รถคันแรกพ่นพิษ เต็นท์รถมือสอง สต็อกล้น-ราคาร่วงกว่า 50%

โครงการรถคันแรก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ตลาดรถมือสองยอดขายหดตัวรุนแรง บางแห่งรายได้หายไปกว่า 50% ฉุดราคารถร่วงตาม ส่วนรายเล็กก็เริ่มทยอยปิดตัว เพราะสู้ไม่ไหว

          วันนี้ (4 กรกฎาคม 2556) นายเชาวลิต กาญจนนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัทจัดประมูลรถมือสอง กล่าวว่า ราคารถในปัจจุบันตกลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะรถยนต์นั่งลงไปอย่างน้อย กว่า 10% ส่วนรถปิกอัพประมาณ 7-8%

          การที่ราคาตกเกิดจากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะผลกระทบจากปี 2555 ที่มีรถออกสู่ตลาดมาก เนื่องจากโครงการรถคันแรกของภาครัฐ ทำให้ปีนี้พบว่า มีการยึดรถจำนวนมาก โดยเฉพาะรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ระดับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ลงมา เท่าที่ทราบข่าว คือ ไฟแนนซ์บางแห่งมียอดยึดรถเพิ่มขึ้นจากปกติ 2 เท่าตัว ทำให้รถเข้าสู่ตลาดมือสองมากขึ้น และสำหรับแอพเพิลเอง ช่วงนี้มีรถเข้าสู่ตลาดประมูล 2 เท่าตัวเช่นกัน จากปกติมีรถประมาณ 2,000 คัน เพิ่มเป็น 4,000 คัน ทำให้ลานจอดรถไม่เพียงพอ ต้องหาเช่าที่เพิ่มเติม

          นายเชาวลิต กล่าวอีกว่า การที่โครงการรถคันแรกได้รับความนิยมจำนวนมาก ทำให้รถอื่น ๆ ที่ไม่ได้สิทธิคืนภาษีสูงสุด 1 แสนบาท จัดแคมเปญส่งเสริมการขายที่รุนแรงต่อเนื่องถึงปีนี้ ขณะที่สถาบันการเงินก็ปล่อยสินเชื่อด้วยเงื่อนไขที่ดี ทำให้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการซื้อรถระหว่างรถใหม่ป้ายแดงกับรถมือสองไม่แตกต่างกันมากนัก ผู้บริโภคส่วนหนึ่งจึงตัดสินใจซื้อรถใหม่ ทำให้รถในตลาดมือสองค้างสต็อกมากขึ้น แต่เมื่อสถาบันการเงินพบว่า ลูกค้าซื้อรถเริ่มมีปัญหา ปีนี้จึงเข้มงวดในเรื่องการเพิ่มเงินดาวน์ ทำให้ตลาดได้รับผลกระทบอีก

          นอกจากนี้ ผู้ประกอบการเต็นท์รถที่ได้รับผลกระทบ ยังต้องขายรถที่มีราคาถูกลงแม้จะซื้อรถมาในราคาที่สูงกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพยายามเกลี่ยราคา ด้วยการซื้อรถใหม่ที่ราคาถูก ชดเชยกับรถในสต็อกที่ซื้อมาสูงกว่าราคาที่ขายได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ ต้องเป็นรายที่มีฐานการเงินที่ดี ส่วนผู้ที่การเงินไม่ดี ก็หายไปจากตลาดไม่น้อย

          ขณะที่ นายสมชาย เชื้อชัยนาท เจ้าของเต็นท์รถ อาย คาร์ เซ็นเตอร์ กล่าวว่า สถานการณ์รถมือสองอยู่ในภาวะถดถอย ยอดขายลดลงประมาณ 20% ขณะที่ราคาก็ลดลง 20-30% โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการรถคันแรก เพราะได้รับสิทธิ์คืนภาษี ดังนั้นรถที่เข้าตลาดมือสองจึงต้องประเมินราคาบนพื้นฐานของราคาหลังหักภาษีแล้ว ทั้งนี้ ในภาวะปกติ สต็อกรถในตลาดมือสองมีระยะเวลาเฉลี่ย 2-3 เดือน แต่ปัจจุบันพบว่าบางแห่งมีรถค้างสต็อกนับปี ซึ่งมีผลกระทบต่อเงินทุนหมุนเวียน ทำให้ไม่สามารถซื้อรถใหม่เข้าเต็นท์ได้

          สำหรับการปรับตัวของผู้ประกอบการ คือ การซื้อรถเข้าเต็นท์ในราคาที่ต่ำลง เฉลี่ย 10-15% และพยายามปล่อยรถออกไปให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งปัจจุบันส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องกู้เงินมาลงทุน ซึ่งพบว่ามีเลิกกิจการไปแล้วหลายราย

          ด้านผู้บริหาร เต็นท์ ตี๋เล็ก คาร์ดี กล่าวว่า ตลาดอยู่ในภาวะซบเซาอย่างรุนแรง โดยพบว่าบางวันไม่มีลูกค้าเข้ามาดูรถเลย และยอดขายโดยรวมหายไปประมาณ 50% ทำให้ผู้ค้าไม่กล้าที่จะซื้อรถเข้าเต็นท์ เพราะสต็อกเดิมยังมี ส่งผลให้ผู้บริโภคที่ต้องการขายรถได้รับผลกระทบตามไปด้วย ส่วนทางออกของผู้ประกอบการเห็นว่ามีทางเดียว คือ การกดราคาลงมา เพื่อระบายรถในสต็อกออกไปให้ได้มากที่สุด

          แหล่งข่าวในธุรกิจรถมือสอง กล่าวว่า ตลาดได้รับผลกระทบมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น 3 ช่วงคือ

          1. การเกิดขึ้นของโครงการ อีโค คาร์ ที่มีรถออกสู่ตลาดโดยมีโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ 17% ทำให้มีราคาถูกลง ผู้ซื้อรถในตลาดมือสองบางส่วน หันไปซื้อรถ อีโค คาร์ แทน เนื่องจากได้รถใหม่ และมีราคาไม่แตกต่างกัน

          2. ในช่วงปลายปี 2554 เกิดเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ ทำให้มีรถยนต์ในหลายจังหวัดทั่วประเทศถูกน้ำท่วม ผู้บริโภคจึงเกิดความไม่มั่นใจในตลาดรถมือสอง กลัวว่าจะนำรถที่ประสบภัยน้ำท่วมมาย้อมแมวขาย

          3. โครงการรถคันแรกที่เริ่มต้นเมื่อเดือนกันยายน 2554 และมีการขยายโครงการถึงเดือนมีนาคม 2556




 คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รถคันแรกพ่นพิษ เต็นท์รถมือสอง สต็อกล้น-ราคาร่วงกว่า 50% อัปเดตล่าสุด 10 สิงหาคม 2564 เวลา 14:30:04 2,483 อ่าน
TOP
x close