่คมชัดขึ้น ทุกอย่างดูจะไม่ค่อยเน้นความสวยงามตามยุคสมัย เรียกว่าเอาไว้ใช้งานล้วน ๆ แม้แต่ราวหลังคาและบาร์กระบะท้ายก็เป็นท่อกลมขนาดใหญ่โต โดย Peugeot Pick Up 2017 ที่ส่งไปจำหน่ายในแอฟริกานี้จะเน้นไปที่ตัวถัง 4 ประตู ดับเบิลแค็บ เป็นหลัก
ทั้งนี้ขุมพลังของ Peugeot Pick Up 2017 ใหม่ จะใช้เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล เทอร์โบ ขนาดความจุ 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 115 แรงม้า และแรงบิด 280 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด โดยมีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้ง 4x4 และ 4x2 ล้อ โดยรุ่น 4x4 ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับให้เป็น 4H สำหรับทางกรวด-ดินลูกรัง (ซึ่งไม่เหมาะสำหรับวิ่งด้วยความเร็วบนทางลาดยางที่เปียกลื่นนักเนื่องจากเมื่อเกิดอาการสลิปแล้วจะไม่มีอะไรให้ตะกุยได้) หรือ 4L สำหรับลุยทางที่เป็นออฟโรดจริง ๆ ได้ ขณะที่อุปกรณ์มาตรฐานก็มีให้เท่าที่จำเป็น เช่น เครื่องปรับอากาศ, กระจกไฟฟ้า, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า, วิทยุพร้อมเครื่องเล่น CD และ USB พอร์ต สำหรับทุกรุ่น ส่วนอุปกรณ์ความปลอดภัยมีเพียงระบบป้องกันล้อล็อก ABS, ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและเซ็นเซอร์ขณะถอยจอด เท่านั้น
เรียกว่างานนี้ไม่ต้องหล่อแม้จะขาดเสน่ห์แบบ Peugeot กระบะในอดีตไปบ้าง แต่ขอแค่ลุยและทนทานเชื่อถือได้ ดูแลรักษาง่ายแบบที่ไม่ต้องบ่นทั้งคนทั้งรถก็นับว่าใช้ได้เพราะชื่อเสียงที่สั่งสมมาในอดีต ซึ่งพร้อมจะเริ่มจำหน่ายในแอฟริกาเดือนกันยายน 2560 ส่วนราคาก็ไม่น่าจะสูงนัก
ภาพจาก Peugeot