
โลกนั้นกว้างใหญ่ และน่าออกไปสัมผัสเกินกว่าที่จะถูกตีกรอบให้นั่งดูอยู่ในพื้นที่จำกัด ซึ่ง MINI Countryman 2017 (F60) รุ่นใหม่ล่าสุดที่จะเปิดตัวในงาน ลอสแอนเจลิส ออโต้ โชว์ 2016 วันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ ก็เช่นกัน ทุกอย่างยังคงความเป็น MINI ครบถ้วนจะมีก็เพียงขนาดที่โตขึ้น สะดวกสบาย และทันสมัยมากกว่าเดิม สำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยวผจญภัย รวมถึงรักในแบรนด์พรีเมียมของอังกฤษที่มีสไตล์อย่าง MINI

- ใหญ่กว่า MINI Countryman 2016 (R60) โดยกว้างขึ้น 20 ซม. กว้างขึ้น 3 ซม. และฐานล้อถูกขยายออกไปอีก 7.5 ซม. เพื่อเพิ่มเนื้อที่ห้องโดยสาร และจุสัมภาระได้มากกว่า
- เบาะนั่งใหญ่สบายขึ้นทั้ง 5 ตำแหน่ง
- ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้าโดยไม่ต้องสัมผัสเลยแม้แต่น้อย
- ท้ายรถออกแบบมาเพื่อให้ใช้เป็นที่นั่งปิกนิก ด้วยแผ่นรองนั่งแบบพับได้สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง
- มีเวอร์ชั่น Plug-in Hybrid ให้เลือกเป็นครั้งแรก ในรุ่น MINI Cooper S E Countryman ALL4
- แผงอุปกรณ์บนคอนโซลกลางแบบสัมผัส
- อุปกรณ์จับเวลา MINI Country Timer สำหรับความสนุกในการขับขี่
- MINI Connected App คอยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวบอกข้อมูลด้านต่าง ๆ สำหรับการเดินทาง
- MINI Find Mate ซึ่งจะทำให้ MINI Countryman 2017 ใหม่ เข้ากับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอลได้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของคุณผ่านแอปฯ MINI Connected บนสมาร์ทดีไวซ์ เช่น iPhone หรือ Apple Watch เพื่อซิงค์ข้อมูล ตารางนัดหมาย คำนวณระยะเวลาเดินทาง และสื่อสารกับโลกภายนอกได้ในแบบ Connected Car อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นต้น

ทั้งนี้ในส่วนของการออกแบบของ MINI Countryman 2017 ใหม่ แม้จะมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่สัดส่วนโดยรวมของรถดูปราดเปรียวกว่ารุ่นเดิมชัดเจน ด้วยไฟหน้าใหม่เตี้ยแคบกว่า กันชนหน้าคาดดำยาวขนานกับช่องดักอากาศ 3 ช่อง ด้านล่างทำให้ตัวรถดูเตี้ย และกว้างขึ้น ส่วนตัวถังด้านข้าง รวมถึงแนวหลังคาใกล้เคียงของเดิม เช่นเดียวกับด้านหลังแม้ไฟท้ายจะได้รับการออกแบบใหม่ ย้ายช่องติดป้ายทะเบียนจากกันชนขึ้นไปบนฝาท้าย และคาดแถบสีดำแทนซึ่งทำให้มีอะไรให้มองมากขึ้นเท่านั้น ส่วนล้อมาตรฐานหากเป็นรุ่น Cooper/ Cooper D จะเป็นขนาด 16 นิ้ว, Cooper S/ Cooper SD ขนาด 17 นิ้ว หากต้องการใหญ่กว่านี้ MINI มีให้เลือกสูงสุดถึง 19 นิ้ว แต่จะเป็นออปชั่นที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม

อย่างไรก็ตามไฮไลท์ที่สาวก MINI Countryman 2017 ส่วนหนึ่งอาจอยากลองคือเวอร์ชั่น Plug-in Hybrid นั้นจะอยู่มาในรุ่น MINI Cooper S E Countryman ALL4 ซึ่งประกอบไปด้วย เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร ให้กำลัง 136 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 88 แรงม้า โดยทั้งระบบจะให้กำลังรวมกันที่ 224 แรงม้า และแรงบิด 385 นิวตันเมตร

ในขณะที่เครื่องยนต์ปกติจะมีให้เลือกทั้งแบบเบนซิน และดีเซล พ่วงด้วยเทคโนโลยี TwinPower Turbo ทั้งหมด ซึ่งในช่วงเปิดตัวจะมีให้เลือกดังนี้
- MINI Cooper Countryman ราคา 22,465 ปอนด์ (9.6 แสนบาท)
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า และแรงบิด 220 นิวตันเมตร
- MINI Cooper S Countryman ราคา 24,710 ปอนด์ (1.05 ล้านบาท)
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิต ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้า และแรงบิด 280 นิวตันเมตร
- MINI Cooper D Countryman ราคา 24,425 ปอนด์ (1.04 ล้านบาท)
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิด 330 นิวตันเมตร
- MINI Cooper SD Countryman ราคา 27,965 ปอนด์ (1.2 ล้านบาท)
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร
ราคาดังกล่าวนี้เป็นราคาของ MINI Countryman 2017 ใหม่ ในอังกฤษเท่านั้น และหากต้องการเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ALL4 ก็บวกต้องเพิ่มอีกประมาณ 1,600-1,700 ปอนด์ หรือราว 70,000 บาท โดยจะวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ส่วนเวอร์ชั่น Plug-in Hybrid อาจไม่มีในอังกฤษ และน่าจะเน้นไปที่อเมริกาเป็นหลักซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยราคาแต่อย่างใดซึ่ง MINI Countryman 2017 ใหม่ จะวางจำหน่ายต่อจากอังกฤษในเดือนมีนาคม 2017
MINI Countryman 2017 ใหม่ ที่ทำตัวใหญ่โตขึ้นนี้อาจไม่ได้แค่ทำเพื่อเอาใจสาวก MINI เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า MINI ต้องการจับกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่ไม่ได้ต้องการของเล็กอีกต่อไป หรือพูดให้ชัดคือต้องการแย่งลูกค้าจาก Mercedes-Benz GLA และ Audi Q3 ให้ได้มากที่สุด




























