โช้คอัพถือเป็นส่วนประกอบไฮดรอลิกสำคัญของรถยนต์ ที่จะช่วยรองรับแรงกระแทกต่าง ๆ ขณะที่รถยนต์กำลังวิ่งอยู่บนท้องถนน และช่วยลดแรงสั่นสะเทือนขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ รวมถึงช่วยหน่วงการเคลื่อนที่ขึ้น-ลงของตัวถังรถยนต์ เพื่อช่วยให้ล้อรถสัมผัสกับถนนตลอดเวลา
เรียกได้ว่าโช้คอัพคืออุปกรณ์สำคัญอย่างหนึ่งของรถยนต์ที่ขาดไม่ได้ เพราะหากไม่มีโช้คอัพแล้ว เมื่อรถวิ่งไปบนพื้นผิวถนนที่เป็นเนินหรือขรุขระจะทำให้รถเด้งขึ้นและเด้งลงโดยที่ไม่มีโช้คอัพคอยรับแรงกระแทกเหล่านั้น และอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ฉะนั้นสิ่งสำคัญของผู้ใช้รถยนต์คือการหมั่นตรวจเช็กว่าโช้คอัพมีความพร้อมสำหรับการใช้งานหรือไม่ หากมีอาการเสื่อมสภาพแล้วก็ต้องรีบเปลี่ยนโดยทันที
โช้คอัพรถยนต์คืออะไร?
โช้คอัพ (Shock Absorber) คือ อุปกรณ์หลักในการรองรับแรงกระแทกของรถยนต์ โดยจะช่วยลดแรงกระแทกทั้งหมดที่เกิดขึ้น และช่วยหน่วงการขยับขึ้น-ลงของตัวถังรถยนต์ไม่ให้ขึ้น-ลงเร็วจนเกินไป รวมทั้งทำให้หน้ายางของล้อทั้งสี่ล้อสัมผัสกับผิวของถนนขณะวิ่งตลอดเวลา โดยมีสปริงเป็นตัวช่วยในการควบคุมอีกที
โช้คอัพที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. โช้คอัพน้ำมัน ใช้น้ำมันไฮดรอลิกในการเป็นตัวช่วยสร้างความหนืด โดยแบ่งเป็นน้ำมัน 80% ส่วนที่เหลือเป็นอากาศ ขณะที่โช้คกำลังทำงาน น้ำมันจะไหลผ่านวาล์วภายในลูกสูบ ทำให้เกิดเป็นฟองอากาศขึ้น ช่วยให้รถยนต์ทรงตัวได้ดี มีความนุ่มนวล เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป
2. โช้คอัพแก๊ส อาศัยการทำงานร่วมกันของน้ำมันไฮดรอลิกและแก๊สไนโตรเจน เนื่องจากแก๊สไนโตรเจนเป็นก๊าซเฉื่อย มีโมเลกุลขนาดใหญ่ คุณสมบัติจึงดีกว่าอากาศ ช่วยลดฟองอากาศในน้ำมัน ทำให้คงความหนืดไว้เท่าเดิม รวมถึงระบายความร้อนได้ดี และช่วยยืดอายุลูกสูบภายในกระบอกโช้คให้ยาวนานขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปที่ต้องการเพิ่มสมรรถนะให้กับช่วงล่างของรถยนต์
สัญญาณเตือนเมื่อโช้คอัพกำลังมีปัญหา
1. หน้ายางรถยนต์สึกหรือเรียบไม่เท่ากัน
2. มีน้ำมันรั่วซึมจากตัวโช้คอัพ โดยสังเกตได้จากการเกาะของฝุ่นหรือเศษดินบริเวณที่มีการรั่วซึม
3. มีอาการกระเด้งขึ้น-ลงระหว่างขับขี่ผ่านลูกระนาด คอสะพาน หรือบนพื้นผิวถนนที่ขรุขระ รับรู้ได้ถึงแรงกระแทกที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
4. มีอาการหน้ารถเชิดขึ้นขณะที่ออกตัวด้วยความเร็วปกติ และหน้ารถทิ่มลงเมื่อมีการเบรกในความเร็วต่ำ บ่งบอกถึงอาการเสื่อมสภาพของโช้คอัพรถยนต์
5. แกนโช้คอัพอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ เช่น คดงอ บิดเบี้ยว หรือรั่ว เป็นต้น
6. เมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะรับรู้ได้ถึงการเสียการทรงตัวของรถยนต์ มีการแกว่งออกด้านข้าง
3 แบรนด์โช้คอัพปี 2565 ที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ !
1. Tokico แบรนด์โช้คอัพมาตรฐานระดับโลกสัญชาติญี่ปุ่น ก่อตั้งครั้งแรกเมื่อ 85 ปีที่แล้ว ณ เมืองคานากาวา ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ระบบบริหารคุณภาพ ISO และ IATF16949 ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ และเป็นผู้ผลิตโช้คอัพให้โรงงานประกอบรถยนต์ชั้นนำทั่วโลก เรียกได้ว่า 7 ใน 10 ของรถยนต์ป้ายแดงล้วนใช้โช้คอัพของ Tokico ทั้งสิ้น โดยสินค้าและผลิตภัณฑ์หลักที่ทางโรงงานผลิตนั้น ได้แก่ โช้คอัพและระบบเบรกที่ได้มาตรฐานจากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีจากเครื่องจักรที่ทันสมัยในระดับโลก จึงเป็นโช้คอัพที่คนส่วนใหญ่มั่นใจในคุณภาพและเลือกใช้
2. Kayaba หรือ KYB เป็นผู้ผลิตโช้คอัพสัญชาติญี่ปุ่นเช่นเดียวกับ Tokico โดยผลิตภัณฑ์หลักของ KYB ได้แก่ โช้คอัพ, ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม, ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์, ปั๊มไฮดรอลิก, มอเตอร์, กระบอกสูบ และวาล์ว เป็นหนึ่งในผู้ผลิตโช้คอัพที่ใหญ่ และเป็นแบรนด์โช้คอัพที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักอีกแบรนด์หนึ่งในประเทศไทย
3. Monroe แบรนด์โช้คอัพสัญชาติออสเตรเลีย ที่เริ่มต้นจากการผลิตเครื่องเติมลมยาง ‘บริสค์ บลาสต์’ (Brisk Blast) เมื่อปี 2462 จนกระทั่งถึงการพัฒนาโช้คอัพรุ่นแรกที่ติดตั้งเป็นอะไหล่แท้ให้กับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล Monroe เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำในการผลิตด้านอุปกรณ์ดั้งเดิมและระบบควบคุมการขับขี่หลังการขาย โดยผลิตโช้คอัพสำหรับยานพาหนะพิเศษตั้งแต่รถกอล์ฟไปจนถึงรถรางความเร็วสูง จึงเป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้เช่นกัน
การเลือกโช้คอัพรถยนต์ที่ดีควรเลือกให้เหมาะสมกับรุ่นรถ และเลือกให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละแบบ นอกจากราคาและแบบแล้วยังต้องดูช่วงชัก หรือระยะยืด-ยุบของโช้คอัพ ว่าเหมาะกับรถยนต์ของเราหรือไม่ ที่สำคัญคือต้องตรวจเช็กความพร้อมของโช้คอัพอย่างสม่ำเสมอ หากพบการชำรุดหรือเสื่อมสภาพควรรีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนทันที เพราะโช้คอัพถือเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยลดแรงกระแทกและทำให้ให้รถขับเคลื่อนได้อย่างสมดุลและปลอดภัย นอกจากเรื่องแบบและราคาแล้วเราควรเลือกโช้คอัพที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับ เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน