Nissan GT-R โฉมใหม่ มาแน่และจะกลายเป็นรถสปอร์ตไฟฟ้าสมรรถนะสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ solid-state
Nissan GT-R R36 (นิสสัน จีทีอาร์) โฉมใหม่ มาแน่นอน หลังหัวหน้าทีมออกแบบของ Nissan ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า หนึ่งในรถต้นแบบชุด Hyper Concept Seires ซึ่งก็คือ Nissan Hyper Force จะเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตจริงด้วย โดยขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน พร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่แข็ง solid-state
Nissan GT-R โฉมใหม่ เปิดตัวเมื่อไหร่
โดยล่าสุด Giovanny Arroba หัวหน้าทีมออกแบบของ Nissan ได้ให้สัมภาษณ์กับ Autocar UK เกี่ยวกับ Nissan Hyper Force Concept รถแนวคิดที่โชว์ตัวงาน Japan Mobility Show 2023 (หรือ Tokyo Motor Show เดิม) ว่าดีไซน์สุดขั้วของรถต้นแบบคันนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถแนวคิดในจินตนาการ แต่มันจะกลายเป็นรถผลิตจริงได้ก่อนปี 2030 หากไม่มีอะไรผิดพลาด
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้หัวหน้าทีมออกแบบของ Nissan จะไม่ได้ระบุหรือเอ่ยถึงชื่อ Nissan GT-R โฉมใหม่แบบตรง ๆ แต่ Nissan Hyper Force Concept ก็ติดตรา GT-R ไว้ที่กระจังหน้ารถต้นแบบไว้ค่อนข้างชัดเจนว่า Nissan กำลังพยายามสื่อสารถึง Nissan GT-R โฉมใหม่ ต่อจากรุ่นปัจจุบันรหัส R35 ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปัจจุบันก็ราว 16 ปี
Nissan GT-R โฉมใหม่ ระบบขับเคลื่อนและสมรรถนะ
ทั้งนี้ สิ่งที่น่าจะพอยืนยันได้จากคำสัมภาษณ์ของหัวหน้าทีมออกแบบ Nissan คือ Nissan GT-R โฉมใหม่ จะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยยังไม่ชัดเจนว่าจะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 หรือ 4 ตัว แต่มีความเป็นไปได้สูงที่แบตเตอรี่ของ Nissan เป็นแบบเคมีแข็ง หรือที่เรียกกันว่า solid-state และตามแพลน Nissan มีกำหนดผลิตแบตเตอรี่ชนิดนี้แบบ Mass Production ในปี 2028 ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมของยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
เปรียบเทียบ Nissan GT-R กับรถรุ่นอื่น ๆ
สำหรับเรื่องสมรรถนะของ Nissan GT-R รุ่นใหม่ อาจไม่เป็นที่น่าสงสัยมากนัก เพราะปัจจุบันรถยนต์ซีดานไฟฟ้าราคาล้านกลาง ๆ ก็สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลาใกล้เคียงซูเปอร์คาร์แล้ว แต่สิ่งที่ Nissan GT-R อาจต้องรับมือคือรถสปอร์ตไฟฟ้าจากจีนหน้าใหม่ เช่น Aion Hyper SSR ในยุคที่ใครก็เร็วได้ เหมือนครั้งหนึ่งที่ Nissan GT-R เคยไล่บี้ Porsche เช่นกัน แต่สิ่งที่แข่งกันยากก็คือชื่อชั้นของการทำรถ ภาพลักษณ์ รวมถึงความจงรักภักดีต่อแบรนด์
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : nissannews.com