ยางรถยนต์ก็มีอายุการใช้งานของตนเอง แต่ผู้ขับขี่หลายคนไม่รู้ว่า มีวิธีสังเกต ยางเสื่อมอย่างไร และเมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนยาง บทความนี้มีคำตอบ

การขับขี่รถให้ปลอดภัยนอกจากต้องใช้ความระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎจราจรแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ นั่นก็คือ การตรวจเช็กอุปกรณ์ต่าง ๆ ในรถยนต์ว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับยางรถยนต์ ที่ทำหน้าที่ในการรับน้ำหนักและสัมผัสกับถนนอยู่ตลอดเวลา หากผู้ขับขี่พบว่ายางรถยนต์มีการชำรุดเสียหายก็จำเป็นต้องเปลี่ยนยางในทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุบนท้องถนน
ในบทความนี้ ก.เจริญยางยนต์ และ ก.เจริญค็อกพิท จึงรวบรวมเอาจุดสังเกตในการตรวจเช็กสุขภาพยางรถยนต์และสัญญาณเตือนเมื่อยางเสื่อมสภาพเบื้องต้น มาแนะนำให้กับคุณว่า รถของคุณถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางแล้วหรือยัง
5 สัญญาณเตือน ว่าเราควรเปลี่ยนยาง
ปกติแล้วเมื่อยางเสื่อมสภาพก็มักจะแสดงสัญญาณเตือนให้เจ้าของรถรับรู้ว่าถึงเวลาที่เราควรจะเปลี่ยนยางเส้นใหม่แล้ว โดยเราสามารถตรวจสอบว่ายางเส้นนั้นยังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน หรือหมดอายุได้ง่าย ๆ จากจุดสังเกตต่าง ๆ เหล่านี้
1. ดอกยางสึก
จุดสังเกตแรกที่เราควรทำการตรวจสอบก็คือบริเวณสะพานยางที่อยู่บริเวณร่องตรงกลางของยาง มีลักษณะเป็นสันนูนคล้ายสะพาน ทำหน้าที่เชื่อมร่องดอกยางให้ติดกัน ซึ่งหากดอกยางอยู่ในระดับเดียวกันกับสะพานยางแล้วก็หมายความว่ายางเส้นนั้นถูกใช้งานจนสึก จนไม่อาจสามารถทำหน้าที่ในการรีดน้ำได้ดี จึงเป็นสาเหตุให้รถเกิดการลื่นไถล หรือควบคุมการทรงตัวได้ไม่ดีเท่าที่เคย
2. แก้มยางมีรอยแตก หรือรอยร้าว
เป็นการตรวจสอบลักษณะภายนอกของแก้มยางว่ามีลักษณะรูปร่างบวมผิดปกติ มีรอยแตก รอยร้าวหรือไม่ โดยวิธีนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ เพราะสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า ซึ่งถ้าหากเราพบเห็นสัญญาณเตือนเหล่านี้แล้วละก็ หมายความว่าถึงเวลาแล้วที่เราจำเป็นต้องเปลี่ยนยาง เพราะถ้าหากเราฝืนขับไปทั้ง ๆ ที่แก้มยางมีบาดแผล อาจเป็นสาเหตุให้เกิดยางระเบิด หรือยางแตกกลางทาง จนเกิดอันตรายได้เช่นกัน

3. เนื้อยางแข็งกระด้าง
จุดสังเกตต่อไปเป็นการตรวจเช็กบริเวณเนื้อยาง ซึ่งโดยปกติแล้วยางทั่วไปมักจะมีเนื้อยางที่นิ่ม ทำให้เบรกหรือสามารถเข้าโค้งได้ดี แต่ยางรถยนต์ที่เสื่อมสภาพหรือใกล้หมดอายุนั้น เนื้อยางจะเริ่มมีความแข็งกระด้าง ทดลองได้โดยการใช้เล็บมือลองจิกลงบนหน้ายาง ถ้าหากว่าจิกไม่ลง หรือจิกลงไปแล้วไม่ทิ้งรอยเล็บ แสดงว่าเนื้อยางเส้นนั้นมีความแข็งกระด้าง ควรเปลี่ยนใหม่ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลต่อระยะการเบรก ทำให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ลดลง และเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้
4. ยางปูดบวม
อีกสัญญาณเตือนว่ายางรถยนต์เริ่มเสื่อมสภาพแล้วก็คือยางรถยนต์มีลักษณะบวม ปูด นูน ออกมาจากเส้นยางปกติ ควรรีบเปลี่ยนยางเส้นใหม่โดยทันทีเช่นกัน เพราะหากฝืนขับไปเป็นเวลานาน เดินทางไกล หรือขับด้วยความเร็ว อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันอย่างยางแตกหรือยางระเบิดในขณะขับขี่ได้
5. อายุของยาง
โดยปกติของการดูอายุของยางนั้นจะเป็นการตรวจเช็กจากวันเดือนปีที่ผลิตยางเส้นนั้น ๆ โดยจะมีรหัสตัวเลข 4 ตัวอยู่บริเวณแก้มยาง โดยจะระบุเป็น WW/YY หมายถึงสัปดาห์ที่ผลิต (1 ปี มี 52 สัปดาห์) และปีที่ผลิต เช่น 1122 ยางที่ผลิตในสัปดาห์ที่ 11 ปี 2022 หรือผลิตในช่วงสัปดาห์ที่ 1-2 ของเดือนมีนาคม ปี 2022 นั่นเอง ตามคู่มือ หากเป็นยางใหม่ อายุของการเก็บรักษาหรือการใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ 3-5 ปี และหากมีการใช้งานจะสามารถใช้ได้ประมาณ 30,000-40,000 กิโลเมตร (ยางใหม่นับตั้งแต่วันที่เริ่มใส่ยาง) แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ วิธีการจัดเก็บ และอุณหภูมิในการเก็บด้วย โดยหากยางรถยนต์ถูกใช้งานหนัก หรือดูแลรักษาไม่ถูกวิธี ก็จะยิ่งทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หรือมีอายุยางสั้นลง ดังนั้น นอกจากดูในส่วนของอายุยางแล้ว ควรจะตรวจเช็กสภาพยางในจุดอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย

สาเหตุที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพ
การที่ยางรถยนต์เสื่อมสภาพนั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากระยะเวลาหรือระยะทางที่เราใช้งานเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกหลากหลาย ดังนี้
- อุณหภูมิ
อุณหภูมิหรือสภาพอากาศนั้นก็มีผลต่อการเสื่อมสภาพของยางเช่นกัน โดยเฉพาะการจัดเก็บยางไว้ในบริเวณที่มีอุณหภูมิที่ร้อน หรือจอดรถตากแดดที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน
- ลักษณะการขับขี่
ลักษณะการขับขี่ที่ไม่เหมาะสมจะทำให้อายุการใช้งานของยางรถยนต์สั้นลง และเสี่ยงทำให้ยางได้รับความเสียหายมากกว่าการขับรถทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการออกตัวด้วยความเร็วสูง การเบรกหรือหักเลี้ยวแบบกะทันหันโดยไม่มีการชะลอความเร็ว เป็นต้น
- น้ำหนักที่บรรทุก
อย่างที่เรารู้กันดีว่ายางรถยนต์นั้นนอกจากจะมีหน้าที่ในการขับเคลื่อนรถแล้ว ยังมีหน้าที่รองรับน้ำหนักของรถโดยตรง เพราะฉะนั้นการที่รถขนของหรือบรรทุกน้ำหนักมากเกินไปจึงเป็นสาเหตุให้ยางสึกหรอเร็วกว่าที่ควร
- พื้นผิวถนน
พื้นผิวถนนที่ขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ หรือสภาพถนนที่มีความลาดชัน รวมถึงทางขึ้นเขาที่มีความคดเคี้ยว ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ยางเสียหายได้ง่ายกว่าการขับขี่บนพื้นถนนปกติที่ราบเรียบ

สรุป
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับยางรถยนต์หมดอายุ หรือยางรถยนต์เสื่อมสภาพ เป็นการดูแลรถยนต์พื้นฐานที่ผู้ขับขี่ควรรู้ เพื่อประเมินได้ว่าเมื่อไหร่ที่เราควรจะเปลี่ยนยาง เพราะหากใช้ยางรถยนต์ที่เสื่อมสภาพก็อาจก่อให้เกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุไม่คาดคิดขึ้นได้ ดังนั้น เราจึงควรให้ความใส่ใจและหมั่นตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์อยู่เสมอว่ามีความผิดปกติหรืออยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของทั้งตนเองและเพื่อนร่วมทาง

ที่ศูนย์บริการ ก.เจริญยางยนต์ และ ก.เจริญค็อกพิท มีช่างผู้ชำนาญการไว้คอยบริการตรวจเช็ก ดูแล และซ่อมแซมยางรถยนต์ของคุณให้พร้อมใช้งานและลุยต่อได้ ด้วยประสบการณ์และมาตรการที่ได้รับการยอมรับ
สำหรับลูกค้าท่านใดที่ต้องการคำแนะนำหรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับยางรถยนต์ การเปลี่ยนยาง หรือบริการอื่น ๆ เพิ่มเติม สามารถติดต่อผ่านทุกช่องทางการสื่อสารของ ก.เจริญยางยนต์ ได้ตลอดเวลา
- สาขาสุขุมวิท 91 : 0-2331-9911
- Line : @kc4418 (มี@นะครับ) หรือกดลิงก์นี้ได้เลยครับ https://lin.ee/Owcvu5q
- พิกัด : https://g.page/KCharoenYangyont?share
- สาขาอุดมสุข (K Charoen Cockpit) : 0-2393-3356
- Line : @kcockpit (มี@นะครับ) หรือกดลิงก์นี้ได้เลยครับ https://lin.ee/7M1kdjn
- พิกัด : https://goo.gl/maps/W3xSvEGTiWKQB5Ce7