ทดสอบ MG 3 ปี 2018 การพลิกโฉมครั้งใหญ่ทั้งภายนอกและภายใน MG 3 2018 ปรับปรุงเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ชุดเกียร์ออโต้ 4 สปีด แล้วเป็นอย่างไรบ้าง พร้อมรายละเอียด i-Smart ที่แตกต่างกับ MG ZS
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 เราได้เห็น MG 3 เริ่มทำตลาดรถยนต์ของไทย กลุ่มบี-เซกเมนต์ เครื่องเบนซิน 1.5 ลิตร สร้างความฮือฮาได้อย่างมาก ด้วยการให้ความปลอดภัยที่เหนือรถยนต์กลุ่มเดียวกันทั้ง ABS, EBD, BA, ควบคุมการเบรกขณะโค้ง CBC, ควบคุมการทรงตัว ESC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและลื่นไถล TCS, ระบบช่วยออกตัวในทางชัน HAS, ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ, จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX, เซ็นเซอร์ถอยหลัง และถุงลมนิรภัยคู่หน้า แถมยังมีออปชั่นอย่างซันรูฟเป็นครั้งแรกในรถกลุ่มนี้
สะท้อนความสำเร็จผ่านยอดขาย อย่างในปี 2017 เผยตัวเลขยอดขาย MG 3 ที่ 6,033 คัน สูงที่สุดของแบรนด์ MG
ถึงวันนี้เกมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะค่ายยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นหันมาวางออปชั่นความปลอดภัยเทียบเท่ากับ MG 3 ในรถยนต์รุ่นใหม่แล้ว...
ถึงเวลาที่ MG 3 ต้องขยับ ได้ทำการเปิดตัวรุ่นใหม่ช่วงเดือนมิถุนายน 2018 พร้อมการสื่อสารว่า "All New MG 3" กับนิยาม We Are Fun ถือว่าดีไซน์ปรับเปลี่ยนไปมากทั้งภายนอก-ภายใน เครื่องยนต์และเกียร์ พร้อมจุดขายใหม่ระบบ i-Smart ที่เปลี่ยนรถให้กลายเป็นอินเทอร์เน็ตคาร์
คำว่า All New ก็อาจจะฟังแล้วขัดใจสักหน่อย เพราะตัวถังและช่วงล่างไม่ได้เปลี่ยนแปลง ส่วนนิยาม We Are Fun อ่านแล้วเป็นอย่างไรกันบ้างครับ ? มองไปขุมกำลัง เครื่องเบนซิน 1.5 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 4AT จะสนุกได้อย่างไร
ทีมกระปุกคาร์ได้โอกาสเข้าทดสอบ MG 3 ปี 2018 บนเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทางไป-กลับประมาณ 480 กม. ที่เราได้เก็บรายละเอียดต่าง ๆ ที่หลายคนสงสัยอย่างเรื่อง อัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ยมานำเสนอ พร้อมกับความคิดเห็นหลังได้ทดสอบมาบอกต่อกันครับ
**ในรุ่นทดสอบเป็นตัวท็อป MG3 1.5 V ราคาจำหน่าย 629,000 บาท
มิติรถ MG 3 ปี 2018 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากชุดกันชนหน้า-หลัง (เทียบกับ MG 3 Xcross ที่ล้อ 16 นิ้วเท่ากัน)
- ตัวถังยาว 4,055 มม. (+37 มม. เดิม 4,018 มม.)
- กว้าง 1,729 มม. (+1 มม. เดิม 1,728 มม.)
- ความสูง 1,516 มม. (+1 มม. เดิม 1,517 มม.)
- ระยะช่วงล้อ 2,520 มม. (เท่าเดิม)
- ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า 1,496 มม. (+1 มม. เดิม 1,495)
- ระยะห่างระหว่างล้อคู่หลัง 1,483 มม. (เท่าเดิม 1,483)
- ความสูงใต้ท้องรถ 116 มม. (-42 มม. 158 มม.)
จากการสอบถามช่วงล่างไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเพิ่มเติม
รูปลักษณ์ภายนอก MG 3 ปี 2018 เทียบกับรุ่นเดิม ยอมรับว่าดีขึ้นเยอะ
ช่างเข้าทางเหลือเกิน ก่อนหน้านี้เราได้เคยเปรียบเทียบ MG 3 ปี 2018 กับ MG 3 ปี 2015 เราจึงขอยกเรื่องการปรับโฉมมาให้รับชมกันอีกที
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบคัน ดังนี้ กระจังหน้า, ชุดไฟโคมไฟหน้า, กันชนหน้า, ล้อแม็กซ์ขนาด 16 นิ้วแบบ 5 ก้าน ใช้สีทูโทน, ด้านหลังเปลี่ยนชุดไฟทั้งหมดเป็น LED ยังจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์แบบเดิม, ฝากระโปรงท้ายปรับดีไซน์ และสุดท้ายกันชนหลัง
ภายในห้องโดยสาร MG 3 ปี 2018 พลิกโฉมให้น่านั่ง
หากเทียบกับโฉมที่แล้ว นึกว่ารถคนละรุ่นก็ว่าได้ ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นไปตามคลาสรถที่ไม่มีการบุนุ่มที่คอนโซลและข้างประตูรถ
เบาะนั่ง ส่วนตัวผู้ทดสอบชอบตรงจุดนี้ ทรงเบาะกระชับลำตัว มีปีกข้างรับที่น่องและหลัง การตัดเย็บของเบาะเรียบร้อยดี เบาะรองนั่งและพนักพิงหลังบุด้วยผ้าลายสก็อต ส่วนอื่น ๆ บุด้วยหนังให้สัมผัสดีทีเดียว ที่นั่งโดยสารด้านหลังสามารถพับแบบ 60/40 แต่จะไม่เรียบ ติดที่ปีกเบาะ ไม่เหมาะกับการวางของหนักเพราะอาจทำให้เบาะเสียทรง
ช่องแอร์ตามสมัยนิยม ฝั่งซ้ายและขวาเป็นทรงไอพ่นที่สามารถบิดปรับลมแอร์ ที่คอนโซลกลางแต่งแบบเดียวกับลวดลายของเบาะรับกันดี
แหงนหน้าขึ้นจะพบหลังคาซันรูฟปรับไฟฟ้าเป็นรุ่นเดียวในคลาสที่ให้ออปชั่นนี้
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง ดึงเข้า-ออกและปรับขึ้น-ลง
หน้าจออินโฟเทนเมนต์ให้ขนาด 8 นิ้ว สามารถสั่งการแบบสัมผัสได้... ความลื่นไหลขอเรียกว่าจอจิกสกรีนเพื่อเข้าใจได้ตรงกัน จุดนี้ได้มีการพูดคุยกับทีม MG ได้ความว่า เป็นเรื่องของซอฟต์แวร์ซึ่งยังพัฒนาเพิ่มเติมกันอยู่ เหมือนสมาร์ตโฟน ฮาร์ดแวร์ดีแล้วแต่ระบบปฏิบัติการเพิ่งตั้งไข่
i-Smart ของ MG 3 ปี 2018 ฟังก์ชั่นไม่เหมือนกับ MG ZS นะ
หนึ่งฟังก์ชั่นในสิ่งที่ผู้ทดสอบเสียดายคือการสั่งเปิดแอร์ผ่านสมาร์ตโฟน.. อย่างที่รู้กันประเทศไทย ร้อน ร้อนและร้อนเป็นหลัก เมื่อครั้งได้ทดสอบ MG ZS ปลื้มหนักมากกับการสั่งเปิดแอร์ผ่านสมาร์ตโฟน
นั่งอยู่ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เมื่อเตรียมเช็กบิลกลับ กดเปิดแอร์รอไว้เลยเดินขึ้นรถชื่นใจมาก และลานจอดรถกลางแจ้งในห้างจะว่างเป็นส่วนใหญ่ ในร่มบางทีวนหาเกือบครึ่ง ชม. หากมีฟังก์ชั่นนี้ก็แฮปปี้ขึ้นเยอะว่าไหมครับ
แต่นั่นแหละ i-Smart ของ MG 3 ปี 2018 ไม่มี..
เนวิเกเตอร์ของรถแสดงตำแหน่งรถได้แม่นยำ การใช้ทุกอย่างลื่นไหลดี เพิ่มเติมขึ้นมาคือจับพาร์ตเนอร์ผู้ช่ำชองในด้านต่าง ๆ ระบบเพลงสตรีมมิ่งจากทรูมิวสิค การหาร้านอาหารจากวงใน และที่พักจากอโกด้า แต่ในขณะที่เราทดสอบยังไม่พบการแนะนำร้านอาหารและที่พัก ถ้าจะใช้จริงคงต้องรอกันต่อไป
ฟังก์ชั่นที่เหลือ กำหนดขอบเขตการใช้รถ หากออกนอกเขตที่กำหนดก็จะมีการแจ้งเตือนที่สมาร์ตโฟน, สั่งล็อก-ปลดล็อกประตูผ่านสมาร์ตโฟน, ตรวจเช็กความผิดปรกติของรถผ่านสมาร์ตโฟน และการวางแผนเดินทางจากสมาร์ตโฟน
คำสั่งเสียงถูกลดเหลือเพียงแค่ 4 คำสั่ง ได้แก่ สั่งแอร์, สั่งวิทยุ, สั่งระบบนำทาง และสั่งโทรศัพท์ อย่างที่รู้ ๆ กันระบบยังอยู่ในช่วงพัฒนา ที่ดูจะเพี้ยน ๆ หน่อย รับคำสั่งผิดหรือไม่ตอบสนอง ทั้งหมดยังมีอยู่เหมือนเดิม
เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 4AT แบบเดียวกับ ZS
เครื่องยนต์เบนซิน DOHC VTi-TECH 4 สูบ ขนาดความจุกระบอกสูบ 1.5 ลิตร ให้พละกำลัง 112 แรงม้า (ZS มีกำลัง 114 แรงม้า) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังอัตโนมัติ 4 สปีดพร้อม Manual Mode
ขับง่ายกว่าโฉมเดิมที่เป็น AMT อัตราเร่งวิ่งเรื่อย ๆ แต่น่าสนใจที่ความเร็วปลายไหลดี ดีกว่าหลายรุ่นในพิกัดเดียวกัน ซึ่งเราได้เก็บตัวเลขจากการทดสอบมาฝาก
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 15.33 วินาที เกียร์ D ปรกติ รถแบกน้ำหนักประมาณ 135 กก. ผู้ชาย 2 คน
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากหน้าปัด 7.4 ลิตร/100 กม. หรือคิดเป็น 13.5 กม./ลิตร สภาพจราจรจริงเส้นทาง หัวหิน-กรุงเทพฯ หนัก ๆ ก็สภาพจราจรที่ติดบนพระราม 2
ประหยัดไหม อืดหรือเปล่า คุณตัดสินเอาเอง
การขับและช่วงล่างของ MG 3 ปี 2018
พวงมาลัยพาวเวอร์ไฮดรอลิก รัศมีวงเลี้ยว 5.425 เมตร มีน้ำหนักมากที่สุดในคลาสอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ฟีลลิ่งดีเว่อร์ ผู้ทดสอบชอบที่การดึงกลับตั้งตรงของพวงมาลัย นึกถึงรถสปอร์ตรุ่นหนึ่งจากค่ายยุโรป.. เพียงคุณเลี้ยวเบา ๆ ก็ต้องใช้แรงขืน หากปล่อยพวงมาลัยจะดีดกลับตั้งตรงรถหน้าสะบัดได้เลย
ช่วงล่าง ด้านหน้าแมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นทอร์ชั่นบีม MG เคลมการเซตช่วงล่างแบบนี้ว่า EUROPEAN TUNING SUSPENSION ทุกการเลี้ยวคล่องแคล่วมั่นใจดี ซับแรงสะเทือนได้ประมาณหนึ่ง แต่วิ่งไว ๆ บนเส้นทางชะอำก็รู้สึกว่ารถมีเด้งบ้างจากระยะฐานล้อที่สั้น โดยรวมดี
ระบบเบรกด้านหน้า ดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังเป็นดรัมเบรก
ขอติเรื่องทัศนวิสัยการขับขี่ กระจกมองข้างและมองหลังให้มาเล็กมาก มองหรือปรับอยู่หลายทีก็ยังให้มุมมองที่ไม่เต็ม
ความปลอดภัยของ MG 3 ปี 2018
- ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย USD (Ultimate Stiffness Design)
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-Lock Braking System)
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution)
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน MSR (Motor Control Slide Retainer)
- กล้องมองหลัง พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
สีตัวถังและราคา MG 3 ปี 2018
5 สี แบ่งเป็นแบบทูโทน 3 สี และโมโนโทน 2 สี
- สีเหลือง ทิวดอร์ เยลโล่ (Tudor Yellow) / หลังคาดำ (Black Top)
- สีแดง รูบี เรด (Ruby Red) / หลังคาดำ (Black Top)
- สีฟ้า มารีนา บลู (Marina Blue) / หลังคาขาว (White Top)
- สีขาว อาร์กติกไวท์ (Arctic White)
- สีดำ แบล็กไนท์ (Black Knight)
- MG3 1.5 C ราคา 519,000 บาท
- MG3 1.5 D ราคา 549,000 บาท
- MG3 1.5 X ราคา 589,000 บาท
- MG3 1.5 V ราคา 629,000 บาท **รุ่นที่ใช้ทดสอบ
บทสรุปจากผู้ทดสอบ
ตอบว่า We Are Fun ตรงไหน ก็คงเป็นเรื่องการบังคับและช่วงล่างน่าประทับใจ เพิ่มเติมด้วยตัวรถสีสด ๆ แบบทูโทน และระบบ i-smart ที่เน้นไปทางบันเทิง เที่ยว กิน ซึ่ง MG ก็บอกในช่วงถาม-ตอบ ไว้ชัดทุกอย่าง ที่เป็นแบบนี้เกิดจากการตั้งใจเซตบุคลิกของรถ
ที่พูดถึงกันมากในเรื่องเครื่องยนต์และเกียร์ ทางผู้ผลิตก็เห็นว่าพอสำหรับการใช้งานและมีข้อดีคือดูแลบำรุงรักษาง่าย เมื่อได้ขับก็จะเข้าใจ
อาการคันเร่งไม่สนองเท้าไม่พบเจอ เกียร์ไม่ฉลาดที่เคยเจอ MG รุ่นก่อน ๆ หายเกลี้ยง การพัฒนาของ MG 3 ปี 2018 หากนับเป็นเลขโดดจาก 1 ไป 3 เลยก็ว่าได้ ฟีเจอร์ทุกอย่างรถให้มาครบและเกินที่จะเล่นหมดด้วยซ้ำ เป็นช้อยส์ที่คุณควรมอง หากกำลังหารถยนต์ในกลุ่มนี้