ต่อให้มีคฤหาสน์ เรือยอชต์ หรือเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวที่แพงกว่านี้ ในบางครั้งของเหล่านั้นก็ไม่สามารถตามไปอวดบารมีและความมั่งคั่งได้ดีเท่ากับรถยนต์ ซึ่งแน่นอนว่าในกรณีนี้ควรตกเป็นหน้าที่ของอัครยานยนต์หรูหราตลอดกาลอย่าง Rolls-Royce แต่ถ้าเป็นแค่ Rolls-Royce ธรรมดาคงไม่ต่างอะไรจากคฤหาสน์ที่อยู่ในโครงการจัดสรร และถ้าต้องการให้มีความพิเศษสะดุดตาไม่ซ้ำอภิมหาเศรษฐีคนใดก็ต้องพึ่งพาแผนก Bespoke ของ Rolls-Royce อย่างผลงานล่าสุด Rolls-Royce Sweptail โดยลือกันสนั่นโลกว่ามีมูลค่าสูงถึง 12.8 ล้านดอลลาร์ หรือราว 440 ล้านบาท และอาจครองตำแหน่งรถใหม่ที่แพงสุดเท่าที่เคยมีมาเลยทีเดียว
Rolls-Royce Sweptail คันนี้เป็นของลูกค้าอภิมหาเศรษฐีที่เดินเข้าไปหาแผนก Bespoke ของ Rolls-Royce บอกความต้องการคร่าว ๆ ว่าอยากได้ Rolls-Royce 2 ที่นั่ง มีท้ายรวบเป็นแบบ Boat tail เหมือน Rolls-Royce ในอดีตช่วงยุค 1920 (ยุคที่ Coachbuilder ยังรุ่งเรืองและรับหน้าที่ต่อตัวถังให้หรูหราวิจิตรอลังการมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามที่เจ้าของต้องการ โดยผู้ผลิตรถยนต์ เช่น Rolls-Royce จะขายเฉพาะ Rolling Chassis ซึ่งจะมีเพียงเครื่องยนต์และแชสซีส์เท่านั้น) ซึ่งเจ้าตัวชื่นชอบมากเป็นพิเศษ (คงจะเป็นนักเลง Rolls-Royce พอตัวด้วย) และให้ Rolls-Royce ช่วยสร้างมันขึ้นมาให้ที...เดี๋ยวนี้เลยนะ
นั่นเป็นหน้าที่และงานถนัดสำหรับแผนก Bespoke ของ Rolls-Royce ในการรังสรรค์ตามคำบัญชาจากลูกค้าให้ออกมามีสไตล์และรสนิยมมากที่สุดอยู่แล้ว (โดยปกติลูกค้า Bespoke จะไม่ค่อยลงรายละเอียดมากนัก แค่บอกความต้องการหลัก ๆ ว่าอยากได้อะไรบ้างตามจินตนาการของตนและปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ออกแบบให้)
Rolls-Royce Sweptail ที่มีค่าตัวอันแสนโหด (สำหรับเจ้าของคงรู้สึกเฉย ๆ) นี้ ทีม Bespoke ของ Rolls-Royce ได้นำเอาผลงานเด่น ๆ ของ Rolls-Royce โดยฝีมือ Coachbuilder ในอดีตมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการดีไซน์ เช่น สัดส่วนที่หรูหราเย้ายวนแบบ Rolls-Royce Phantom I งานตัวถังโดย Jonckheere ปี 1925 (จองเคียร์ ของเบลเยียม) ผสมกับ Rolls-Royce Phantom II Streamline Saloon โดย Park Ward ปี 1934 (พาร์ค วาร์ด ของอังกฤษ) และที่สะดุดตามากก็คือแนวหลังคารวบแหลมสไตล์ Boat tail และท้ายลาดนั้นมาจาก Rolls-Royce Phantom II โดย Gurney Nutting (เกอร์นีย์ นัตติง ของอังกฤษ) และ Rolls-Royce 20/25hp (แรงม้าภาษี/แรงม้าจริง) Limousine Coupé โดย Park Ward ปี 1934 เป็นต้น
นอกเหนือจากงานออกแบบที่ถูกผสมผสานความคลาสสิกให้ออกมาร่วมสมัยตามจินตนาการของลูกค้าแล้ว Rolls-Royce Sweptail ยังดึงดูดสายตาในทุกรายละเอียดซึ่งเป็นงานฝีมือที่มีความประณีตวิจิตรบรรจงถึงขีดสุดเท่าที่มือมนุษย์จะทำได้ เช่น กระจังหน้าทรงประตูวิหารแพนธีออนตีขึ้นจากอะลูมิเนียมและขัดด้วยมือจนใสราวกับกระจก ตัดกับอะลูมิเนียมปัดลายล้อมกรอบด้านหน้าของตัวรถ ส่วนเส้นสายรอบคันโดยเฉพาะท้ายรถตั้งใจให้เหมือนท้ายเรือยอชต์ที่สามารถล่องลอยไปตามท้องถนนได้ โดยมีหลังคาแบบพาโนรามิกกรุกระจกทรง V-Shaped บานใหญ่มากเพื่อรับแสงธรรมชาติเพิ่มความรื่นรมย์ในการเดินทางอย่างเต็มที่
ขณะที่ภายในของ Rolls-Royce Sweptail ถูกกำหนดให้เป็น 2 ที่นั่ง สไตล์มินิมอลแต่เรียบและโก้หรูคล้ายกับนั่งในเรือยอชต์แบรนด์อิตาลีอย่าง Riva โดยพื้นที่ว่างหลายจุดตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูงสุดอย่างลายไม้ Macassar Ebony สีเข้ม เคลือบแล็กเกอร์ขัดจนขึ้นเงา ตัดกับลายไม้ Paldao โชว์เสี้ยน (ไม่เคลือบแล็กเกอร์) สีโทนอ่อนกว่าแต่เด่นตรงลายเส้นจะมีสีเข้มชัดเจน ซึ่งลายไม้ทั้งสองแบบเป็นเปลือกไม้แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีลวดลายสวยงามโดดเด่นแถมยังโชว์ความเป็นช่างฝีมือด้วยการคัดเลือกและต่อลายของไม้ที่เป็นลายธรรมชาติ (บังคับไม่ได้จึงต้องเลือกลายไม้ที่ดีที่สุด ผ่านขั้นตอนการย้อมเปลือกให้สีออกมาสม่ำเสมอ ว่ากันว่างานไม้ที่ใช้ในรถระดับหรูมากนี้เป็นงานฝีมือขั้นสูงและคนละเกรดกับงานไม้แท้ในรถทั่วไปมาก) ให้ออกมาได้อย่างเนี้ยบสุด ๆ
ขณะที่เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้โทนสว่างมีเนื้ออ่อนให้ผิวสัมผัสนุ่มเนียนละเอียดมาก (หนังที่ Rolls-Royce ใช้ปกติมักจะเป็นหนังวัวที่เลี้ยงในทุ่งกว้างไม่ล้อมรั้ว เช่น ฟาร์ม Connolly แหล่งที่มาของหนัง Connolly เพื่อไม่ให้หนังวัวเป็นแผลหรือมีตำหนิเวลาเอาตัวไปสีกับรั้วว่ากันถึงขนาดนั้น) นอกจากนี้ผนังตัวถังด้านข้างยังออกแบบให้เป็นช่องเก็บเคสสำหรับใส่แล็ปท็อปทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ซ่อนเก็บไว้ด้วย ส่วนคอนโซลกลางบริเวณใต้ที่เท้าแขนถูกออกแบบให้เป็นช่องเก็บแชมเปญวินเทจแบรนด์ดังราคาหลักแสนบาท (เดาว่าเจ้าของคงไม่ดื่มสปาร์กลิ่งตลาดราคาร้อยปอนด์แน่) และแก้วทำจากคริสตัล 2 ใบ เมื่อกดปุ่มเปิดที่เท้าแขนชั้นวางขวดและแก้วจะค่อย ๆ พลิกเลื่อนขึ้นมารอพร้อมดื่มด่ำระหว่างนั่งชมทิวทัศน์ยามปิกนิกกันสองต่อสองบน Rolls-Royce Sweptail อัครยานยนต์สำหรับการเดินทางราคาแพงและมีความโรแมนติกสูงสุดเท่าที่จะจินตนาการได้ในตอนนี้
เกิดเป็นอภิมหาเศรษฐีชีวิตคงขาดความเร้าใจน่าดูเพราะอยากได้อะไรก็ได้เลยต้องแสวงหาความท้าทายไปเรื่อย ๆ เห็นแบบนี้แล้วความรวยมันน่าช่างเบื่อแค่ไหนคิดดูเอาเองแล้วกัน...เฮ้อ !
ภาพจาก BMW Group