
ต้องบอกว่ามาไกลมากสำหรับ Range Rover Evoque รถ SUV ขนาดคอมแพกต์ระดับพรีเมียมเปี่ยมสไตล์ที่นอกจากจะหรูหราทันสมัยใช้งานในเมืองได้แบบเก๋ ๆ แล้วยังสามารถลุยแบบออฟโรดได้จริงจังเกินหน้าตาโดยไม่เสียชื่อ Range Rover อีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม Range Rover Evoque ถึงเป็นพรีเมียม SUV ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดโลก

แต่ถึงจะฮอตแค่ไหนก็ต้องทำตัวให้น่าสนใจตลอดเวลา Range Rover Evoque จึงจัดการออกรุ่นพิเศษ Ember Edition เพื่อปลุกความร้อนแรงเหมือนถ่านที่ยังคุกรุ่นอยู่ตามชื่อรุ่น (Ember) โดยนำรุ่นย่อย HSE Dynamic ซึ่งเป็นรุ่นรองลงมาจากรุ่นย่อยสูงสุด Autobiography มาแต่งเติมให้เข้ากับชื่อรุ่นพิเศษ Ember Edition โดยส่วนหลังคาและคิ้วช่องดักอากาศหน้าและแผงกันกระแทกกันชนท้าย ตกแต่งด้วยสีแดง ไฟเรนซ์ เรด (Firenze Red) ส่วนตัวถังหลักพ่นด้วยสีดำ ซานโตรินี แบล็ก (Santorini Black) ในขณะที่ล้อเปลี่ยนจากขนาด 19 นิ้ว Style 707 เป็น 20 นิ้ว ลาย 5 ก้าน Style 508 พ่นสีดำ ซาติน แบล็ก (Satin Black) ดูดุดันขึ้น

ส่วนภายในยังคงคุมโทนให้เป็นแนวทางเดียวกับภายนอกด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังแท้ออกซฟอร์ดสีดำ อีโบนี แบล็ก (Ebony Black) ตัดกับด้ายสีแดง พิเมนโต เรด (Red Pimento) และไฟสร้างบรรยากาศ (Ambient Light) เรืองแสงสีแดง แต่อุปกรณ์อื่น ๆ อย่างจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนต์ขนาด 10 นิ้ว แบบ InControl Touch Pro ที่ให้การตอบสนองต่อการสัมผัสได้อย่างว่องไวนั้นคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ในด้านขุมพลังสำหรับ Range Rover Evoque Ember Edition นั้นจะมีเครื่องยนต์ให้เลือกเพียง 2 แบบเท่านั้น ประกอบด้วย
- เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มีอัตราสิ้นเปลืองแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 5.1 ลิตร/ 100 กม. (4.9 ลิตร สำหรับตัวถังแบบ 3 ประตู Coupe) ทำความเร็วสูงสุดได้ 195 กม./ชม.
- เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 240 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มีอัตราสิ้นเปลืองแบบเฉลี่ยอยู่ที่ 7.8 ลิตร/ 100 กม. (ทั้งแบบ 5 ประตูและ 3 ประตู Coupe) ทำความเร็วสูงสุดได้ 217 กม./ชม.

สำหรับราคาของ Range Rover Evoque รุ่นพิเศษ Ember Edition น่าจะเริ่มต้นที่ประมาณ 40,000 ปอนด์ หรือราว ๆ 2 ล้านบาท ในอังกฤษ
อะไร ๆ ก็ดูเร้าใจดีแต่พอคิดว่าถ้ามาอยู่เมืองไทยจะมีราคาที่ร้อนแรงแค่ไหนก็ทำให้ความอยากได้มอดดับลงไปเยอะเลย
ภาพจาก Land Rover