รถกระบะ 4 ประตู หรือรถกระบะ Double Cab ในปี 2021 ที่มีทั้งความอเนกประสงค์ รูปลักษณ์สวยงาม สมรรถนะยอดเยี่ยม มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกัน
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รถกระบะ นับว่าเป็นรถยนต์อีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะรถกระบะแบบ 4 ประตู เพราะนอกจากใช้บรรทุกของได้มากขึ้นแล้ว ยังมีพื้นที่โดยสารกว้างขวางและสะดวกสบายไม่น้อยเลยทีเดียว
เช็กก่อนซื้อ รถกระบะ 4 ประตู เหมาะกับคุณจริงไหม ?
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหารถกระบะ 4 ประตูไว้ใช้งานสักคัน ลองตรวจสอบและตรองดูสักนิดก่อนว่า จุดประสงค์ของการซื้อรถกระบะของคุณคืออะไร ไม่ใช่แค่ความอเนกประสงค์แบบเผื่อไว้ก่อน เพราะเมื่อตัดสินใจซื้อมาแล้ว จะมาเปลี่ยนใจทีหลังนั้นอาจสายเกินไป
สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือ เน้นนั่งหรือต้องการบรรทุก เพราะต้องแลกมากับพื้นที่ที่มีจำกัดมากขึ้นด้วย ซึ่งแม้กระบะ 4 ประตูจะมีพื้นที่นั่งตอนหลังที่กว้าง แต่เรื่องความนุ่มนวลนั่งสบายของผู้โดยสารยังไม่อาจเทียบเท่ารถเก๋ง ขณะเดียวกันยังมีข้อจำกัดในเรื่องน้ำหนักการบรรทุกอีกด้วย ไม่ใช่ว่าซื้อรถกระบะแล้วจะบรรทุกเท่าไหร่ หรือขนอะไรตามใจก็ได้นะ !
อีกเรื่องที่สำคัญคือ รถกระบะเป็นรถที่มีขนาดใหญ่หน้ากว้าง หากการใช้ชีวิตประจำวันของคุณอยู่ในเมืองที่มีการจราจรคับคั่ง พื้นที่แออัด ที่จอดรถแคบ การซื้อรถกระบะมาเพื่อใช้โดยสารในเมืองก็อาจจะไม่เหมาะ เพราะไม่สะดวกในหลายด้าน ไหนจะที่จอดรถ ไหนจะรถติด แถมกินน้ำมันอีก อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อคิดเบื้องต้นก่อนตัดสินใจซื้อเท่านั้น ความเหมาะสมทั้งหมดทั้งมวลขึ้นอยู่กับคุณที่เป็นคนตัดสินใจ
รถกระบะ 4 ประตู 2021 รุ่นไหนดี
1. Toyota Hilux Revo Prerunner Double Cab 2x4 2.4 High AT
เปิดหัวกันด้วย Toyota Hilux Revo Prerunner Double Cab เป็นรุ่นย่อยของ Revo ที่ถูกจับตามองมากในตลาด มากับดีไซน์ใหม่ที่ดุดัน แข็งแกร่งขึ้น กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้า LED แบบ Bi-Beam มาพร้อม ไฟ LED Daytime Running Light เสริมความหล่อด้วยชุดไฟท้าย LED Light Guiding ด้านข้างกระจกมองข้างครอบด้วยวัสดุโครเมียม ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า มาพร้อมไฟเลี้ยวในตัว
ภายในห้องโดยสาร เบาะคู่หน้าบุหนังและหนังสังเคราะห์ ปรับด้วยระบบไฟฟ้า พวงมาลัยปรับ 4 ทิศทางพร้อมปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นต่าง ๆ ระบบเครื่องเสียงจอสัมผัส 8 นิ้วรองรับ Apple CarPlay และ T-Connect ระบบ Push Start กระจกไฟฟ้าปรับขึ้นลงอัตโนมัติ พร้อมระบบกันหนีบ เบาะนั่งด้านหลังปรับยกเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปรับอิสระแยกซ้าย-ขวา นอกจากนั้นในส่วนฟังก์ชั่นความปลอดภัย โดดเด่นด้วยกล้องมองรอบคัน ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA และ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM
สมรรถนะเครื่องยนต์
ในด้านขุมพลังของ Toyota Hilux Revo Prerunner Double Cab ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.4 ลิตร VN Turbo และ Intercooler ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดอัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift เป็นแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง B20
ด้านระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ระบบกันสะเทือนหลังแบบแหนบซ้อนกัน 3 แผ่น เสริมความหล่อด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว มาพร้อมยางขนาด 265/60R18
Toyota Hilux Revo Prerunner Double Cab ราคาจำหน่าย
-
Prerunner Double Cab Prerunner 2x4 2.4 Entry ราคา 807,000 บาท
-
Prerunner Double Cab Prerunner 2x4 2.4 Entry AT ราคา 857,000 บาท
-
Prerunner Double Cab Prerunner 2x4 2.4 Mid ราคา 872,000 บาท
-
Prerunner Double Cab Prerunner 2x4 2.4 Mid AT ราคา 922,000 บาท
-
Prerunner Double Cab Prerunner 2x4 2.4 High ราคา 959,000 บาท
-
Prerunner Double Cab Prerunner 2x4 2.4 High AT ราคา 1,009,000 บาท
2.Toyota Hilux Revo Z Edition Double Cab 2.4 Mid AT
Toyota Hilux Revo Z Edition Double Cab 2.4 Mid AT ที่ชูจุดเด่นเป็นรถกระบะตัวเตี้ยหน้าหล่อแต่งซิ่ง ที่มีการปรับดีไซน์ด้านหน้าถอดแบบมาจากรุ่น Prerunner และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า Bi-Beam LED เปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home และไฟท้ายแบบ LED Light Guiding ตัวรถสามารถใช้งานได้หลากหลายทั้งใช้เป็นรถยนต์นั่งในชีวิตประจำวัน หรือจะใช้งานบรรทุก
ภายในห้องโดยสารถูกติดตั้งหน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบ Apple CarPlay และระบบเชื่อมต่อ T-Connect พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง เบาะนั่งปรับพับแยกแบบ 60:40, กุญแจแบบพับเก็บได้ และปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ Eco/Power
ระบบความปลอดภัยมากับถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยหัวเข่าฝั่งผู้ขับขี่, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD และเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ทุกตำแหน่ง
สมรรถนะเครื่องยนต์
Toyota Hilux Revo Z Edition 2021 จะมากับขุมพลังครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.4 ลิตร VN Turbo ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เป็นแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง B20
ระบบช่วงล่าง ด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ระบบกันสะเทือนหลังแบบแหนบซ้อนกัน 3 แผ่น ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของทาง Toyota ที่เพิ่มความนุ่มนวลระหว่างการขับขี่มากขึ้น
Toyota Hilux Revo Z Edition Double Cab ราคาจำหน่าย
- Toyota Hilux Revo Z Edition Double Cab 2.4 Entry ราคา 699,000 บาท
- Toyota Hilux Revo Z Edition Double Cab 2.4 Entry AT ราคา 739,000 บาท
- Toyota Hilux Revo Z Edition Double Cab 2.4 Mid ราคา 763,000 บาท
- Toyota Hilux Revo Z Edition Double Cab 2.4 Mid AT ราคา 803,000 บาท
3. Toyota Hilux Revo GR Sport
Toyota Hilux Revo GR Sport เป็นรถกระบะสายพันธุ์สปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ถูกสร้างด้วยฝีมือคนไทย ตัวรถถูกตกแต่งพิเศษ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งระดับโลกที่เข้าร่วมการแข่งขันในรายการ World Rally Championship (WRC)
โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่เป็นสีเดียวกับตัวรถ มาพร้อมตัวอักษร TOYOTA ที่ติดตั้งอยู่ตรงกลางกระจังหน้าแทนสัญลักษณ์เดิมที่เป็นรูปสามห่วง ซุ้มล้อสีเดียวกับตัวรถตกแต่งด้วยแทบสีดําเมทัลลิก กระจกมองข้างสีดําเมทัลลิก ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า มาพร้อมระบบ Welcome Light ล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว ส่วนในรุ่นตัวเตี้ยขับเคลื่อน 2 จะเป็นล้อขนาด 17 นิ้ว สปอร์ตบาร์สีดำเมทาลิค ปิดท้ายด้วยสัญลักษณ์ GR ที่ด้านข้างและ GR Sport บริเวณด้านท้าย
ภายในห้องโดยสาร ทั้งรุ่นยกสูงขับเคลื่อน 4 และรุ่นตัวเตี้ยขับเคลื่อน 2 ล้อ มาในโทนสีดำสลับแดง ตกแต่งด้วยสี Smoke silver พร้อมตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ GR ต่างจุดต่าง ๆ เบาะนั่ง Suede แบบเจาะรู หุ้มด้วยหนังสังเคราะห์เดินด้ายสีแดง แผงคอนโซลหน้า ตกแต่งด้วยวัสดุสี Smoke silver และสีดำเมทัลลิก มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ TFT กุญแจ Smart Key ปุ่ม Push Start ติดตราโลโก้ GR ทั้งหมด
สมรรถนะเครื่องยนต์
พละกำลังของ Toyota Hilux GR Sport 2021 ทั้ง 2 รุ่น ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Sequential Shift พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง B20
ในระบบช่วงล่างของ ด้านหน้าจะเป็นแบบอิสระแบบปีกนกคู่ ด้านหลังแหนบซ้อน พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง นอกจากนั้นในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะได้รับการติดตั้ง Differential Lock ที่เฟืองท้าย และปรับเปลี่ยนในส่วนโช๊คอัพใหม่เป็นแบบโมโนทูบ ระบบเบรกด้านหน้าแบบดิสก์เบรกมาพร้อมคาลิปเปอร์สีแดง และสัญลักษณ์ GR ส่วนด้านหลังเป็นดรัมเบรก
Toyota Hilux Revo GR Sport 2021 ราคาจำหน่าย
-
Toyota Hilux Revo GR Sport D-Cab 4x2 2.8 AT ราคาจำหน่าย 889,000 บาท
-
Toyota Hilux Revo GR Sport D-Cab 4x4 2.8 AT ราคาจำหน่าย 1,299,000 บาท
4. Mazda BT-50 Double Cab
Mazda BT-50 Double Cab รุ่นใหม่มากับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว "โคโดะ ดีไซน์" (KODO Design) เส้นสายที่เรียบง่ายแต่งดงาม ภายใต้คอนเซ็ปต์ Less is More ทั้งภายนอก และภายใน เช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง
ดีไซน์ด้านหน้ากระจังหน้าเป็นแบบ Signature Wing ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน แบบ LED Signature สำหรับในรุ่น Freestyle Cab ถูกออกแบบมาให้สามารถเปิดประตูได้ง่ายทั้งจากด้านในและด้านนอกตัวรถ ขนของขึ้น-ลงได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ภายในห้องโดยสารของ ถูกออกแบบและตกแต่งในสไตล์ของรถ SUV ด้วยโทนสีเข้ม เบาะหนังและแผงประตูตกแต่งด้วยสีน้ำตาล เบาะนั่งคนขับ ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง มีช่องแอร์ พร้อมช่องจ่ายไฟ USB สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมกับที่พักแขนพับเก็บได้และที่วางแก้ว และหน้าจอแบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้วพร้อมระบบนำทาง ที่รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเสียงรอบทิศทาง พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติปรับ อุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา แบบ Dual Zone
สมรรถนะเครื่องยนต์
Mazda BT-50 Double Cab จะมีขุมกำลัง 2 แบบ คือ เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สามารถปรับเปลี่ยนจากการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ เป็น 4 ล้อตามลักษณะการขับขี่ได้ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง B20
ส่วนอีกรุ่นหนึ่งเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น กับคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลงหน้า ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว และชุดแหนบด้านหลังที่ให้ความสามารถในการบรรทุกรับน้ำหนักได้มากขึ้น รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง B20
Mazda BT-50 Double Cab ราคาจำหน่าย
- Mazda BT-50 Double Cab DBL 1.9 C ราคา 771,000 บาท
- Mazda BT-50 Double Cab DBL 1.9 S ราคา 847,000 บาท
- Mazda BT-50 Double Cab DBL 1.9 S Hi-Racer ราคา 891,000 บาท
- Mazda BT-50 Double Cab DBL 1.9 S Hi-Racer 6AT ราคา 936,000 บาท
- Mazda BT-50 Double Cab DBL 1.9 SP Hi-Racer ราคา 1,012,000 บาท
- Mazda BT-50 Double Cab DBL 1.9 SP Hi-Racer 6AT ราคา 1,070,000 บาท
- Mazda BT-50 Double Cab DBL 4×4 3.0 SP ราคา 1,118,000 บาท
- Mazda BT-50 Double Cab DBL 4×4 3.0 SP 6 AT ราคา 1,153,000 บาท
5. Nissan Navara PRO-4X Double Cab
Nissan Navara Pro 4X Double Cab เป็นรถกระบะแบบ 4 ประตู ที่มาพร้อมกับชุดแต่งพิเศษทั้งภายนอก และภายใน สำหรับสายลุยโดยเฉพาะ
กระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำด้าน พร้อมชื่อรุ่น Navara ที่สลักลงไปบนกระจังหน้า ไฟหน้า LED Projectors Quad-eyes มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ ไฟ DRL แบบ LED ทรง C-Shape กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตชายกันชนสีดำ และแผงตกแต่งสีส้มแดง ไฟตัดหมอกคู่หน้าส่องสว่างแบบ LED ด้านข้างตัวรถเพิ่มความโดดเด่นด้วยคิ้วล้อสีดำ พร้อมแผงทับทิมสีส้มแดง ส่วนมือเปิดประตู กระจกมองข้าง และราวหลังคาเป็นสีดำ ล้ออัลลอยดีสีดำขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยางแบบ All-Terrain จากแบรนด์ YOKOHAMA GEOLANDAR AT-S G012 ขนาด 255/65 R17
ภายในห้องโดยสารตกแต่งในโทนสีดำ Piano Black เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีดำเดินด้านตะเข็บสีแดงและขาว พร้อมประทับตรา PRO-4X ที่พนักพิง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ฝั่งโลโก้ Nissan สีส้มแดง มาตรวัดพร้อมจอ MID แบบสี 3 มิติขนาด 7 นิ้วหน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ Nissan Connect
ระบบปรับอากาศแยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone พร้อมมีช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ช่องชาร์จไฟ USB ทั้งคอนโซลกลาง และด้านหลัง นอกจากนั้นยังได้ติดตั้งกระจก Noise-Reducing Acoustic Glass ที่ช่วยลดเสียงรบกวนทั้ง 3 ด้าน (ยกเว้นกระจกหลัง)
สมรรถนะเครื่องยนต์
สำหรับขุมพลังเครื่องยนต์ของ Nissan Navara PRO-4X Double Cab ขับเคลื่อนด้วย เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ รหัส YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร DOHC Twin-Turbo Intercooler ให้สมรรถนะสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล ขับเคลื่อน 4 ล้อ รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง B20
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบคานแข็งแหนบซ้อน
Nissan Navara PRO-4X Double Cab ราคาจำหน่าย
- Nissan Navara PRO-4X Double Cab Calibre E 6MT ราคา 849,000 บาท
- Nissan Navara PRO-4X Double Cab Calibre E 7AT ราคา 899,000 บาท
- Nissan Navara PRO-4X Double Cab Calibre V 6MT ราคา 915,000 บาท
- Nissan Navara PRO-4X Double Cab Calibre V 7AT ราคา 965,000 บาท
- Nissan Navara PRO-4X Double Cab PRO-2X 7AT ราคา 999,000 บาท
- Nissan Navara PRO-4X Double Cab Calibre VL 7AT 4WD ราคา 1,129,000 บาท
- Nissan Navara PRO-4X Double Cab PRO-4X 7AT ราคา 1,149,000 บาท
6. Isuzu D-Max X-Series 2021 Hi-Lander 4 ประตู
Isuzu D-Max X-Series 2021 Hi-Lander รถกระบะ 4 ประตู แบบขับ 2 ยกสูง ที่ได้รับการตกแต่งใหม่ สไตส์สปอร์ตพรีเมียมรอบคัน มากับเส้นสายที่คมชัด โฉบเฉี่ยวและดูปราดเปรียว จุดเด่นอยู่ที่กระจังหน้าสีดำ Glossy Black โลโก้ Isuzu สีแดง ไฟหน้า Bi-Beam LED Projector ปรับระดับไฟหน้า สูง-ต่ำอัตโนมัติ มาพร้อมระบบไฟหน้า Follow Me Home สเกิร์ตกันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ สติ๊กเกอร์คาดหน้า-หลัง พร้อมสัญลักษณ์ X บันไดข้างแบบชิ้นเดียว สปอร์ตบาร์สีเดียวกับตัวรถ กันชนท้ายแบบ Integrated Bumper ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยสีดำ Glossy Black ขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 265/60R18
ภายในห้องโดยสารของมาตรวัดแบบ Super Vision จอแสดงข้อมูลการขับขี่ แบบ TFT พวงมาลัยมัลติฟังช์ชั่นหุ้มหนังเดินด้ายแดง พร้อมสัญลักษณ์ Isuzu สีแดง คอนโซลหน้าสี Piano Black-แดง พร้อมสัญลักษณ์ X เบาะนั่งหุ้มด้วยกึ่งหนังแท้ ปรับระดับสูง-ต่ำได้ เบาะนั่งด้านหลังแบบพับขึ้นได้ 60:40 พร้อมที่พักแขน หน้าอินโฟเทนเมนท์สัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
สมรรถนะเครื่องยนต์
Isuzu D-Max X-Series 2021 Hi-Lander จะมากับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบ Rev Tronic เป็นแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง B20
ระบบช่วงล่างด้านหน้าใหม่แบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone พร้อมคอยสปริง ออกแบบจุดยึดปีกนกสูงขึ้น ลดอาการโยนตัว และสามารถเขาโค้งดวยความเร็วได้อยางมั่นใจ ช่วงล่างหลังแหนบยาวแบบ Long Span ผลิตด้วยเทคโนโลยี WSSP (Warm Stress Shot Peening) ช่วยให้ตัวแหนบมีความแข็งแกรง ทนทานกว่า ยืดหยุนดีขึ้น
Isuzu D-Max X-Series Hi-Lander ราคาจำหน่าย
-
Isuzu D-Max X-Series 1.9 Z Hi-lander 6MT 4 ประตู ราคา 932,000 บาท
-
Isuzu D-Max X-Series 1.9 Z Hi-lander 6AT 4 ประตู ราคา 967,000 บาท
7. ISUZU D-MAX V-Cross 4x4 3.0 M Double Cab
ISUZU D-MAX V-Cross 4x4 3.0 M Double Cab มาลุคที่ดูสปอร์ตพรีเมี่ยม ชุดไฟหน้า Bi-Beam LED Projector มาพร้อมกับระบบปรับระดับไฟหน้า สูง-ต่ำ และเปิด-ปิดอัตโนมัติ เสริมด้วยระบบไฟหน้า Follow Me Home เพิ่มความหรูหราด้วยไฟ DRL แบบ Built in ชุดไฟท้าย Dual-Sonic LED แบบ Clear Lens ให้ความสว่างชัดเจนมากขึ้น กันชนท้ายแบบ Integrated Bumper ที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยสีดำ Matte Black ขนาด 18 นิ้ว
ดีไซน์ห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมี่ยมสีดำ Piano Black และสี Satin Chrome หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว หน้าจอระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto รวมทั้งระบบนําทางแผนที่แบบ Built-in Navigator พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง
เบาะนั่งคู่หน้าติดตั้งเทคโนโลยี AVEC (Anti Vibration Elastic Comfort) ที่ซับแรงสั่นสะเทือน ลดความเมื่อยล้า ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางที่ฝั่งคนขับ เบาะที่นั่งตอนหลัง นั่งสบายด้วยเบาะรองนั่งที่ยาวขึ้น ปรับเพิ่มองศาพนักพิงให้รับกับทุกสรีระได้ดีขึ้น พร้อมที่วางแก้วตรงกลางระหว่างผู้โดยสาร ระบบปรับอากาศอัตโนมัติใหม้แบบ Dual Zone ควบคุมอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์สําหรับ ผู้โดยสารด้านหลัง
สมรรถนะเครื่องยนต์
ในส่วนพละกำลังของ IISUZU D-MAX V-Cross 4x4 3.0 M Double Cab ถูกติดตั้งเครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power 4JJ3-TCX ที่ให้กำลังสูงุสด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแบบ Rev-Tronic เป็นแบบระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมระบบ Terrain Command ที่ทำงานด้่นการหมุนผ่านสวิตช์ที่ติดตั้งอยู่ภายในห้องโดยสาร นอกจากนั้นยังได้ติดตั้งระบบ Eletronic Diff-Lock หรือระบบล็อกเฟืองท้ายที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง B20
ระบบช่วงล่างถูกออกแบบใหม่ที่สามารถลุยน้ำลึกได้ถึง 800 มิลลิเมตร โดยช่วงล่างด้านหน้าจะเป็นแบบอิสระะปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลงพร้อมโช๊คอัพแก๊ส ส่วนระบบช่วงล่างด้านหลังจะเป็นแหนบแผ่นรูปครึ่งวงรี พร้อมโช๊กอัพแก๊ส
ISUZU D-MAX V-Cross Double Cab 4 ประตู ราคาจำหน่าย
-
ISUZU D-MAX V-Cross 3.0 Ddi Z 4-Door ราคา 981,000 บาท
-
ISUZU D-MAX V-Cross 3.0 Ddi ZP 4-Door ราคา 1,096,000 บาท
-
ISUZU D-MAX V-Cross 3.0 Ddi M A/T 4-Door ราคา 1,164,000 บาท
8. Ford Ranger FX4 Max Double Cab
Ford Ranger FX4 Max รถกระบะสายพันธุ์โหดจากอเมริกา ตัวใหม่ล่าสุดที่เข้ามาเติมเต็มไลน์อัพของทาง Ranger กับการตกแต่งพิเศษในสไตล์ออฟโรดที่เหมือนถอดแบบมาจาก Ford Ranger Raptor
Ford Ranger FX4 Max เป็นรถกระบบแบบ 4 ประตู ที่มากับชุดแต่งสปอร์ตออฟโรดรอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าสีเทาเข้มพร้อมตัวอักษร FORD ขนาดใหญ่ ขนาบข้างด้วยไฟหน้าแบบ LED โปรเจกเตอร์ พร้อมไฟ DRL ที่เป็น LED เสริมด้วยชุดแต่งรอบคันสีเทาเข้มทั้งฝาครอบกระจกมองข้าง มือจับประตู ซุ้มล้อ และกันชนท้าย ด้านข้างตัวรถติดตั้งบันไดข้างโลหะสีดำแบบออฟโรดพร้อมผิวกันลื่น ซุ้มล้อสีดำแบบใหม่ ที่รองรับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ปิดท้ายในสไตส์ออฟโรดด้วยโรลบาร์ขนาดใหญ่สีดำด้าน
ภายในห้องโดยสารเบาะนั่างหุ้มวัสดุ Alcantara สลับหนังสังเคราะห์ ปักเป็นโลโก้ FX4 Max ลายคาร์บอน โดยเบาะนั่งคนขับปรับตำแหน่งได้ 6 ทิศทาง และปรับเบาะนั่งผู้โดยสารได้ 4 ทิศทาง แป้นเหยียบสไตล์สปอร์ตแบบเดียวกับ Raptor หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay มาออฟโรด Upfitter สวิตซ์ ที่มีช่องต่อ AUX ถึง 6 ตำแหน่ง และระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC3 ภาษาไทย
สมรรถนะเครื่องยนต์
Ford Ranger FX4 Max Double Cab ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ด้านสมรรถนะการรองรับน้ำหนักสามารถบรรทุกน้ำหนักได้สูงสุด 981 กิโลกรัม และรองรับน้ำหนักลากจูงได้สูงสุด 3,500 กิโลกรัม รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง B20
ในระบบช่วงล่างที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของ Ford Ranger FX4 Max Double Cab เป็นระบบช่วงล่างที่ยกมาจาก Ford Ranger Raptor แต่ทำการปรับเซทใหม่ เสริมแกร่งระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น ด้วยโช้คอัพ FOX Shock ขนาด 2 นิ้ว แบบโมโนทิวบ์ และเหล็กกันโคลงขนาด 29 มม. และด้านหลังแบบแหนบซ้อน พร้อม FOX Shock ขนาด 2 นิ้ว เสริมด้วยซับแทงค์ ที่จะช่วยดูดซับแรงกระแทกขณะขับขี่บนเส้นทางออฟโรด
Ford Ranger Double Cab ราคาจำหน่าย
-
Ford Ranger FX4 Max Double Cab ราคา 1,189,000 บาท
9. Ford Ranger Raptor X
Ford Ranger Raptor X เป็นกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง แบบ 4 ประตู ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งภายนอกและภายใน ในส่วนชุดอุปกรณ์ยังคงอยู่ครบเหมือนในรุ่นที่ผ่านมา
ภายนอกโดดเด่นด้วยสติกเกอร์กราฟฟิกสไตล์ Over the Top รอบคัน ทั้งบริเวณฝากระโปรงหน้า หลังคา ประตูกระบะท้าย และด้านข้างรอบตัวรถ เสริมความดุดันด้วยชุดพาร์ทแต่งรอบคันสีดำ เริ่มจากที่กระจังหน้า กันชนหน้า มือเปิดประตูภายนอก ฝาครอบกระจกมองข้าง มือจับฝากระบะท้าย คิ้วซุ้มล้อ ส่วนบันไดข้างทำจากอะลูมิเนียมอัลลอย เติมเต็มความเป็นออฟโรดพันธุ์โหดด้วยโรลบาร์แบบยาวสีดำ มาพร้อมชุดหูลากหน้ารถสีแดงสไตล์สปอร์ต และโลโก้ฟอร์ดสีดำบนฝาท้ายกระบะ ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยสีดำ แอสฟอล์ต แบล็กขนาด 17 นิ้ว
ภายในสไตล์สปอร์ต ตกแต่งด้วยวัสดุ Soft Touch เบาะนั่งทรงสปอร์ตหุ้มด้วยหนังแท้ผสมหนังกลับสีทูโทน เดินด้วยด้ายตะเข็บสีแดง ทั่วทั้งห้องโดยสารทั้งในส่วนคอนโซลหน้า พวงมาลัย แผงประตูนอกจากนั้นที่แผงคอนโซลและแผงประตูตกแต่งด้วยลาย Hydrographic พร้อมกับตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ Black Alley
สมรรถนะเครื่องยนต์
Ford Ranger Raptor X ยังใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบ Terrain Management System (TMS) ที่มีโหมดการขับขี่ 6 รูปแบบ โช้คอัพแบบ Position Sensitive Damping (PSD) ของทาง FOX มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนหลังแบบ watt-link ที่รองรับการขับขี่ออฟโรดที่ความเร็วสูง รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง B20
Ford Ranger Raptor X ราคาจำหน่าย
-
Ford Ranger Raptor X ราคา 1,729,000 บาท
10. Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 2.4 GT Premium 6AT
Mitsubishi Triton Double Cab 4WD GT Premium AT กระบะ 4 ประตู คันเก่งจากค่าย Mitsubishi ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่ง และทันสมัย โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Dynamic Shield ชุดไฟหน้า Projector Lens แบบ Bi-LED ที่มีระบบเปิดปิดอัตโนมัติ และระบบปรับระดับไฟหน้าสูงต่ำอัตโนมัติ มาพร้อมไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Running Lights ไฟตัดหมอกคู่หน้า เสริมด้วยสปอยเลอร์หน้าและฝากระโปรงหน้าดีไซน์ใหม่ ชุดไฟท้ายและไฟเบรกจะเป็นแบบ LED พร้อม LED Light Guide สปอยเลอร์หลังทรงสปอร์ต ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว แบบทูโทน รัดด้วยยาง 265/60 R18
การออกแบบภายใน ตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม เบาะนั่งดีไซน์ให้โอบกระชับรับกับทุกสรีระ ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางด้านคนขับ พวงมาลัยมัลติฟังช์ชั่น มาพร้อม Paddle Shift หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี พร้อม 3D Animation หน้าจออินโฟเทนเม้นท์แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน SDA พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth แบบ A2DP กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
สมรรถนะเครื่องยนต์
Mitsubishi Triton Double Cab 4WD GT Premium 6AT ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 ความจุ 2.4 ลิตร VG Turbo Diesel ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร ผสานการทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม SPORT MODE พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (Super Select 4WD II) แบบ Diff-Lock สามารถปรับเปลี่ยนเป็นการขับเคลื่อน 2 ล้อได้โดยรถไม่ต้องหยุดนิ่ง รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง B20
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังมากับแหนบแผ่นซ้อนพร้อมโช๊คอัพไขว้
Mitsubishi Triton Double Cab ราคาจำหน่าย
-
Mitsubishi Triton Double Cab 2.5 GLX 5MT ราคา 682,000 บาท
-
Mitsubishi Triton Double Cab Plus 2.4 GLS 6MT ราคา 824,000 บาท
-
Mitsubishi Triton Double Cab Plus 2.4 GT 6MT ราคา 883,000 บาท
-
Mitsubishi Triton Double Cab Plus 2.4 GLS 6AT ราคา 887,000 บาท
-
Mitsubishi Triton Double Cab Plus 2.4 GT 6AT ราคา 933,000 บาท
-
Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 2.4 GLS 6MT ราคา 945,000 บาท
-
Mitsubishi Triton Double Cab Plus 2.4 GT Premium 6AT ราคา 995,000 บาท
-
Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 2.4 GT Premium 6AT ราคา 1,109,000 บาท
11. MG Extender Double Cab
ปิดท้ายกันด้วย MG Extender Double Cab โฉมใหม่ได้รับการเปิดตัวเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา โดย MG Extender โดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมทรงแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่ มาพร้อมด้วยโลโก้ MG ทรงแปดเลี่ยมขนาดใหญ่ กันชนหน้าและกันชนหลังสีเดียวกับตัวรถ
ไฟหน้าแบบ 2 ชั้น โดยด้านบนจะเป็นไฟ Daytime Running Light มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และไฟหน้าปรับเลี้ยวตามองศาการหมุนพวงมาลัย และไฟเลี้ยวและชุดไฟตัดหมอก เป็นแบบ LED ทั้งระบบ นอกจากนั้นในส่วนซุ้มล้อหน้า และฝากระโปรงหน้าออกแบบใหม่ เสริมสไตส์ออฟโรดด้วย บันไดข้างสีดำ ราวหลังคา ล้ออัลลอยสีทูโทนปัดเงา ขนาด 18 นิ้ว หุ้มด้วยยางขนาด 255/60 R18 ส่วนดีไซน์ท้ายรถมาพร้อมกับไฟท้าย LED Signature ฝาปิดกระบะมีการตกแต่งด้วยแถบสีดำ-แดงให้ความสปอร์ต มาพร้อมมือเปิดสีโครเมียม และโลโก้ MG ทรงแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่
ภายในห้องโดยสารมาในแบบสีทูโทนดำ-น้ำตาล ตกแต่งด้วยวัสดุ Soft Touch ตามจุดต่าง ๆ แผงหน้าปัดดีไซน์สปอร์ต เบาะนั่งใหม่สีทูโทน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น หน้าจออินโฟเทนเมนท์ระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART
เบาะนั่งคู่หน้าระบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะหลังสามารถปรับพับได้ พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง ปรับได้แค่ 2 ทิศทางขึ้นและลง จอหน้าปัดเรือนไมล์เป็นแบบเข็มเรืองแสง Optitron ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
สมรรถนะเครื่องยนต์
ด้านขุมพลังของ MG Extender Double Cab ยังคงใช้เครื่องยนต์ดีเซล TCDI ขนาด 2.0 ลิตร Turbo ที่ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังเป็นชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกทั้ง Normal, ECO และ Power ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบ 2 ล้อ (2WD) และ 4 ล้อ (4WD Part-Time) รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง B20
ด้านระบบช่วงล่างแบบ European Tuning Suspension ด้านหน้าอิสระปีกนกคู่ ระบบช่วงล่างหลังเป็นแหนบแบบแผ่นซ้อน
MG Extender Double Cab ราคาจำหน่าย
- MG EXTENDER DC GRAND D 6MT ราคา 769,000 บาท
- MG EXTENDER DC GRAND X 6AT ราคา 889,000 บาท
- MG EXTENDER DC GRAND 4WD X 6AT ราคา 1,039,000 บาท
มาถึงตรงนี้ใครชอบรุ่นไหน แบรนด์ใด ก็ลองเปรียบเทียบกันดู หากตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อ "รถกระบะ 4 ประตู" แน่ ๆ ก็อย่าลืมไปทดลองขับคันจริงดูก่อน เพื่อเก็บข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจอีกครั้งนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก : nissan.co.th, isuzu-tis.com, (2), ford.co.th, (2), mitsubishi-motors.co.th, mgcars.com, mazda.co.th, toyota.co.th, (2), (3)