ชี้แจงเพิ่มเติม มาตรการจับจริงจอมแชท หยิบโทรศัพท์มาใช้ขณะขับรถมีความผิดทุกกรณี ไม่เว้นแม้แต่ตอนรถติดไฟแดง
จากการบังคับใช้มาตรการ จับจริงจอมแชท ซึ่งเริ่มบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2557 แต่ก็ยังเกิดความกังขาว่าเกณฑ์การตัดสินว่าพฤติกรรมใดบ้างที่เข้าข่ายผิดตามกฎจราจรข้อนี้ ถ้าอย่างนั้นลองมาดูกันชัด ๆ เลยว่า พฤติกรรมใดต้องห้ามและแบบใดจึงถูกต้อง
วันที่ 7 สิงหาคม 2557 พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการดูแลงานจราจร กทม. ได้ชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการ "จับจริงจอมแชท" ว่า การใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ยานพาหนะถือเป็นความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ. จราจรทางบก มาตรา 43 (9) ซึ่งระบุว่าห้ามผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์ขณะรถเคลื่อนที่ เว้นแต่อุปกรณ์เสริมช่วยการสนทนา โดยต้องไม่จับหรือถือโทรศัพท์ โดยกฎนี้บังคับใช้กับผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภทตามความหมายที่ พ.ร.บ. จราจรทางบก ระบุไว้ ยกเว้นรถไฟและรถราง
ส่วนการใช้โทรศัพท์ในกรณีรถติดหรือติดไฟแดงนั้น ก็ถือว่ามีความผิดในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการกดหมายเลขโทรออก รับสาย เล่นเกม ดูหรือพิมพ์ข้อความ ดูภาพ และกิจกรรมอื่น ๆ ที่โทรศัพท์สามารถทำได้ เพราะถือว่ายังอยู่ระหว่างการขับขี่ เครื่องยนต์ยังติดอยู่ ผู้ขับยังต้องควบคุมรถอยู่
หากผู้ใดมีความจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ให้จอดข้างทางในบริเวณที่จอดได้หรือจอดในปั๊มน้ำมัน แล้วจัดการธุระทางโทรศัพท์ให้เรียบร้อยก่อนออกสู่ถนนอีกครั้ง หรือให้ใช้อุปกรณ์เสริมช่วยคุยโทรศัพท์ เช่น หูฟังบลูทูธ หรือใช้วิธีวางโทรศัพท์แล้วปิดลำโพงคุยได้ แต่ห้ามคุยโทรศัพท์แบบหนีบไว้กับคอหรือให้ผู้อื่นถือให้
ส่วนเรื่องพฤติกรรมอื่น ๆ ที่กระทำกับโทรศัพท์มือถือ นอกจากการคุยโทรศัพท์และการแชทแล้ว การดูข้อมูลใด ๆ จากอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือก็มีความผิดเช่นกัน รวมถึงการใช้แสตนดี้ยึดโทรศัพท์กับพวงมาลัยเพื่อใช้โทรศัพท์ก็เข้าข่ายกระทำผิด เพราะเป็นการรบกวนสมาธิขณะขับรถเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องละสายตาจากท้องถนนและยังต้องละมือจากควบคุมพวงมาลัยรถไปจิ้มหน้าจอ
ทั้งนี้ผู้ที่ละเมิดตามข้อกำหนดที่ได้กล่าวไว้ หากถูกจับได้ มีโทษปรับ 400-1,000 บาท หากมีข้อสงสัยต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถโทรสอบถามได้ที่ 1197 ตลอด 24 ชั่วโมง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก