Aston Martin DB4 Zagato สุดยอดรถสปอร์ตไม่มีวันตาย

Aston Martin DB4GT Zagato

          Aston Martin DB4GT Zagato สุดยอดรถสปอร์ตคลาสสิคเลือดผสมระหว่างอังกฤษและอิตาลีจากยุค 60

          แม้ว่า Aston Martin DB4GT Zagato จะเป็นรถที่ไม่ประสบความสำเร็จในสนามแข่งมากนักแต่คงยากที่จะปฏิเสธได้ว่า Aston Martin DB4 Zagato นั้นเป็นรถสปอร์ตจากอังกฤษที่สวยและน่าตื่นเต้นมากที่สุดคันหนึ่ง ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากฝีมือของโค้ชบิลเดอร์ชื่อดังจากมิลานอย่าง Zagato เพื่อมาเป็นศัตรูกับ Ferrari 250 GT ซึ่งเป็นเจ้าแห่งสนามแข่งในยุคนั้นโดยตรง

          โดย Aston Martin DB4 Zagato ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อขายให้กับทีมแข่งโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามยังมี Aston Martin DB4 Zagato อย่างน้อย 4 คัน จากทั้งหมด 19 คันถูกสร้างเพื่อเป็นรถที่สามารถนำมาขับได้บนถนนปกติ

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

          หลังจากที่ Aston Martin DB4 ได้เปิดตัวในปี 1958 ในฐานะรถทรงสปอร์ตแบบ GT (Grand Tourer) ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จและได้รับเสียงชื่นชมมากมายโดย Aston Martin DB4 นั้นได้ใช้เทคโนโลยีจากสนามแข่ง อย่างเช่น ดิสก์เบรก ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ และตัวถังน้ำหนักเบา

          ซึ่งตอนนั้นเอง Aston Martin เริ่มมีความคิดที่จะส่ง DB4 ลงสู่สังเวียนแห่งประลองความเร็ว ดังนั้นจึงได้มีการเปิดตัว DB4GT ตามออกมาในงาน London Motor Show เดือนตุลาคม ปี 1959

          Aston Martin DB4GT นั้นได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจากรุ่น DB4 สำหรับใช้ในการแข่งขันประลองความเร็วด้วยช่วงฐานล้อที่สั้นกว่า ติดตั้งอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารให้เท่าที่จำเป็น รวมถึงการใช้ตัวถังน้ำหนักเบาจนทำให้มีน้ำหนักเบากว่ารุ่น DB4 อยู่ 85 กก. ช่องดักอากาศที่ฝากระโปรงขนาดใหญ่ที่ซ่อนเครื่องยนต์แบบแถวเรียง 6 สูบ ใช้คาร์บูเรเตอร์ของเวบเบอร์ จำนวน 3 ตัว ระบบจุดระเบิดหัวเทียนคู่ (Twin Spark) เพลาลูกเบี้ยวองศาสูงแรงอัด 9:1 เรโช สามารถเรียกกำลังได้สูงสุดถึง 302 แรงม้า นอกจากนี้ DB4GT ยังใช้คลัตช์แบบ 2 แผ่น ระบบเกียร์อัตราทดชิด ดิฟเฟอเรนเชียลล็อกและจานเบรคที่ใหญ่ขึ้น

Aston Martin DB4GT Zagato

          ถึงแม้ Aston Martin จะได้เปรียบตรงที่เป็นบริษัทใหญ่ก็ตาม แต่สำหรับความสำเร็จของ Aston Martin DB4 ในสนามแข่งนั้นถือว่าไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จ เท่าที่ควรเพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถเอาชนะ Ferrari 250 GT ซึ่งขับโดย Stiring Moss เข้าเป็นที่ 1 ในการแข่งขัน R.C.A Torist Trophy ยุค 60 ได้เลย

          เหมือนกับที่ Aston Martin DBR1 เคยเป็นเจ้าสนามในรายการเดียวกันและขับโดย Stiring Moss มาก่อนในปี 1958 และ 1959 รวมไปถึงการแข่งขัน เลอ ม็องส์ 24 ชม.

          ถึง Aston Martin พยายามที่จะสร้างรถที่ดีกว่า DB4 และคาดหวังว่าจะต้องประสบความสำเร็จโดยในปี 1959 ตอนนั้น John Wyer หัวหน้าทีมแข่ง Aston Martin ได้ขอให้ Gianni Zagato สร้างแชสซีส์สำหรับใช้ในการแข่งขัน ก่อนปี 1960

          ซึ่ง Zagato นั้นชำนาญเรื่องโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบาอยู่แล้วก่อนที่จะสร้าง Aston Martin DB4 Zagato ทาง Zagato เองได้สร้างตัวถังอะลูมิเนียมให้กับ Alfa Romeo มาตั้งแต่ก่อนยุคสงครามโลก จนชนะการแข่งขัน เลอ ม็องส์ อยู่หลายต่อหลายครั้ง

          ทำให้ Aston Martin DB4GT Zagato ในหลายส่วนที่เป็นเหล็กถูกแทนที่ด้วยวัสดุน้ำหนักเบาอย่างอะลูมิเนียม และชิ้นส่วนไหนที่ไม่จำเป็นจึงได้ถูกจับถอดออกหมด เช่น กันชน เป็นต้น รวมถึงการใช้พลาสติกและอะลูมิเนียมทำให้  Aston Martin DB4 Zagato เบากว่า Aston Martin DB4GT ถึง 45 กก.

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

          สำหรับงานออกแบบอันโดดเด่นของ Aston Martin DB4GT Zagato นั้นเป็นฝีมือของ Ercole Spada ซึ่งในตอนนั้นเป็นนักออกแบบรุ่นใหม่ของ Zagato ที่มีอายุเพียง 23 ปี และใช้เวลาในการออกแบบเพียง 1 สัปดาห์ และกลายเป็นผลงานชิ้นหนึ่งที่น่าจดจำของ Zagato ด้วยการผสมผสานรูปทรงของ Aston Martin กับสไตล์ของ Zagato เข้าไว้ด้วยกัน

          ในขณะที่ด้านหน้ายังคงมีกระจังหน้า ตามสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ Aston Martin และฝากระโปรงที่ลาดต่ำมากกว่า DB4 จนทำให้เห็นแนวสันโค้งคู่เพื่อหลบฝาครอบวาล์ว ด้านท้ายถูกออกแบบใหม่ให้ดูลาดและมนกว่าโดยไม่มีครีบท้ายแบบ Aston Martin DB4 ทำให้เหลือพื้นที่สำหรับใส่สิ่งของได้น้อยมากเพราะถูกใช้สำหรับถังน้ำมันและยางอะไหล่

          ซึ่ง Aston Martin DB4GT Zagato ได้ถูกเปิดตัวในปี 1960 ที่ London Motor Show ก่อนที่เฟอร์รารี่ได้นำสไตล์การออกแบบนี้มาใช้ใน Ferrari 250 GTO ในอีก 2 ปีต่อมา

Aston Martin DB4GT Zagato

          ในปี 1991 Aston Martin DB4GT Zagato จำนวน 4 คัน ได้ลืมตาดูโลกอีกครั้ง (Replica) โดย Aston Martin ส่งแชสซีส์ที่เหลือจากยุค 60 ส่งให้ Zagato สร้างให้ใกล้เคียงกับแบบดั้งเดิมมากที่สุด

          เป็นที่รู้จักกันในนาม Sanction II แต่ไม่ได้ติดตรา Zagato ซึ่งต่อมาในปี 1992 Richard Williams ได้รับอนุญาตจาก Walter Hayes ให้สร้างภายใต้ลิขสิทธิ์ของ Zagato ด้วยแชสซีส์ที่เหลือคือ DB4/0334/Rและ DB4/0424/R จนกลายออกมาเป็น Sanction III สำเร็จในปี 2000 โดยทั้ง 2 คันนั้นหนักกว่ารุ่นเดิมและได้ติดตรา Zagato

          ปัจจุบันอาจต้องใช้เงินมากกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อแลกกับ Aston Martin DB4GT Zagato ซึ่งนับได้ว่าเป็นรถสปอร์ตทรง GT ที่เกิดจากยุคที่ยังใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการสร้างรถ

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

Aston Martin DB4GT Zagato

ภาพจาก rmsothebys, astonmartin

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
Aston Martin DB4 Zagato สุดยอดรถสปอร์ตไม่มีวันตาย อัปเดตล่าสุด 9 สิงหาคม 2564 เวลา 18:13:37 5,051 อ่าน
TOP
x close