บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า MINI Countryman 2017 รุ่นใหม่ (F60) รถอเนกประสงค์พรีเมียมขนาดคอมแพกต์ เจเนอเรชั่นที่ 2 จะเปิดตัวในงาน Bangkok Motor Show 2017 ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 29 มีนาคม ถึง 9 เมษายน 2560 แน่นอน โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ MINI Cooper Countryman, MINI Cooper S Countryman และ MINI Cooper S Countryman HIGHTRIM สาวก MINI เตรียมตัวรอได้เลย
และที่สำคัญคือ MINI Countryman 2017 ใหม่ จะมีขนาดตัวใหญ่กว่า MINI Countryman (R60) โดยยาวขึ้น 20 ซม. กว้างขึ้น 3 ซม. และฐานล้อถูกขยายออกไปอีก 7.5 ซม. ส่งผลให้เนื้อที่ภายในห้องโดยสารและห้องสัมภาระมีพื้นที่กว้างขวางสะดวกสบายมากกว่าเดิม เบาะนั่งใหญ่สบายขึ้นทั้ง 5 ตำแหน่ง ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า โดยสามารถกดเปิดได้จากรีโมทคอนโทรล หรือใช้ปลายเท้าสอดเข้าไปใต้กันชนท้ายในกรณีที่ขนของเต็มไม้เต็มมือเพียงพกกุญแจอยู่กับตัวไว้เท่านั้น เหมือนกับฟังก์ชั่นที่มีใน MINI Clubman ซึ่งเหมาะมากกับสาว ๆ ที่รักการช้อปจนข้าวของพะรุงพะรัง หรือหนุ่มนักกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องขนอุปกรณ์เพียบบ่อยครั้ง
นอกจากนี้ MINI Countryman 2017 ใหม่ ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์และเทคโนโลยีทันสมัยขึ้น เช่น หน้าจอแบบสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 8.8 นิ้ว ที่บริเวณแผงคอนโซลกลาง อุปกรณ์จับเวลา MINI Country Timer เพิ่มความสนุกท้าทายในการขับขี่ MINI Connected Application ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวบอกข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแผนที่นำทาง แสดงพิกัดของรถ ดูการจราจร ซึ่งเชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ในรถยนต์ และสมาร์ทโฟน
รวมถึง MINI Find Mate ซึ่งจะทำให้ MINI Countryman 2017 ใหม่ เข้ากับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอลได้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งผ่านแอปฯ MINI Connected บนสมาร์ทดีไวซ์ เช่น iPhone หรือ Apple Watch เพื่อซิงก์ข้อมูล ตารางนัดหมาย คำนวณระยะเวลาเดินทาง และสื่อสารกับโลกภายนอกได้ในแบบ Connected Car อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นต้น
ส่วน MINI Cooper S
Countryman และ MINI Cooper S Countryman HIGHTRIM จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน
4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที และแรงบิด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบ/นาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 224 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเท่ากันที่ 16 กม./ลิตร (ตัวเลขจากผู้ผลิต)
ทั้งนี้ในเรื่องของราคาค่าตัวหากในช่วงแรกยังเป็นรุ่นประกอบนอก คาดว่าราคาน่าจะเริ่มต้นที่ 2 ล้านปลาย ๆ เป็นต้นไป แต่ถ้าเปิดตัวเป็นแบบประกอบในประเทศเลยน่าจะขยับจากเดิมไม่มากนัก ซึ่งอดใจรออีกไม่นานคงได้ทราบกันอย่างแน่นอนแล้ว
ทั้งนี้ในเรื่องของราคาค่าตัวหากในช่วงแรกยังเป็นรุ่นประกอบนอก คาดว่าราคาน่าจะเริ่มต้นที่ 2 ล้านปลาย ๆ เป็นต้นไป แต่ถ้าเปิดตัวเป็นแบบประกอบในประเทศเลยน่าจะขยับจากเดิมไม่มากนัก ซึ่งอดใจรออีกไม่นานคงได้ทราบกันอย่างแน่นอนแล้ว