รถยนต์หรูหาย 500 คัน เร่งล่าคืน สั่งเด้งเจ้าหน้าที่
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก mcot
กรมศุลกากรกลุ้ม ! รถยนต์หรูหายกว่า 500 คัน ล่าคืนแล้วกว่า 100 คัน สั่งเร่งตามคืน พร้อมเด้งเจ้าหน้าที่ 2 นาย
วันนี้ (5 กันยายน 2557) นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ตนเข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร ได้ตรวจสอบพบว่า มีรถยนต์หรูหายไปจากคลังทัณฑ์บนของกรมศุลกากรกว่า 500 คัน และสามารถติดตามรถกลับได้เพียง 100 กว่าคันเท่านั้น ซึ่งรถยนต์ส่วนใหญ่เป็นพวกซูเปอร์คาร์ ส่วนซูเปอร์ไบค์ก็มีหายเช่นกัน สามารถตามคืนได้ 80 คัน และกำลังจะตรวจสอบเพิ่มเติมอีก โดยล่าสุดได้ตั้งคณะกรรมการสอบทุจริตและสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ไป 2 คนแล้ว
นายสมชัย เล่าว่า รูปแบบการลักลอบขโมยรถหรูนั้น ทำโดยวิธีเมื่อรถหรูเข้ามายังท่าเรือแล้วจะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจหรือปล่อยรถลงที่ท่าเรือในทันที แต่จะขอนำรถยนต์ไปตรวจปล่อยอีกท่าเรือหนึ่ง ไม่ก็นำเอารถยนต์ไปเก็บไว้ที่คลังสินค้าทัณฑ์บน ซึ่งระหว่างที่มีการขนถ่ายรถยนต์จากท่าเรือไปคลังสินค้าทัณฑ์บนนั้น รถยนต์ก็ได้หายไป หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือ ผู้ประกอบการจะเข้าไปเอารถยนต์ที่พักไว้ในคลังสินค้าเพื่อนำออกไปโชว์ แต่พอนำออกไปแล้ว รถยนต์ก็หายไปเฉย ๆ ไม่มีการนำกลับมาคืนที่คลังสินค้าตามเดิม ซึ่งผู้ดำเนินการส่วนใหญ่เป็นผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ กลุ่มคนรวย และกลุ่มผู้มีอิทธิพล
อย่างไรก็ดี สินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาแพง กรมศุลกากรจะอนุญาตให้ผู้ประกอบการเอารถยนต์ออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บน เพื่อมาโชว์เป็นสินค้าตัวอย่างที่โชว์รูมก่อนขายได้ โดยยังไม่มีภาระภาษี แต่เมื่อโชว์รถยนต์เสร็จแล้วต้องนำรถมาคืนตามเดิม แต่จะสามารถขายได้ผู้ประกอบการต้องมาทำเรื่องและเสียภาษีให้ถูกต้อง โดยคลังสินค้าทัณฑ์บนจะอนุญาตรับฝากสินค้าได้ 1 ปี หากเกินกำหนดก็ต้องเสียภาษีตามปกติ
นายสมชัย กล่าวต่อว่า ประเด็นรถหายเป็นเรื่องที่น่าหนักใจจริง ๆ เพราะตนก็ไม่รู้ว่ารถหายเมื่อไร หรืออาจจะหายนานแล้ว แต่เรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นช่วงที่ตนเป็นอธิบดี ตนจึงจำเป็นต้องเชือดไก่ให้ลิงดู และสั่งเข้มให้ตรวจสอบสินค้านำเข้าจากจีน ทั้ง รถหรู ซูเปอร์คาร์ ต่าง ๆ รวมถึงตั้งคณะกรรมการสอบการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่แล้ว
พร้อมกันนี้ นายสมชัย เผยถึงการแก้ปัญหาด้วย โดยหลังจากนี้จะทำการติดตั้งระบบอาร์เอฟไอดี (RFID ย่อมาจากคำเต็มว่า Radio-frequency Identification) เพื่อใช้ติดตามการขนย้ายรถยนต์จากต้นทางไปยังปลายทาง โดยคาดว่าจะสามารถใช้ได้ภายในปีนี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
