คาร์ซีต ยี่ห้อไหนดี ? วันนี้เรามีมาแนะนำ พร้อมวิธีเลือกซื้อง่าย ๆ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยตลอดการเดินทาง มีทั้งคาร์ซีตสำหรับเด็กแรกเกิด เด็กเล็ก และเด็กโต
แน่นอนว่าในการขับรถยนต์นั้น ความปลอดภัยถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ โดยเฉพาะถ้ามีเด็กหรือลูกน้อยอยู่ในรถด้วยยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้พ่อแม่ทุกคนควรมีสิ่งที่เรียกว่า "คาร์ซีต" มาติดรถไว้ เพื่อความมั่นใจและปลอดภัยของลูกตลอดการเดินทาง
คาร์ซีต ยี่ห้อไหนดี
1. Aprica Air Groove Plus
คาร์ซีตสำหรับเด็กวัย 9 เดือน - 12 ปี หรือเด็กที่มีน้ำหนัก 9-36 กิโลกรัม สามารถปรับการใช้งานได้ 3 รูปแบบ รวมทั้งการปรับเพิ่มความสูงของพนักพิงศีรษะ เพื่อให้เหมาะสมกับช่วงวัย มาพร้อมเข็มขัดนิรภัยแบบ 5 จุด และเบาะรองนั่ง 2 ชั้น ทำจาก BreathAir ที่ช่วยระบายอากาศได้ดี ด้านข้างมีที่วางแก้วน้ำไม่ให้หกเลอะเทอะ
- ราคา 8,900 บาท
2. AILEBEBE NEW PAPATTO
คาร์ซีตสำหรับเด็กวัย 1-11 ขวบ ติดตั้งง่ายด้วยระบบ ISOFIX และสามารถติดตั้งแบบระบบ LATCH ได้ มีหมอนรองศีรษะถึง 3 ชั้น เพื่อช่วยปกป้องศีรษะด้านข้าง ตัวเบาะปรับใช้งานได้ 3 รูปแบบ ตามช่วงวัย สามารถปรับเอนได้ 100-120 องศา เนื้อผ้าตาข่ายเรียบและนุ่ม พร้อมช่องระบายอากาศ 864 ช่อง ช่วยระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น
- ราคา 16,900 บาท
3. Camera Safia 2
คาร์ซีตสำหรับเด็กเล็กจนถึง 12 ปี รับน้ำหนักได้ถึง 35 กิโลกรัม ตัวเบาะสามารถหมุนได้ 360 องศา อุ้มเด็กขึ้นนั่งได้สะดวก ติดตั้งง่าย แข็งแรง ทั้งระบบ ISOFIX และเข็มขัดรถยนต์ พร้อมทั้งโครงสร้างเบาะ Guard Surround Safety ช่วยป้องกันการกระแทกบริเวณศีรษะรอบด้าน เบาะสามารถปรับเอนได้ 3 ระดับ ตั้งแต่ 145-165 องศา และปรับความสูงได้ 7 ระดับ เข็มขัดเป็นแบบ 5 ทิศทาง ป้องกันสายเข็มขัดไม่ให้เสียดสีกับใบหน้า ลำคอ และท่อนขา
- ราคา 6,590 บาท
4. Joie Every Stage
คาร์ซีตที่ใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึง 12 ปี ปีกข้างขยายได้ตามตัวของเด็ก พร้อมป้องกันแรงกระแทกด้านข้าง ปรับความสูงได้ถึง 10 ระดับ และปรับเอนได้ 6 ระดับ (หันเข้าปรับได้ 2 / หันออกปรับได้ 4) สามารถติดตั้งง่ายด้วยเข็มขัดนิรภัย เนื้อผ้าสามารถระบายความร้อนได้ดี เบาะสามารถถอดทำความสะอาดได้
- ราคา 9,400 บาท
5. Combi Joytrip EG
คาร์ซีตที่เหมาะสำหรับเด็กอายุ 1-11 ขวบ รับน้ำหนักได้ 9-36 กิโลกรัม ติดตั้งกับเข็มขัดนิรภัย ตัวเบาะสามารถปรับได้ 3 แบบ ตามช่วงอายุของเด็ก มาพร้อมเทคโนโลยี Egg Shock ช่วยรองรับแรงสั่นสะเทือนบริเวณศีรษะและลำตัว เบาะรองนั่งแบบผ้าตาข่าย 3D ระบายอากาศได้ดี และสามารถถอดซักในเครื่องซักผ้าได้
- ราคา 18,500 บาท
6. Glowy Star GLOWY-W Rotera 360 Carseat
คาร์ซีตหมุนได้ 360 องศา เพื่อความสะดวกสบายในการอุ้มลูกขึ้น-ลงจากคาร์ซีต หรือเปลี่ยนจากการนั่งแบบหันหน้าเข้าหาเบาะเป็นหันหน้าออกจากเบาะก็ทำได้ง่าย ใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงประมาณ 4 ขวบ รับน้ำหนักได้ 18 กิโลกรัม ติดตั้งได้ทั้งแบบ ISOFIX และแบบเข็มขัดนิรภัย ตัวคาร์ซีตมีเข็มขัดนิรภัยแบบ 5 จุด โดยที่รองศีรษะและสายเข็มขัดปรับได้ 7 ระดับ ส่วนตัวเบาะปรับเอนได้ 4 ระดับ
- ราคา 8,990 บาท
7. Maxi-Cosi CabrioFix
คาร์ซีตสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึง 1 ขวบ ความสูง 45-75 เซนติเมตร สามารถรองรับน้ำหนักได้ 13 กิโลกรัม เลือกติดตั้งได้ทั้งแบบเข็มขัดนิรภัยและ ISOFIX มีซัพพอร์ตรองรับบริเวณศีรษะของเด็ก ส่วนผ้าหุ้มเบาะนั้นสามารถถอดซักด้วยเครื่องซักผ้าได้สะดวก
- ราคา 13,900 บาท
8. Graco 4Ever DLX Extend2Fit 4 In 1
คาร์ซีตสำหรับเด็กแรกเกิดขึ้นไปจนถึงอายุ 10 ขวบ รองรับน้ำหนักได้มากถึง 54.5 กิโลกรัม รองรับการใช้งานได้หลายรูปแบบทั้งหันหน้าเข้าและออก สามารถปรับเอนได้ 6 ระดับ มีซัพพอร์ตรองรับบริเวณศีรษะปรับความสูงได้ 10 ระดับ เข้ากับทุกช่วงวัย ผ้าหุ้มเบาะถอดซักทำความสะอาดได้
-
ราคา 22,396 บาท
9. Chicco Nextfit Zip Baby Car Seat-Geo
คาร์ซีตสำหรับเด็กแรกเกิดขึ้นไป ติดตั้งได้ทั้งแบบหันหน้าเข้าและหันหน้าออก ปรับระดับความสูงของพนักศีรษะและระดับการนั่งได้ 9 ระดับ ติดตั้งง่ายด้วยอุปกรณ์ยึดคาร์ซีต SuperCinch LATCH tightener ผ้าหุ้มเบาะถอดซักทำความสะอาดได้ง่าย มีที่ใส่แก้วน้ำและขวดนม
-
ราคา 16,358 บาท
10. Recaro Young Sport Hero Prime-Silent
คาร์ซีตที่ใช้ได้ตั้งแต่เด็กอายุ 9 เดือน - 12 ปี ปรับการใช้งานได้หลายรูปแบบทั้งหันหน้าเข้าและหันหน้าออก พนักพิงสามารถปรับเอนได้ 2 ระดับ มีเข็มขัดนิรภัย 5 ตำแหน่ง ปรับรูปแบบตามช่วงอายุของเด็กได้ พนักพิงศีรษะปรับความสูงได้ 3 ระดับ ตัวคาร์ซีตมีน้ำหนักเบาเพียง 8 กิโลกรัม เคลื่อนย้ายสะดวก
-
ราคา 15,196 บาท
คาร์ซีต มีประโยชน์ยังไง จำเป็นไหม
หากคุณมีลูกน้อยที่ต้องนั่งรถไปด้วยกัน โดยเฉพาะเด็กแรกเกิดหรือเด็กเล็ก การใช้เข็มขัดนิรภัยที่ติดมากับรถยนต์นั้นอาจรัดตัวลูกได้ไม่พอดี ทำให้เวลาเกิดอุบัติเหตุตัวเด็กอาจหลุดจากเข็มขัดได้ ซึ่งการใช้คาร์ซีตที่มีขนาดพอดีกับตัวเด็กจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น แถมยังทำให้ลูกน้อยนั่งได้สบายอีกด้วย จึงถือว่าคาร์ซีตเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ และช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถขับรถได้อย่างมีสมาธิ ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกนั่นเอง
นอกจากนี้ ล่าสุดราชกิจจานุเบกษา ยังได้เผยแพร่ประกาศ พ.ร.บ.จราจรทางบก ให้เด็กอายุไม่เกิน 6 ขวบ หรือสูงไม่ถึง 135 เซนติเมตร ต้องนั่งคาร์ซีตสำหรับเด็ก ถ้าหากฝ่าฝืนมีโทษปรับ 2,000 บาท อีกด้วย (อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่นี่) ซึ่งก็หมายความว่าพ่อแม่ที่มีเด็กเล็กในรถจำเป็นต้องนั่งคาร์ซีตทุกคน
คาร์ซีต มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
คาร์ซีตจะแบ่งออกเป็นหลายประเภทขึ้นอยู่กับอายุและวัยของเด็ก โดยในบางรุ่นอาจถูกออกแบบมาให้สามารถปรับเบาะได้หลายแบบตามวัย ซึ่งมีแยกออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1. คาร์ชีตแบบกระเช้า
คาร์ซีตสำหรับเด็กแรกเกิดถึง 1 ขวบ น้ำหนักตัวไม่เกิน 15 กิโลกรัม ที่ยังไม่สามารถนั่งได้ ตัวเบา มีขนาดเล็ก ขอบเบาะจะมีขนาดพอดีหรือสูงกว่าศีรษะของเด็กเล็กน้อย คล้ายกับการให้เด็กนั่งบนรถเข็นโดยมีเข็มขัดนิรภัยพอดีตัว
2. คาร์ซีตแบบนั่ง
คาร์ซีตสำหรับเด็กเล็กที่มีอายุไม่เกิน 4 ขวบ สามารถนั่งได้แล้ว อาจสามารถปรับหมุนให้หันหน้าเข้าหรือออกจากเบาะได้ หรือปรับเอนนอนได้หลายระดับ
3. บูตเตอร์ซีต
คาร์ซีตสำหรับเด็กโต อายุตั้งแต่ 3-11 ขวบ ซึ่งจะมีทั้งแบบพนักพิงสูงที่ออกแบบให้มีขนาดพอดีตัวของเด็ก และแบบที่ไม่มีพนักพิง เป็นเบาะรองนั่งเพื่อให้ตัวเด็กสูงขึ้นจนคาดเข็มขัดนิรภัยได้พอดี
วิธีเลือกซื้อคาร์ซีต
ในการเลือกซื้อคาร์ซีต นอกจากจะเลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือและผลิตได้มาตรฐาน เพื่อความอุ่นใจว่าลูกน้อยนั่งแล้วจะปลอดภัย ยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ควรนำมาประกอบการพิจารณาอีก ดังนี้
1. ประเภทของคาร์ซีต
จำเป็นต้องเลือกคาร์ซีตประเภทที่เหมาะกับวัยของลูก ถ้าเป็นวัยแรกเกิดให้เลือกแบบกระเช้า แต่ถ้าเริ่มโตจนนั่งได้แล้วก็ให้เลือกคาร์ซีตแบบนั่ง ส่วนเด็กโตอาจเลือกเป็นแบบบูตเตอร์ซีต จะเป็นแบบมีพนักพิงหรือไม่ก็ได้
2. รูปแบบการติดตั้ง
การติดตั้งคาร์ซีตจะมี 2 แบบ คือ การติดตั้งรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า ISOFIX (International Standards Organization Fix) ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะติดตั้งง่าย ไม่ต้องติดตั้งกับเข็มขัดนิรภัย ส่วนอีกแบบจะเป็นการติดตั้งกับเข็มขัดนิรภัย สามารถติดตั้งกับรถรุ่นเก่า ๆ ที่ไม่รองรับ ISOFIX ได้ แต่คาร์ซีตหลาย ๆ รุ่นก็อาจสามารถเลือกติดตั้งได้ทั้ง 2 แบบ
3. การปรับเอนหรือหมุน
หากเลือกใช้คาร์ซีตที่สามารถปรับเอนได้จะมีประโยชน์ คือไว้ปรับขณะลูกนอนหลับ เพื่อให้นอนสบายขึ้น ส่วนการปรับหมุนนั้นจะมีประโยชน์สำหรับใช้กับเด็กแรกเกิด คือสามารถปรับให้ลูกหันหน้าเข้าหรือหันหน้าออกจากเบาะรถก็ได้
4. การระบายอากาศที่ดี
เนื้อผ้าของคาร์ซีตที่ดีควรจะมีคุณสมบัติสามารถระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น เพื่อไม่ให้เด็กรู้สึกร้อนหรือไม่สบายตัวเมื่อต้องนั่งอยู่ในรถเป็นเวลานาน ๆ รวมทั้งช่วยลดกลิ่นเหม็นอับเมื่อมีเหงื่อออก นอกจากนี้ผ้าหุ้มหรือตัวเบาะก็ควรถูกออกแบบมาให้สามารถถอดซักทำความสะอาดได้ง่ายด้วย
5. ออปชั่นเสริมอื่น ๆ
คาร์ซีตบางรุ่นอาจมีออปชั่นเสริมสำหรับช่วยอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ที่วางแก้วหรือขวดนม ช่องเก็บของหรือสัมภาระต่าง ๆ ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่ถ้าคิดว่าต้องการใช้งานก็ควรเลือกคาร์ซีตรุ่นที่มีออปชั่นเสริมเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะให้ลูกนั่งคาร์ซีตแล้ว แต่พ่อแม่ก็ต้องไม่ลืมที่จะขับรถอย่างมีสติและไม่ประมาทด้วย เพราะการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุย่อมเป็นสิ่งที่ดีและปลอดภัยที่สุด
บทความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องคาร์ซีต
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : apricathailand.com, ailebebethailand.com, camera.co.th, joiebaby.com, combi.co.th, glowystar.com, maxi-cosi.com, gracobaby.com, chicco.co.th, recaro-kids.com