x close

10 อันดับไฮเปอร์คาร์ราคาแพงที่สุดในโลกปี 2017

ไฮเปอร์คาร์

          แค่รวยอย่างเดียวไม่พอต้องมีบารมีและเป็นอภิมหาเศรษฐีเท่านั้นหากคิดจะครอบครองไฮเปอร์คาร์ราคาแพงระยับสักคัน แต่คันไหนดีล่ะถึงจะเหมาะสมกับรสนิยมและฐานะ ซึ่งเว็บไซต์ gtspirit.com ได้ทำการจัดอันดับไฮเปอร์คาร์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกเอาไว้ ส่วนราคาจะดุเดือดและพิเศษแค่ไหนไปดูกันเลย
อันดับที่ 10 เคน โอคูยามา โค้ด57 (Ken Okuyama Kode57)

ไฮเปอร์คาร์

ไฮเปอร์คาร์
          ราคา 86.4 ล้านบาท (2.5 ล้านดอลลาร์)

          ซูเปอร์คาร์ตัวถังโรดสเตอร์ราคาโหดนี้เป็นของสำนักออกแบบตัวถัง KEN OKUYAMA ซึ่งคือชื่อของดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นที่เป็นผู้ออกแบบ Enzo Ferrari สมัยยังทำงานอยู่กับ Pininfarina

          สำหรับชื่อรุ่น Kode57 นั้นเป็นการแสดงความเคารพต่อรถสปอร์ตรุ่นดังในตำนานทั้งหลายในปี 1957 โดยดีไซน์ของ Kode57 นั้นคล้ายกับรถต้นแบบอย่าง Ferrari Rossa ผลงานของเขาเองแต่ถูกปรุงแต่งให้ทันสมัยขึ้น มีบานประตูเปิดออกได้เหมือนนกที่กำลังสยายปีก ตัวถังทำด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์

          ส่วนเครื่องยนต์แน่นอนว่าเป็นของ Ferrari รหัส F140 C แบบ V12 สูบ ขนาด 5,999 ซี.ซี. ให้กำลัง 620 แรงม้า (มีออปชั่นกล่อง ECU ของ NOVITEC ให้เลือกจะมีกำลังเพิ่มเป็น 702 แรงม้า) บล็อกเดียวกับที่วางอยู่ใต้ฝากระโปรงซูเปอร์คาร์ระดับรถธงของค่ายในอดีตอย่าง Ferrari 599 GTB

อันดับที่ 9 ปากานี ฮูไอร่า บีซี (Pagani Huayra BC)

ไฮเปอร์คาร์

ไฮเปอร์คาร์

          ราคา : 86.4 ล้านบาท (2.5 ล้านดอลลาร์)

          ที่สุดของไฮเปอร์คาร์สายพันธุ์อิตาเลียน โดย Pagani Huayra BC นั้นเหนือกว่า Huayra Coupé รุ่นปกติเพื่อขับขี่ในสนามเป็นหลัก หรืออีกนัยหนึ่งคือรุ่นที่สานต่อความยิ่งใหญ่ของ Pagani Zonda R โดยอักษรย่อ BC ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความแรงแต่กลับเป็นชื่อของนาย Benny Caiola ลูกค้ารายแรกที่เปรียบเสมือนแรงบันดาลใจให้กับ โฮราซิโอ ปากานี นั่นเอง

          ส่วนทางด้านเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.0 ลิตร ที่ Mercedes-AMG ทำมาให้เฉพาะนั้นอาจมีกำลังมากกว่า 750 แรงม้า และแรงบิด 1,000 นิวตันเมตร ช่วงล่างอิสระแบบรถแข่ง F1 เหมือน Pagani Huayra โช้คอัพและสปริงเป็นของ Öhlins ปรับได้ โดยล้อสำหรับวิ่งบนสนามแข่งด้านหน้าขนาด 19 และหลัง 20 นิ้ว กับยาง Pirelli P Zero Trofeo R หากเป็นชุดที่ใช้วิ่งบนถนนด้านหน้าจะใช้ขนาด 20 และหลัง 21 นิ้ว ยาง Pirelli P Zero

อันดับที่ 8 แมคลาเรน พี1 จีทีอาร์ (McLaren P1 GTR)

ไฮเปอร์คาร์

ไฮเปอร์คาร์

          ราคา : 89.5 ล้านบาท (2.59 ล้านดอลลาร์)

          ใครที่อยากได้รถแข่งไว้ขับเล่นหรือเลยเถิดไปถึงขั้นจริงจังสำหรับในสนามเท่านั้น ค่ายรถสปอร์ตสัญชาติอังกฤษอย่าง McLaren ก็จัดให้ ซึ่ง McLaren P1 GTR เป็นรุ่นที่ปล่อยออกมาเพื่อฉลองครบรอบ 20 ปี แห่งชัยชนะในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ปี 1995 โดยจะมีทั้งหมดแค่ 35 คัน และถูกเสนอขายให้กับลูกค้าจำนวน 375 คน ที่มี McLaren P1 อยู่ในครอบครองแล้วเท่านั้นผู้อื่นหมดสิทธิ์ ส่วนขุมพลังนั้นให้มาเหลือ ๆ ที่ 1,000 แรงม้า ซึ่งน่าจะทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 2.4 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดไปได้ถึง 362 กม./ชม.

อันดับที่ 7 บูกัตติ ชิรอน (Bugatti Chiron)


ไฮเปอร์คาร์

ไฮเปอร์คาร์

          ราคา : 89.9 ล้านบาท (2.6 ล้านดอลลาร์)

          เป็นเรื่องปกติไปแล้วหากมีการจัดอันดับรถที่แพงมหาศาลจะต้องมีชื่อ Bugatti ไฮเปอร์คาร์จากฝรั่งเศสติดอยู่ในโผมาด้วยแทบทุกครั้ง เพียงแต่ Veyron อาจเก่าและถูกเกินไปแล้ว ดังนั้น Bugatti Chiron จึงขอแบกภาระหน้าที่อันเลอค่านี้ไว้เอง ความอลังการคงไม่ต้องบรรยายมากเพราะแค่มองก็สัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวบ่งบอกความเป็น Bugatti ไปทั่วเรือนร่าง ในขณะที่เครื่องยนต์ 16 สูบ ขนาดความจุ 8.0 ลิตร เทอร์โบ 4 ตัว ปลดปล่อยแรงม้าออกมาได้มหาศาลถึง 1,500 ตัว แรงบิดก็ไม่น้อยหน้าที่ 1,600 นิวตันเมตร ส่วนความเร็วถูกจำกัดไว้ที่ 420 กม./ชม. นั่นหมายความว่าจริง ๆ แล้วอสูรร้ายไซส์มหึมานี้เคลื่อนที่ได้เร็วกว่านั้น

อันดับที่ 6 ไอโคนา วัลคาโน ไทเทเนียม (Icona Vulcano Titanium)

ไฮเปอร์คาร์

ไฮเปอร์คาร์

          ราคา : 93.3 ล้านบาท (2.7 ล้านดอลลาร์)

          Icona Vulcano Titanium ไฮเปอร์คาร์หรูราคาโหดเหี้ยมอีกหนึ่งคันของอิตาลี และเป็นรถรุ่นแรกของโลกที่นำวัสดุไทเทเนียมนี้มาใช้เป็นชิ้นส่วนตัวถังแทนที่จะเป็นอะลูมิเนียมหรือคาร์บอนไฟเบอร์เหมือนรายอื่น ๆ เขา นอกเหนือจากบอดี้ที่ล้ำหน้าแล้วขุมพลังก็ไม่ทำให้ Icona Vulcano ตามหลังใครเช่นกัน เพราะมีเครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จ ให้กำลัง 670 แรงม้า และแรงบิด 840 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 2.8 วินาที แต่ถ้าหากตัวเลขยังไม่เป็นที่พอใจก็สั่งเพิ่มได้มากกว่า 1,000 แรงม้า ซึ่งไม่เกินความสามารถสำหรับวิศวกรอย่าง Claudio Lombardi ผู้คร่ำหวอดในวงการรถแข่งรวมถึงเคยทำงานให้กับ Ferrari มาก่อน

อันดับที่ 5 เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี อาร์50 (Mercedes-AMG R50)

ไฮเปอร์คาร์

ไฮเปอร์คาร์

          ราคา : 103 ล้านบาท (3 ล้านดอลลาร์) โดยประมาณ

          ยังไม่เป็นที่แน่นอนเพราะยังไม่เกิดขึ้นตอนนี้ โดยในภาพที่เห็นนั้นเป็น Mercedes-Benz AMG Vision Gran Turismo แต่สื่อต่างประเทศก็โหมกระพือข่าวแล้วว่าค่ายดาวสามแฉกจะสร้างไฮเปอร์คาร์ความรุนแรงระดับ 1,300 แรงม้า ที่หนักเพียง 1,300 กก. โดยอาจใช้ชื่อว่า Mercedes-AMG R50 ไว้สวนกับคู่แข่งคันอื่น ๆ ทั้ง Bugatti Chiron, LaFerrari รวมถึงเพื่อนร่วมชาติอย่าง Porsche 918 Spyder แม้หน้าตาจะยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมแต่แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะสูบเงินในบัญชีให้หายไปได้รวดเร็วมากแค่ไหน แต่ระดับอภิมหาเศรษฐีคงไม่ทันสังเกตเห็นหรอก

อันดับที่ 4 บูกัตติ วิชั่น แกรน ทัวริสโม (Bugatti Vision Gran Turismo)

ไฮเปอร์คาร์

ไฮเปอร์คาร์

          ราคา : มากกว่า 103 ล้านบาท (เกิน 3 ล้านดอลลาร์)

          Bugatti Vision Gran Turismo คันจริงมีไว้โชว์ไม่ได้มีไว้ขาย ถ้าอยากขับก็เชิญได้เลยในเกม Gran Turismo 6 ขอแค่มีเครื่อง PlayStation 3 ก็พอ แต่สำหรับกรณีของเจ้าชายแห่งซาอุฯ ถือเป็นข้อยกเว้นและพร้อมที่จะเสนอเงินจำนวนมากถึง 5 ล้านดอลลาร์เพื่อที่จะได้ครอบครองคันจริง โดยแต่เดิม Bugatti Vision Gran Turismo ถูกสร้างขึ้นมาในโลกเสมือนจริง (เกม) เพื่อฉลองให้กับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของปู่ทวด Bugatti Type57 ที่ชนะการแข่งขัน 24-hour Le Mans ในปี 1937 และ 1939 แต่สุดท้าย Bugatti Vision Gran Turismo คันจริงที่เป็นโชว์คาร์ก็ได้ปรากฏตัวส่งเสียงคำรามรัว ๆ ตามสไตล์เครื่องยนต์ 16 สูบ ที่งานรถคลาสสิกระดับโลกทั้ง 2016 Concorso d\'Eleganza Villa d\'Este และล่าสุด Pebble Beach Concours d’Elegance และตอนนี้เราก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าชายซาอุฯ ท่านนั้นจะสมหวังหรือยัง

อันดับที่ 3 แมคลาเรน พี1 แอลเอ็ม (McLaren P1 LM)

ไฮเปอร์คาร์

ไฮเปอร์คาร์

          ราคา : 127 ล้านบาท (3.7 ล้านดอลลาร์) โดยประมาณ

          ไม่มีอะไรจะหยุดความต้องการที่ไม่มีวันสิ้นสุดของมนุษย์ได้ ดังเช่นกรณีของ McLaren P1 LM คือความพยายามของเจ้าของ McLaren P1 GTR  ผู้ที่อยากออกมาซ่านอกสนามแข่งอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งต้องอาศัยฝีมือของ Lazante Motorsport ผู้โด่งดังแห่งเกาะอังกฤษช่วยทำให้เป็นจริงได้ โดยสร้างขึ้นมาทั้งหมด 6 คัน (รวมรถโปรโตไทป์ด้วย 1 คัน) เท่านั้น แต่ในส่วนของเครื่องยนต์ยังเป็น GTR แต่มีการปรับแต่งระบบระบายความร้อนใหม่, ลดน้ำหนักด้วยการเปลี่ยนเบาะนั่งที่เบาลง, หัวนอตไทเทเนียม, กระจกโพลีคาร์บอเนต (เครื่องหมายการค้า Lexan) และออกแบบปีกหลังใหม่เพื่อให้มีแรงกดมากกว่าของเดิม การทำของสุดยอดให้สุดยอดยิ่งกว่าจึงมาพร้อมราคาที่แพงระยับ

อันดับที่ 2 เฟอร์รารี่ ลาเฟอร์รารี่ อเพอร์ตา (Ferrari LaFerari Aperta)

ไฮเปอร์คาร์

ไฮเปอร์คาร์

          ราคา : 131 ล้านบาท (3.8 ล้านดอลลาร์) โดยประมาณ

          ไม่น่าจะมีใครที่ไม่รู้จักเฟอร์รารี่ค่ายรถสปอร์ตอันเกรียงไกรของอิตาลี ซึ่งนอกจากจะมีซูเปอร์คาร์บ้าน ๆ ให้ใครก็ตามที่พอมีเงินซื้อหาไว้ขับเล่นแล้ว ทุก ๆ 10 ปี (โดยประมาณ) ก็จะมีไอเทมลับเป็นไฮเปอร์คาร์รุ่นพิเศษจำนวนจำกัดออกมายั่วยวนกันตลอด เช่น Ferrari F40, F50, Enzo Ferrari และล่าสุด LaFerrari แต่ก็อีกนั่นแหละมันยังมีแค่รุ่น Coupe หลังคาตายตัว มันควรจะมีแบบที่เปิดหลังคาได้ด้วยอภิมหาเศรษฐีต้องชอบแน่ ๆ

          ในที่สุดก็กลายเป็น LaFerrari Aperta ซึ่งในเชิงวิศวกรรมแล้วการเอาหลังคาออกไม่ง่าย ไฮเปอร์คาร์ที่มีพละกำลังมหาศาลแบบนี้ต้องมีแชสซีส์ที่แข็งแกร่งทนการบิดตัวสูง เพราะฉะนั้น LaFerrari Aperta ยามที่เปิดหลังคาต้องได้รับการออกแบบโครงสร้างใหม่เพื่อรับมือกับความรุนแรงของตัวมันเอง ทำให้ราคาที่แพงมหาโหดอยู่แล้วจึงแพงขึ้นไปอีกและเลือกขายแบบ Exclusive ด้วย เลยไม่แน่ใจว่าแพงหลังคาหรือเพราะความพิเศษกันแน่ ส่วนเรื่องชื่อ Aperta นั้นคาดว่าจะถูกใช้สำหรับไฮเปอร์คาร์รุ่นพิเศษนี้ และ Ferrari จะประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมอีกครั้ง

อันดับที่ 1 แอสตัน มาร์ติน-เรดบูล เอเอ็ม-อาร์บี 001 (Aston Martin –Red Bull AM-RB 001)

ไฮเปอร์คาร์

ไฮเปอร์คาร์

          ราคา : 135 ล้านบาท (3.9 ล้านดอลลาร์)

          ที่สุดของไฮเปอร์คาร์ราคาแพงระยับจับจิตซึ่งคาดว่าจะแพงที่สุดในโลกตอนนี้คือ Aston Martin-Redbull AM-RB 001 แม้จะยังเป็นแค่โปรโตไทป์อยู่เลย โดยอักษร AM-RB ก็คือชื่อย่อแบรนด์ของทั้งคู่ที่ร่วมมือกันนั่นแหละ ส่วน 001 หมายถึงรถโปรโตไทป์คันที่ 1 แค่นั้นและทั้งหมดยังเป็นแค่ Code name เพราะฉะนั้นจึงยังไม่มีอะไรแน่นอน แต่ด้วยความไม่ธรรมดาของไฮเปอร์คาร์จากฝั่งอังกฤษที่ปรากฏให้เห็นมันจึงมีราคาที่คาดว่าแรงเป็นพิเศษ

          พูดง่าย ๆ คือ Aston Martin-Red Bull AM-RB 001 จะเป็นรถแข่ง F1 ที่วิ่งได้บนถนน ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบให้มีอากาศพลศาสตร์ดีเลิศ สามารถสร้างแรงกดได้มหาศาลโดยเน้นการจัดกระแสลมให้ไหลผ่านใต้ท้องรถในแบบที่ไม่มีรถคันใดบนโลกนี้ทำได้มาก่อน (Aston Martin ว่าอย่างนั้นนะ) เพื่อรถจะได้แนบชิดติดถนนยามใช้ความเร็วสูงและสามารถดีไซน์ด้านบนได้สวยสะเด็ดอย่างที่ดีไซเนอร์ต้องการ ส่วนเครื่องยนต์คาดว่าจะใช้เป็นแบบ V12 สูบ เพียว ๆ ไร้ระบบอัดอากาศ และจะมีอัตราส่วน แรงม้า : น้ำหนักเท่ากับ 1 : 1 หรือม้า 1 ตัว จะแบกน้ำหนักแค่ 1 กก. นั้น โดย Aston Martin อาจผลิตแค่ 99-150 คัน (ในจำนวนนี้รวมรถโปรโตไทป์+รถแข่งไปด้วย 25 คัน) รถคันแรกจะส่งมอบได้ประมาณปี 2018

          หากจะมีคำถามว่าทำไมไฮเปอร์คาร์ถึงเป็นสิ่งที่อภิมหาเศรษฐีทั่วโลกไขว่คว้านัก นั่นอาจเป็นเพราะความชอบส่วนตัวและเหล่าอสังหาฯ ทั้งหลายตามมาบ่งบอกความร่ำรวยไม่ได้เหมือนไฮเปอร์คาร์เหล่านี้หรือคุณคิดว่าอย่างไร

ภาพจาก gtspirit, Aston Martin, Bugatti, Ferrari, Icona, KEN OKUYAMA, McLaren, Mercedes-Benz และ Pagani

ข้อมูลจาก gtspirit

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
10 อันดับไฮเปอร์คาร์ราคาแพงที่สุดในโลกปี 2017 อัปเดตล่าสุด 1 กรกฎาคม 2564 เวลา 17:59:00 47,278 อ่าน
TOP