วิธีอ่านค่าตัวเลขบนแก้มยาง บอกคุณภาพยาง ก่อนเปลี่ยนยางใหม่มาดูเลขที่แก้มยางกันก่อน เลือกยางได้ตรงใจคุณ
จากรูปภาพมีตัวอักษรดังนี้ 195/60R15 88H
195 คือ หน้ายาง/ความกว้างของยาง ให้วัดจากวัดจากแก้มยางซ้าย ไปแก้มยางขวา โดยวัดแบบตัดขวาง ในขณะที่ยังไม่ได้ใส่ล้อและเติมลมยาง มีหน่วยเป็น มิลิลเมตร (มม.)
60 คือ ซีรีส์ยาง/บอกความสูงของแก้มยางหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ (60% ของ 195 มม.) โดยคิดจากตัวเลขชุดแรก ตัวอย่างวิธีคิด ความสูงของแก้มยาง (195*60)/100 = 117 มม.
R คือ โครงสร้างยางแบบเรเดียล ปัจจุบันมีอยู่ 3 แบบ
1. โครงยางแบบธรรมดา (Bias หรือ Conventional tire) คุณสมบัติเบื้องต้น วิ่งนุ่มนวลแต่ไม่ทน
2. โครงยางเรเดียล (Radial tire) คุณสมบัติเบื้องต้น ทนทานที่สุด ทำให้รถประหยัดน้ำมัน แต่ความนุ่มนวลน้อย
3. โครงยางแบบเบลเตดไบแอส (Belted bias tire) คุณสมบัติเบื้องต้น อยู่ระหว่างกลางแบบ ธรรมดาและเรเดียล ที่นุ่มปานกลางและคงทนปานกลาง
15 คือ เส้นผ่าศูนย์กลางยาง ที่ไว้ใส่กับกระทะล้อมีหน่วยเป็นนิ้ว (ภาษาพูดล้อขอบ 14, ขอบ 15 ขอบ 16 ในเก๋ง)
88 คือ เลขดัชนีในการรับน้ำหนักของยางต่อเส้น (เช็กค่าได้จากในตาราง)
H คือ ขีดจำกัดความเร็วสูงสุด (เช็กได้จากตารางด้านล่าง)
และสุดท้ายที่อยากแนะนำให้อ่านคือวันที่ผลิตยาง โดยตัวเลขคู่หน้าเป็นสัปดาห์ที่ผลิต (หนึ่งปีมี 52 สัปดาห์) และเลขคู่หลังเป็นปี ค.ศ.
จากตัวอย่างจะเห็นเลข 1915 หมายความว่ายางเส้นนี้ผลิตเมื่อ สัปดาห์ 19 ของปี 2015
และทั้งหมดนี้ ก็เพียงพอต่อการเลือกดู เลือกซื้อยางรถแล้ว ส่วนค่าอื่น ๆ เป็นระดับช่างหรือผู้จำหน่ายที่ควรรู้ เปลี่ยนยางคราวหน้าก็ลองขอดูยางจริงเพื่ออ่านค่าจากร้านได้
ว่าด้วยเรื่องของ ยางรถยนต์ ผู้ใช้รถหลายท่านมองข้ามและเห็นเป็นเรื่องเข้าใจยาก
แต่อยากให้ทำความเข้าใจกันใหม่
ยางรถยนต์ถือเป็นสินค้าราคาแพงที่เปลี่ยนแต่ละครั้งก็ใช้งบไม่น้อยกว่า 7
พันบาทไปถึง 3 หมื่นตามรุ่น คุณสมบัติและยี่ห้อของยาง
คำถามยอดฮิตที่ถามกันบ่อยว่า ยางรุ่นไหนดี ? ก็เป็นเรื่องที่บอกยาก วันนี้เราจึงขอแนะนำให้อ่านค่าตัวเลข-ตัวอักษรบนแก้มยาง ที่สามารถบอกคุณภาพของยางได้ระดับหนึ่ง
จากรูปภาพมีตัวอักษรดังนี้ 195/60R15 88H
195 คือ หน้ายาง/ความกว้างของยาง ให้วัดจากวัดจากแก้มยางซ้าย ไปแก้มยางขวา โดยวัดแบบตัดขวาง ในขณะที่ยังไม่ได้ใส่ล้อและเติมลมยาง มีหน่วยเป็น มิลิลเมตร (มม.)
60 คือ ซีรีส์ยาง/บอกความสูงของแก้มยางหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ (60% ของ 195 มม.) โดยคิดจากตัวเลขชุดแรก ตัวอย่างวิธีคิด ความสูงของแก้มยาง (195*60)/100 = 117 มม.
R คือ โครงสร้างยางแบบเรเดียล ปัจจุบันมีอยู่ 3 แบบ
1. โครงยางแบบธรรมดา (Bias หรือ Conventional tire) คุณสมบัติเบื้องต้น วิ่งนุ่มนวลแต่ไม่ทน
2. โครงยางเรเดียล (Radial tire) คุณสมบัติเบื้องต้น ทนทานที่สุด ทำให้รถประหยัดน้ำมัน แต่ความนุ่มนวลน้อย
3. โครงยางแบบเบลเตดไบแอส (Belted bias tire) คุณสมบัติเบื้องต้น อยู่ระหว่างกลางแบบ ธรรมดาและเรเดียล ที่นุ่มปานกลางและคงทนปานกลาง
15 คือ เส้นผ่าศูนย์กลางยาง ที่ไว้ใส่กับกระทะล้อมีหน่วยเป็นนิ้ว (ภาษาพูดล้อขอบ 14, ขอบ 15 ขอบ 16 ในเก๋ง)
88 คือ เลขดัชนีในการรับน้ำหนักของยางต่อเส้น (เช็กค่าได้จากในตาราง)
H คือ ขีดจำกัดความเร็วสูงสุด (เช็กได้จากตารางด้านล่าง)
และสุดท้ายที่อยากแนะนำให้อ่านคือวันที่ผลิตยาง โดยตัวเลขคู่หน้าเป็นสัปดาห์ที่ผลิต (หนึ่งปีมี 52 สัปดาห์) และเลขคู่หลังเป็นปี ค.ศ.
จากตัวอย่างจะเห็นเลข 1915 หมายความว่ายางเส้นนี้ผลิตเมื่อ สัปดาห์ 19 ของปี 2015
และทั้งหมดนี้ ก็เพียงพอต่อการเลือกดู เลือกซื้อยางรถแล้ว ส่วนค่าอื่น ๆ เป็นระดับช่างหรือผู้จำหน่ายที่ควรรู้ เปลี่ยนยางคราวหน้าก็ลองขอดูยางจริงเพื่ออ่านค่าจากร้านได้
บางทีคุณอาจจะได้ยางที่คุณสมบัติเท่ากันในราคาที่ถูกกว่าก็เป็นได้ครับ หรือใครใช้ยางรุ่นไหนแล้วดีก็ลองเม้นท์บอกต่อกันได้เลยครับ