ใกล้สิ้นปี 2558 เรื่องภาษีสรรพสามิตอัตราใหม่ สำหรับรถยนต์เริ่มเป็นประเด็นให้ชวนสงสัยกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่สำคัญเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคอย่างเรา ๆ โดยตรงเพราะรถยนต์ทุกรุ่นมีการปรับราคา !!
วันนี้กระปุกคาร์จึงมาขอพูดถึงประเด็นนี้โดยตรง ซึ่งมีความเข้าใจคลาดเลื่อนกันอยู่หลายส่วนว่าเพราะอะไร ทำไมยังไม่ชัดเจน ให้กระจ่างกันครับ
เริ่มต้นด้วยเหตุเริ่มต้นอย่าง อัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ปี 2559 จะคิดตามอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) โดยแบ่งประเภทรถ, ความจุกระบอกสูบ และรถยนต์ที่สามารถใช้พลังงานทดแทน, รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ซึ่งรถยนต์ทั้งหมดในไทยถูกจัดกลุ่ม ออกเป็น 8 ประเภทดังนี้
- กลุ่มรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซี.ซี.
- กลุ่มรถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซี.ซี.
- กลุ่มรถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง และไฟฟ้า (ไฮบริด) ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซี.ซี. เดิมจัดเก็บภาษี 10%
- กลุ่มรถยนต์ Eco Car
- กลุ่มรถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นที่ใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ (ไม่มีแค็บ) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซี.ซี.
- กลุ่มรถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ (มีแค็บ)
- กลุ่มรถยนต์นั่งที่มีกระบะ (กระบะ 4 ประตู) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซี.ซี.
- กลุ่มรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (กระบะดัดแปลง (PPV) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซี.ซี.
แต่ละกลุ่มจะปรับขึ้นภาษีต่างกันโดยศึกษารายละเอียดได้ที่นี่
แต่วันนี้เราจะเอาภาพจากดีลเลอร์รถเจ้าหนึ่งที่ทำอินโฟกราฟิกมาให้ชม
และในภาพนี้เซลส์รถก็เริ่มนำมาใช้เพื่อจูงใจให้ลูกค้าซื้อรถที่คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ แต่ประเด็นคือราคาที่แจ้งในอินโฟคลาดเคลื่อนแน่นอนเนื่องจาก 2 เหตุดังนี้
- ค่ายรถยังไม่เปิดเผยค่าปล่อยไอเสียของรถยนต์แต่ละรุ่น โดยเรื่องนี้จะชัดเจนพร้อมระบบ EcoSticker
- เมื่อมีการปรับราคาอาจไม่ได้ลด-เพิ่ม ตามเปอร์เซ็นต์สรรพสามิตใหม่ตรง ๆ เพราะ "ค่ายรถจะแจ้งราคาจำหน่ายใหม่"
การแจ้งราคาจำหน่ายใหม่นั้นหมายความว่าสามารถตั้งเท่าไรก็ได้โดยอิงจากต้นทุนและภาษีสรรพสามิตอัตราใหม่ ที่สามารถปรับกำไร ปรับค่าการตลาด ทำให้ราคายังไม่แน่นอน จนกว่าจะมีการประกาศจริง ๆ ในมกราคม 2559