รถยนต์เครื่อง 1.5 ปี 2022 มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง

แนะนำ ! รถยนต์เครื่อง 1.5 น่าใช้ปี 2022 สำหรับคนที่กำลังมองหารถคันใหม่ที่มีขุมพลังนี้อยู่ บอกเลยว่าห้ามพลาด

เครื่องยนต์ 1.5 หรือ 1,500 ซี.ซี. เป็นบล็อกเครื่องยนต์สันดาปที่ได้รับความนิยมกันมาอย่างยาวนาน อาจเป็นเพราะด้วยสมรรถนะในการใช้งานที่ครอบคลุม และสามารถใช้ได้ทั้งในเมืองและเดินทางต่างจังหวัดไกล ๆ รวมถึงการบำรุงรักษาที่ดูแลได้ง่าย ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบเครื่องยนต์ N/A ที่เป็นเครื่องยนต์ดูดอากาศแบบธรรมชาติ หรือจะเป็นเครื่องที่มาพร้อมกับเทอร์โบชาร์จ และยังมีเครื่องยนต์แบบลูกผสม ที่เป็นทั้งเครื่องยนต์ e:HEV ที่เรารู้จักกันในชื่อรถ Hybrid และเครื่องยนต์แบบ PHEV ที่เรียกกันอย่างเป็นทางการว่ารถ Plug-In Hybrid นอกจากนี้ ยังถูกติดตั้งอยู่ในรถหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นซีดาน แฮตช์แบ็ก ไปจนถึงรถอเนกประสงค์ โดยวันนี้เราจะพาไปแนะนำให้รู้จักกัน ว่ามีคันไหนน่าสนใจบ้าง 

สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถใหม่ จะมีวิธีการเลือกหรือตัดสินใจอย่างไร เพื่อให้ได้รถที่เหมาะกับตัวเราและการใช้งานมากที่สุด มาดูกันเลย !

• เลือกประเภทรถจากการใช้งาน คุณควรพิจารณาก่อนว่าจะนำรถไปใช้งานแบบไหน เพราะปัจจุบันรถยนต์มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นรถ Eco Car ขนาดเล็ก รถเก๋ง ปิกอัพ หรือรถอเนกประสงค์ เช่น ถ้าใช้งานคนเดียวและใช้งานในเมืองเป็นหลักก็ควรเลือกรถที่ประหยัดอย่าง Eco Car หรือรถขนาดเล็ก แต่ถ้าต้องการซื้อรถมาใช้ภายในครอบครัว ถ้าเป็นครอบครัวขนาดเล็ก มีสมาชิก 2-3 คน ก็เลือกรถยนต์เก๋งซีดานหรือรถแฮตช์แบ็กแบบ 5 ประตู แต่ถ้ามีสมาชิกมากกว่า 5-7 คนขึ้นไป ก็ต้องเป็นรถครอบครัวที่จะมีทั้งในรูปแบบ SUV, MPV หรือ Mini Van 
   
• ตรวจสอบรายได้ของตนเอง ควรตรวจเช็กรายรับและรายจ่ายของตนเองว่าเพียงพอต่อค่าผ่อนรถหรือไม่ โดยค่าผ่อนรายเดือนไม่ควรเกิน 20-30% ของรายได้ เนื่องจากการซื้อรถใหม่ยังมีค่าใช้จ่ายรายเดือนและรายปีอื่น ๆ อีกด้วย
   
• ตรวจสอบข้อมูลและรุ่นรถที่ต้องการให้ดี หลังจากตรวจสอบงบประมาณว่าพอสำหรับค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว ให้มาเช็กรายละเอียดดูว่ามีรถยี่ห้อไหน หรือรุ่นไหนบ้าง นำมาเปรียบเทียบกัน ให้ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด จากนั้นก็ให้ไปลองนั่ง ลองขับที่โชว์รูมรถ ก่อนที่จะกลับมาตัดสินใจอีกรอบ
   
• ให้ดูรถจากตัวแทนขายหลาย ๆ ที่ หลังจากที่ตัดสินใจและได้รุ่นที่ต้องการ ให้ตระเวนดูรถจากผู้แทนจำหน่ายหลาย ๆ ที่ ก่อนจะตัดสินใจซื้อ ซึ่งอาจจะเสียเวลาบ้างแต่ก็จะคุ้มค่า เพราะเซลส์ของแต่ละที่อาจให้ข้อเสนอที่แตกต่างกันไป บางเจ้าอาจมีส่วนลดที่มากกว่า รวมถึงมีของแถมที่ถูกใจกว่า
   
• ต้องได้จับและทดลองขับก่อนซื้อ หลังจากที่ได้บทสรุปแล้วว่าต้องการรถรุ่นนี้ ควรต้องได้สัมผัสกับรถคันจริง พร้อมตรวจสอบดูว่ามีออปชั่นและสมรรถนะตรงตามความต้องการของเราหรือไม่ และที่สำคัญต้องได้ทดลองขับขี่จริง

Toyota Veloz Mini MPV รถครอบครัว แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง เจเนอเรชั่นใหม่ ที่นำเข้ามาจากอินโดนีเซีย โดยเข้ามาทำตลาดแทน Toyota Avanza

รูปลักษณ์ภายนอกมากับดีไซน์ใหม่รอบคัน กระจังขนาดใหญ่รูปทรงหกเหลี่ยม ไฟเลี้ยวแบบ Sequential ล้ออัลอยมีขนาด 16-17 นิ้ว ภายในห้องโดยสารออกแบบให้กว้างเทียบเท่ารถระดับ C-segment เบาะนั่งแถวที่ 2 และ 3 สามารถพับได้ถึง 7 รูปแบบ จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว หน้าอินโฟเทนเมนต์มขนาด 9 นิ้ว ที่ชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย พร้อมช่องต่อ USB

ด้านขุมพลังติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลัง 106 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ CVT พร้อม Sequental Shift ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ ด้านความประหยัดทาง Toyota เคลมไว้ว่าจะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันสูงสุดถึง 17.9 กิโลเมตร/ ลิตร 

ราคาจำหน่าย

• Toyota Veloz Premium  ราคา 875,000 บาท
• Toyota Veloz Smart  ราคา 795,000 บาท

เริ่มกันด้วยรถครอสโอเวอร์อย่าง Honda HR-V e:HEV ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งได้รับการปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่หมดรอบคันจากรุ่นที่ผ่านมา 

ในด้านรูปลักษณ์ภายนอก มากับกระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำในรุ่นเริ่มต้น ส่วนในรุ่น e:HEV EL จะเป็นสีเดียวกับตัวรถ รุ่น Top Line ตัว RS จะเป็นโครเมียมที่เน้นความสปอร์ต ตรงกลางมีโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า ภายในห้องโดยสารจะเป็นแบบ 5 ที่นั่ง เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง เบาะนั่งด้านหลังปรับพับได้แบบ 40:60 สามารถปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ 

ด้านขุมพลังมากับเครื่องยนต์ฟูลไฮบริด e:HEV 1.5 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว จะให้กำลังขับเคลื่อน 131 แรงม้า มาพร้อมกับแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ที่ติดตั้งอยู่ที่ใต้พื้นห้องโดยสารด้านหลัง ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ E-CVT

ราคาจำหน่าย

• Honda HR-V e:HEV 2021 รุ่น E ราคา 979,000 บาท

• Honda HR-V e:HEV 2021 รุ่น EL ราคา 1,079,000 บาท

• Honda HR-V e:HEV 2021 รุ่น RS ราคา 1,179,000 บาท

Honda Civic ถือเป็นเรือธงรุ่นสำคัญอีกรุ่นของทางฮอนด้า ปัจจุบัน Honda Civic ที่วางจำหน่ายในเมืองไทยเป็นเจเนอเรชั่นที่ 11 โดยจะมีให้เลือกถึง 3 รุ่นย่อย ได้แก่ EL, EL+ และ RS ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแฮตช์แบ็ก 5 ประตู

ด้านรูปลักษณ์ภายนอกได้รับการตกแต่งให้ดูสปอร์ต ชุดไฟหน้าจะมีทั้งแบบโปรเจกเตอร์ และ LED ขึ้นอยู่แต่ละรุ่นย่อย โดยในรุ่น RS จะมาพร้อมชุดแต่งรอบคัน ท่อไอเสียแบบคู่ ภายในห้องโดยสารถูกติดตั้งเบาะนั่งหุ้มวัสดุตกแต่งด้วยตะเข็บสีแดง เบาะนั่งฝั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง 

ขุมพลังของ Honda Civic จะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน VTEC TURBO ความจุ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับเชื้อเพลิง E20 

ราคาจำหน่าย 

• Honda Civic 1.5 VTEC TURBO ราคา 1,104,000 บาท
• Honda Civic 1.5 VTEC TURBO RS ราคา 1,219,000 บาท
• Honda Civic Hatchback 1.5 VTEC TURBO RS ราคา 1,229,000 บาท

Honda City e:HEV RS ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เพราะได้นำเครื่องยนต์ไฮบริดมาใช้เป็นครั้งแรกในตระกูล City Series

รูปลักษณ์ภายนอกของ Honda City e:HEV RS จะเหมือนกับรุ่นเครื่องยนต์ TURBO แต่แตกต่างกันตรงที่รุ่น e:HEV จะใช้โลโก้ฮอนด้าสีฟ้า และเพิ่มสัญลักษณ์ e:HEV ที่ท้ายรถ มาพร้อมสัญลักษณ์ RS ทั้งด้านหน้าและหลัง ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมดิสก์เบรก ภายในห้องโดยสารเบาะหนังหุ้มด้วยหนังกลับเดินด้ายสีแดง จอเรือนไมล์แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว หน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 8 นิ้ว แบบสัมผัส 

สมรรถนะเครื่องยนต์ของ Honda City e:HEV RS มากับขุมไฮบริด Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHCi-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ที่ให้กำลัง 98 แรงม้า กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่ให้กำลังรวมสูงสุด 109 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ E-CVT 

ราคาจำหน่าย

• Honda City e:HEV RS ราคา 839,000 บาท 

• Honda City Hatchback e:HEV RS ราคา 849,000 บาท

Haval Jolion Hybrid เป็นรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กพิกัด B-SUV ที่พ่วงด้วยขุมพลังไฮบริด 1.5 ถูกเปิดตัวต่อมาจาก Haval H6 Hybrid เมื่อช่วงปลายปี 2564 

โดย Haval Jolion ถูกสร้างบนแพลตฟอร์ม GWM LEMON ที่เป็นแบบเดียวกับ Haval H6 กระจังหน้าเป็นแบบ Star Matrix โดดเด่นด้วยโลโก้ HAVAL ตรงกลาง ชุดไฟหน้า LED เต็มระบบ ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยวัสดุแบบ Soft Touch 

ในด้านขุมพลัง Hybrid ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ DHT ไปยังคู่ล้อหน้า โดยมีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 23.8 กิโลเมตร/ลิตร และมีระบบขับขี่ทั้งหมด 4 โหมด ได้แก่ Standard, Sport, ECO และ Rain 

ราคาจำหน่าย

• Haval Jolion รุ่น TECH ราคา 879,000 บาท

• Haval Jolion รุ่น PRO ราคา 939,000 บาท

• Haval Jolion รุ่น ULTRA ราคา 999,000 บาท

HAVAL H6 Hybrid รถ SUV สัญชาติจีน 100% ที่ถูกออกแบบรูปลักษณ์มาในสไตล์รถยุโรป มาพร้อมด้วยเส้นสายมิติตัวรถที่ดูบึกบึนใหญ่โต 

กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมด้านในเป็นลายตะแกรงสีโครเมียม พร้อมโลโก้ HAVAL ตรงกลางขนาดใหญ่ ขนาบข้างด้วยชุดไฟส่องสว่างแบบ LED เต็มรูปแบบ ส่วนด้านท้ายติดตั้งชุดไฟท้าย LED Taillight Strip เสริมความเด่นด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาดใหญ่ 19 นิ้ว ภายในตกแต่งด้วยความเรียบหรู หน้าปัดแสดงข้อมูลเป็นดิจิทัลขนาด 10 นิ้ว ส่วนหน้าอินโฟเทนเมนต์เป็นแบบสัมผัสขนาด 12 นิ้ว 

ในด้านขุมพลังติดตั้งเครื่องยนต์ไฮบริดเทอร์โบซูเปอร์ชาร์จ VGT 1.5 ลิตร GW4B15D GDIT EVO ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้แรงม้ารวม 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ DHT 

ราคาจำหน่าย

• Haval H6 Hybrid 2021 รุ่น PRO ราคา 1,149,000 บาท  

• Haval H6 Hybrid 2021 รุ่น ULTRA ราคา 1,249,000 บาท

MG5 รถยนต์สไตล์สปอร์ตคูเป้ซีดาน ที่มีขนาดมิติตัวรถเทียบชั้นรถซีดาน C-Segment แต่ราคาค่าตัวอยู่ในระดับรถ Eco Car 

MG5 เป็นรถสปอร์ตคูเป้ซีดาน ที่มากับสไตล์โฉบเฉี่ยว ด้านรูปลักษณ์ภายนอกนั้นถูกติดตั้งไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED กระจังหน้าถูกออกแบบให้ดูเป็น 3 มิติ Digital Burning Grille ขณะที่ไฟท้ายเป็นแบบ LED ดีไซน์ Leopard Claw พร้อมล้ออัลลอยแบบ 5 ก้าน ขนาด 17 นิ้ว และหลังคาซันรูฟ ภายในเบาะนั่งเน้นความกว้างขวาง มากับหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว หน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว กล้องมองภาพรอบทิศทาง 3 มิติ 

ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 สปีด

ราคาจำหน่าย

• MG5 รุ่น C ราคา 569,000 บาท

• MG5 รุ่น D ราคา 609,000 บาท

• MG5 รุ่น X ราคา 699,000 บาท

MG HS PHEV เป็นรถ SUV ที่ได้รับติดตั้งเครื่องยนต์ Plug-In Hybrid ที่มาในระดับที่เข้าถึงง่ายในราคาเริ่มเพียง 1 ล้านต้น ๆ 

MG HS PHEV เป็นรถอเนกประสงค์ที่ต่อยอดจาก MH HS รุ่นปกติ ดังนั้นในเรื่องรูปร่างหน้าตาจึงถอดด้ามมาจาก MG HS ทั้งชุด กระจังหน้าแบบ Stellar Magnetic Field ชุดไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบ LED ทั้งระบบ มากับไฟเลี้ยวแบบ Sequential ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ส่วนที่แตกต่างแบบเด่นชัดของ MG HS PHEV กับ MH HS จะเป็นในส่วนฝาปิดช่องชาร์จไฟฝั่งคนขับบริเวณใกล้กับประตูหลังที่ถูกเพิ่มเข้ามา

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุ Soft Touch เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Alcantara ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง หน้าจอเรือนไมล์ชุดเรือนไมล์ขนาด 12 นิ้ว ระบบอินโฟเทนเมนต์ติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว 

ในด้านขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Turbo TGI ให้กำลังได้ 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร เสริมกำลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลังได้ 122 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตันเมตร และทำงานผสานกันให้กำลังรวม 284 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ด้านแบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียมไอออนขนาด 16.6 kWh สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าล้วน ๆ เป็นระยะทางถึง 67 กม. 

MG HS PHEV ราคาจำหน่าย 

• MG HS PHEV ราคา 1,359,000 บาท

Mitsubishi Xpander Cross Mini MPV 7 ที่นั่ง ที่ถูกต่อมาจาก Mitsubishi Xpander ตกแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน พร้อมปรับความสูงของตัวรถเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถลุยในเส้นทางออฟโรดได้แบบเล็ก ๆ 

รูปลักษณ์ภายนอกใช้กระจังแบบ DYNAMIC SHIELD ชุดไฟหน้า LED พร้อมกับปรับมิติด้านหน้ารถให้กว้างขึ้น 50 มม. เพื่อให้ตัวรถดูบึกบึน ตกแต่งข้างประตูและซุ้มล้อด้วยวัสดุสีดำ เพื่อรับกับล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 17 นิ้ว ตัวรถปรับความสูงขึ้นอีก 20 มม. จากรุ่นมาตรฐาน ส่งผลให้ตัวรถมีความสูงจากพื้นถึง 225 มม. และยังปรับแต่งในส่วนช่วงล่างใหม่ ภายในห้องโดยสารเป็นแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง แถวที่ 3 สามารถพับแยกแบบ 50:50 สามารถปรับเบาะทั้ง 2 แถวให้แบนราบเพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับการจัดเก็บสัมภาระขนาดใหญ่

ขุมพลังขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน DOHC MIVEC ขนาด 1.5 ลิตร พละกำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด 

Mitsubishi Xpander ราคาจำหน่าย

• Mitsubishi Xpander GLS-LTD ราคา 789,000 บาท

• Mitsubishi Xpander GT ราคา 863,000 บาท

• Mitsubishi Xpander Cross ราคา 919,000 บาท

Suzuki XL7 เป็นรถ Mini MPV ในรูปแบบสปอร์ตพร้อมลุยที่ถูกเปิดตัวตามหลัง Suzuki Ertiga รถครอบครัวแบบ 7 ที่นั่ง

รูปลักษณ์ภายนอกมาในสไตล์สปอร์ตพรีเมียม ตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียมตามส่วนต่าง ๆ กระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำคาดด้วยโครเมียม โดยได้แรงบันดาลใจมาจากดาบซามูไร Katana ภายในห้องโดยสารตกแต่งวัสดุด้วยลาย Carbon Fiber พร้อมคิ้วโครเมียม เบาะที่นั่งเป็นแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตแบบ Bucket Seat พวงมาลัยไฟฟ้าปรับสูง-ต่ำ เบาะฝั่งคนขับสามารถปรับสูง-ต่ำได้ เบาะแถว 2 พับด้วยระบบ One Touch แบบ 60:40 ส่วนเบาะแถว 3 พับได้ 50:50  

สมรรถนะเครื่องยนต์ของ Suzuki XL7 มากับขุมพลังเครื่องยนต์ K15B ขนาด 1.5 ลิตร มอบกำลังสูงสุดถึง 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด 

Suzuki XL7 ราคาจำหน่าย  

• Suzuki XL7 GLX ราคา 779,000 บาท

และนี่เป็น 10 รถยนต์ขุมพลังเครื่องยนต์ 1.5 ที่มีวางจำหน่ายในตลาดเมืองไทย ซึ่งจะเห็นได้ว่าไม่ได้มีอยู่ในทุกแบรนด์ นั่นอาจเป็นเพราะด้วยปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความนิยมของผู้ใช้รถ ที่หันไปใช้รถ Eco Car เพราะราคาถูกกว่า รวมถึงนโยบายของทางผู้ผลิตที่เน้นผลิตเครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่มีประสิทธิภาพทัดเทียมเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ อีกทั้งยังประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง หรือที่เรียกว่า Downsizing Engine (ดาวน์ไซส์ซิง เอนจิน) ที่กำลังกลายมาเป็นเทรนด์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ยุคปัจจุบันนี้