10 รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก ปี 2021

อัปเดต 10 รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก ปี 2021 บอกเลยว่าเด็ดและพรีเมียมทุกคัน ส่วนจะมีรุ่นไหนบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย  

ในทุก ๆ ปีจะมีรถทยอยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่ามีทั้งรถที่ราคาถูกจับต้องได้ง่าย รวมไปถึง รถแรง รถหรู ราคาแพงระดับเป็นหลายล้านบาท ซึ่งบางคันมีเงินอย่างเดียวก็ใช่ว่าจะได้มาครอบครองกันอย่างง่าย ๆ เพราะเป็นรุ่นที่ผลิตมาในจำนวนจำกัด หรือผลิตตามออเดอร์เท่านั้น เราไปดูกันว่า 10 รถยนต์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ปี 2021 มีรุ่นอะไร จากค่ายไหนกันบ้าง และราคาค่าตัวอยู่ที่เท่าไหร่ โดยเรียงจากรถที่มีราคาแพงน้อยสุดไปหามากที่สุด ดังนี้

เปิดหัวกันด้วยลำดับที่ 10 Bentley Bacalar รถเปิดประทุนรุ่นพิเศษจากเกาะอังกฤษ เรียกได้ว่าเป็นรุ่นอัลตร้า-เอ็กซ์คลูซีฟ ผลงานของแผนก Bentley Mulliner ที่เป็นแผนกผลิตตัวถังรถที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลก ชื่อรถและแนวคิดในการออกแบบสื่อถึงสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง อย่างทะเลสาบบาคาลาร์ (Bacalar) ในประเทศเม็กซิโก

Bentley Bacalar ได้แรงบันดาลใจมาจากรถคอนเซ็ปต์ EXP 100 GT ตัวรถเป็นแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง สไตล์ Grand Tourer ตัวถังผลิตแบบวัสดุผสม ชิ้นประตูและซุ้มบังโคลนผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนพื้นที่ด้านหลังเบาะหรือที่เรียกว่า deck ถูกทำขึ้นจากอลูมิเนียม

อีกหนึ่งความพิเศษของ Bentley Bacalar อยู่ที่วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร โดยในส่วนแผงแดชบอร์ดนั้นตกแต่งด้วยชิ้นไม้ Riverwood อายุ 5,000 ปี ที่มาจากที่ราบ The Fens ในประเทศอังกฤษ ถูกประกอบขึ้นด้วยมือทุกขั้นตอน 

ในด้านพละกำลังของ Bentley Bacalar จะมากับเครื่องยนต์เบนซิน W12 TSI ความจุ 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้กำลัง 650 แรงม้า มาพร้อมกับแรงบิด 900 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ ดูอัลคลัทช์ 8 สปีด ไปยังล้อทั้ง 4 แบบ all-wheel drive

Bentley Bacalar รถเปิดประทุนรุ่นพิเศษนี้ถูกผลิตขึ้นมาเพียง 12 คันเท่านั้น ราคาจำหน่าย 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 83.6 ล้านบาท

Pininfarina Battista สุดยอดไฮเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้าสัญชาติอิตาลี ที่ได้ชื่อว่าเร็วและทรงพลังที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา

ด้านตัวรถออกแบบให้ดูล้ำสมัย ทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัดุคาร์บอนไฟเบอร์ โดยไฮไลท์สำคัญของ Pininfarina Battista นั้นอยู่ที่ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 4 ตัว ที่ประจำการแต่ละล้อ มาพร้อมกับแบตเตอรี่แพคที่เป็นแบบ ลิเธียม แมงกานีส นิคเกิล ระบายความร้อนด้วยของเหลว ขนาดความจุ 120 กิโลวัตต์/ชม. ซึ่งสามารถขับได้ไกลถึง 500 กม./การชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และให้กำลังสูงสุดถึง 1,900 แรงม้า แรงบิด 2,300 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ไม่ถึง 2 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารถ F1 พร้อมกับเร่งความเร็วจาก 0-300 กม./ชม. ที่ใช้เวลาน้อยกว่า 12 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดนั้นอยู่ที่ 350 กม./ชม.

Pininfarina Battista ไฮเปอร์คาร์ EV จากประเทศอิตาลี มีเพียง 150 คัน และมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 83.6 ล้านบาท

Aston Martin Valkyrie ไฮเปอร์คาร์ขุมพลังไฮบริดจากเกาะอังกฤษ ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากความร่วมมือกันของ Red Bull Advanced Technologies และ Cosworth ทำให้ Valkyrie กลายเป็นหนึ่งในไฮเปอร์คาร์สุดทรงพลัง 

Aston Martin Valkyrie คันนี้เป็นไฮเปอร์คาร์มีน้ำหนักตัวเบาที่สุด โดยมีน้ำหนักตัวเพียง 1,000 กิโลกรัม และมีอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักที่ 1: 1 นอกจากนี้ทาง Aston Martin ยังเผยอีกไฮเปอร์คาร์ขุมพลังไฮบริดจะมีแรงกดถึง 1,816 กิโลกรัม ในช่วงตอนที่รถมีความเร็วสูงสุด

ในด้านพละกำลังของ Aston Martin Valkyrie ตัวนี้มีความร้อนแรงจากเครื่องยนต์ V12 ขนาดความจุ 6.5 ลิตร ที่พัฒนาโดย Cosworth ที่ให้กำลังมากถึง 1,000 แรงม้า มาพร้อมกับแรงบิด 740 นิวตันเมตร ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้แรงม้าอยู่ที่ 160 แรงม้า กับแรงบิด 280 นิวตันเมตร ส่งผลให้ไฮเปอร์คันนี้มีกำลังมากถึง 1,160 แรงม้า มากับแรงบิดที่พุ่งไปถึง 900 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที ส่วน Top Speed จะอยู่ที่ 321 กม./ชม. 

Aston Martin Valkyrie ผลิตออกมาในจำนวนจำกัดเพียง 150 คัน และมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 107 ล้านบาท

Lykan Hypersport เป็นไฮเปอร์คาร์ที่ติดในลิสต์รถราคาแพงมาหลายปี จัดให้อยู่ในลำดับที่ 7 ถูกผลิตขึ้นจากทาง W Motors สิ่งที่ทำให้ Lykan Hypersport ดังเป็นพลุแตกก็คงมาจากหนังแฟนไชส์ Fast & Furiou ที่ทาง Paul Walker และ Vin Diesel ขับเจ้า Lykan Hypersport  สีแดงเพลิงวิ่งทะลุตึก Etihad Tower

สิ่งที่โดดเด่นของ Lykan Hypersport คือตัวรถถูกสร้างขึ้นจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคันอีกทั้งในทุกขั้นตอนการประกอบทำด้วยมือ และที่โดดเด่นคือส่วนไฟหน้า LED ยังตกแต่งด้วยเพชรขนาด 15 กะรัต จำนวนถึง 420 เม็ด 

ด้านขุมพลังของ Lykan Hypersport มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 3.7 ลิตรแบบทวินเทอร์โบ ที่กำลังมากถึง 750 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 960 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด PDK Dual-clutch ส่งผลทำให้มีอัตราเร่งได้จาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 385 กม./ชม. 

Lykan Hypersport ไฮเปอร์คาร์จากประเทศเลบานอน มีเพียง 7 คันเท่านั้นในโลกนี้ โดยจะมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 3.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 113 ล้านบาท 

Pagani Huayra Roadster BC ไฮเปอร์คาร์เวอร์ชั่นเปิดประทุนโมเดลท็อปไลน์ที่ทรงพลังที่สุดในตระกูล Huayra จากประเทศอิตาลี นอกจากนั้นยังจัดว่าเป็นไฮเปอร์คาร์โรดสเตอร์ที่สวยติดอันดับเบอร์ต้น ๆ ของรถในกลุ่มเดียวกัน

โครงสร้างตัวถังถูกทำขึ้นจาก Carbon fiber และ Carbon-Titanium ที่ช่วยให้มีความแข็งแกร่งและมีน้ำหนักที่เบา ส่งผลให้ตัวรถนั้นมีน้ำหนักอยู่ที่ 1,250 กก. อีกทั้งในการออกแบบดีไซน์ตัวรถนั้นยังช่วยสร้างแรงกดได้สูงถึง 500 กก. ที่ความเร็ว 280 กม./ชม.

ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นมากับความหรูหราตกแต่งด้วยวัสดุจากไม้ คาร์บอนไฟเบอร์ และหนังคุณภาพสูง โดยที่ส่วนหัวเกียร์ถูกทำจากไม้ ด้านเบาะนั่ง แผงประตู รวมถึงคอนโซลตกแต่งด้วยหนังเกรดพรี่เมี่ยม 

ในด้านขุมพลังของ Huayra Roadster BC เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V12 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ เทคโนโลยีของ AMG รีดพละกำลังสูงสุด 802 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,050 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติกึ่งธรรมดา Xtrac แบบ 7 สปีด

Pagani Huayra Roadster BC รถแรงจากอิตาลีคันนี้ ถูกผลิตขึ้นเพียง 40 คัน และมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เคาะเป็นเงินไทย ก็ตกประมาณ 117 ล้านบาท 

มาถึงครึ่งทางกันแล้ว ในลำดับที่ 5 ได้แก่ Lamborghini Veneno ซูเปอร์คาร์ที่ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกบนเวที Geneva Motor Show 2013 ในฐานะรถรุ่นพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของการก่อตั้งบริษัท ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัวมาจนถึงปัจจุบันก็ยังคงติดอันดับ 1 ใน 10 ของรถที่มีราคาแพงที่สุดในโลก  

โครงสร้างตัวรถของ Lamborghini Veneno เป็นแบบโมโนค็อกผลิตด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ ตัวถังด้านนอกทำจากพลาสติกเกรดพรีเมี่ยม แล้วเสริมความแข็งแรงด้วยคาร์บอนไฟเบอร์เพิ่มเข้าไปอีก 1 ชั้น  เช่นเดียวกับภายในห้องโดยสารทุกชิ้นส่วนถูกตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ เบาะที่นั่งถูกหุ้มด้วยหนังที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษที่เรียกว่า Carbonskin 

Lamborghini Veneno จะมากับขุมพลังเครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 740 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 609 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ภายใน 2.9 วินาที มีรูปแบบตัวถังให้เลือกทั้งคูเป้และเปิดประทุน และถูกสร้างขึ้นมาเพียง 14 คันเท่านั้น ด้านราคาค่าตัวอยู่ที่ 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 150 ล้านบาท

เข้ามาสู่ลำดับที่ 4 เป็นยอดยนตรกรรมจากประเทศสวีเดน Koenigsegg CCXR Trevita ที่เป็นซูเปอร์คาร์รุ่นสูงสุดในตระกูล CCX ที่ถูกผลิตออกมาเพียงแค่ 2 คันบนโลก และหนึ่งผู้ที่ได้ครอบครองก็คือ นักชกชื่อดังอย่าง ฟลอยด์ เมเวทเธอร์ จูเนียร์ โดย Koenigsegg CCXR Trevita ถูกเปิดตัวในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี 2006

Koenigsegg CCXR Trevita ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก Koenigsegg CCX ความพิเศษของ Koenigsegg CCXR Trevita คือตัวถังทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่เป็นเส้นใยสีขาวประกายสะท้อนแสงเหมือนกับเพชร แทนที่จะเป็นเส้นใยสีดำแบบทั่วไป ส่งผลทำให้ตัวรถดูแวววาว และมีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่ง 

ในด้านพละกำลังติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ความจุ 4.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 1,004 แรงม้า มาพร้อมอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา  2.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดนั้นอยู่ที่  410 กม./ชม.

ส่วนราคาค่าตัวของ Koenigsegg CCXR Trevita นั้นจะอยู่ที่ 4.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 160 ล้านบาท และในรุ่นนี้จะมีเพียง 2 คันเท่านั้น 

Mercedes-Maybach Exelero รถแบรนด์หรูจากเยอรมนี ที่ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อปี 2004 ในรูปแบบ one-off หรือที่เรียกว่ามีคันเดียวในโลก

รถสปอร์ตรุ่นต้นแบบรุ่นคันนี้เป็นโปรเจกต์ที่ทาง Maybach แบรนด์รถยนต์หรูของ Mercedes-Benz และ Fulda บริษัทยางในเครือ Goodyear ในเยอรมันร่วมกันพัฒนาเพื่อแสดงถึงความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ถูกผลิตขึ้นจากพื้นฐานของ Mercedes Benz Maybach 57

ในด้านการออกแบบตัวรถเป็นฝีมือของทีมงานของ Maybach กับนักเรียนออกแบบที่วิทยาลัยฟอร์ซไฮม์ (Pforzheim) และได้ทาง สโตลา (Stola) สำนักออกแบบชื่อดังของเมืองตูริน ประเทศอิตาลีรับหน้าที่ในการผลิตในส่วนของตัวถัง ในด้านมิติตัวรถมีความยาว 5,890 มม. กว้าง 2,140 มม.สูง 1,390 มม. ระยะฐานล้อ 3,390 มม. และมีน้ำหนัก 2,660 กิโลกรัม

Mercedes-Maybach Exelero ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นรถทดลองสำหรับทดสอบยางรุ่นใหม่แบบสปอร์ตที่รองรับกับการใช้งาน HI Performance ที่ระดับความเร็วมากกว่า 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งจากการผลการขับที่ได้รับการรับรองโดยสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ FIA นั้น Maybach Exelero สามารถทำความเร็วถึง 351.45 กม./ชม. ที่ในสนามนาร์โด ประเทศอิตาลี

โดยขุมพลังของ Mercedes-Maybach Exelero นั้นติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน V12 ขนาด 5.9 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 690 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,020 นิวตันเมตร  มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 4.4 วินาที

ส่วนราคาค่าตัวของ Mercedes-Maybach Exelero ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพียงคันเดียวสำหรับการทดสอบยางนั้น มีราคาอยู่ที่ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 267 ล้านบาท

Bugatti La Voiture Noire รถสปอร์ตสัญชาติฝรั่งเศส ที่เป็นแชมป์เก่าเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา โดยในปีนี้ตกลงมา 1 อันดับ 

Bugatti La Voiture Noire มีความหมายในภาษาฝรั่งเศษที่แปลว่า “รถยนต์สีดำ” ตัวถังรถนั้นมีพื้นฐานมาจาก Chiron และได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรถคลาสสิคระดับตำนาน อย่าง Type 57SC Atlantic ตัวถังรถนั้นเป็นคาร์บอนไฟเบอร์

สำหรับ Bugatti La Voiture Noire รุ่นพิเศษ 1 เดียวในโลกคันนี้ ตัวรถถูกสร้างขึ้นมาจากพื้นฐานของ Bugatti Chiron ในส่วนตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่ขึ้นรูปด้วยมือ ดีไซน์ภายนอกตกแต่งแบบมินิมอลที่ดูเรียบง่ายแต่ดุดัน ด้วยการใช้สีดำล้วน กระจังหน้ารูปเกือกม้าถูกออกแบบใหม่ให้มีความเด่นชัดมากกว่ารุ่นพื้นฐาน พร้อมเปลี่ยนทรงช่องดักลมหน้าใหม่ ชุดไฟ LED ทรงเพรียวบางถูกวางอยู่เหนือซุ้มล้อหน้า ส่วนด้านท้ายโดดเด่นด้วยชุดไฟท้าย LED ที่พาดยาวเต็มขอบฝาท้าย มาพร้อมปลายท่อไอเสีย 6 ช่อง ในแบบรถคลาสสิคในอดีต

ในด้านพละกำลังยังคงมากับเครื่องยนต์เบนซิน W16 สูบ ความจุ 8.0 ลิตร Quad-Turbo ทำกำลังได้ 1,500 แรงม้า และแรงบิด 1,600 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีด ลงสู่ล้อทั้ง 4 ให้ทำความเร็วสูงสุดที่ 380 กม./ชม. 

ด้านราคาของ Bugatti La Voiture Noire นั้นถูกตั้งไว้ที่ 18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 625 ล้านบาท

และก็มาถึงลำดับที่ 1 ของรถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก ปี 2021 ตกเป็นของสุดยอดแบรนด์หรูจากประเทศอังกฤษ Rolls-Royce กับรุ่น Rolls-Royce Boat Tail ยนตรกรรมรุ่นสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ ที่มาพร้อมการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือยอร์ชระดับ J Class

Rolls-Royce Boat Tail รถคัสตอมรุ่นพิเศษ ที่มีเพียง 3 คัน โดยทุกคันจะถูกสร้างขึ้นบนโครงสร้างเดียวกัน แต่จะตกแต่งให้แตกแต่งกันไปตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งทางลูกค้าจะมีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ และปรับแต่งได้ทุกขั้น

Rolls-Royce Boat Tail ในส่วนโครงสร้างตัวรถจะเป็นอลูมิเนียมที่ขึ้นรูปด้วยมือ พร้อมกับถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Architecture of Luxury ที่เป็นอลูมิเนียมสเปซเฟรมที่จะอยู่บนตัว Rolls-Royce Phantom ตัวรถถูกออกแบบให้มีสีทูโทนที่เป็นสีฟ้า ตัดด้วยสีดำที่ฝากระโปรงหน้า สิ่งที่โดดเด่น จะเป็นในส่วนด้านท้ายของตัวรถปรับแต่งให้เหมือนกับส่วนของเรือยอร์ช ฝากระโปรงหลังนั้นถูกทำขึ้นจากไม้ Caleidolegno พร้อมกับปรับเปลี่ยนรูปแบบการเปิดใหม้ให้เป็นแบบปีกผีเสื้อ เมื่อเปิดขึ้นมาจะเป็นช่องเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตู้เย็น ช่องเก็บของ ที่เก็บช้อนส้อม และถ้วยจานชามที่สั่งทำจากทาง Christofle นอกจากนั้นยังเป็นที่เก็บโต๊ะค็อกเทลที่สามารถหมุนออกจากตัวรถได้ เก้าอี้พับที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์เป็นผลงานของ Promemoria แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชั้นนำจากอิตาลี

ภายในห้องโดยสารตกแต่งแบบไฮเอนด์ ผสมผสานกับการใช้ไม้ตกแต่งบริเวณช่วงล่างและพื้นภายห้องโดยสารทั้งหมด พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุสีมันวาว และไม้ Caleidolegno มาพร้อมกับนาฬิกา BOVET 1822 รุ่นพิเศษที่ผลิตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่นำมาติดตั้งไว้อยู่ตรงกลางแผงแดชบอร์ด ส่วนด้านพละกำลังของ Rolls-Royce Boat Tail จะมากับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน V12 ทวินเทอร์โบ ที่ให้กำลังแรงม้าอยู่ที่ 563 แรงม้า 

Rolls-Royce Boat Tail รถคัสตอนรุ่นพิเศษนี้เป็นอัครยานยนต์ จะสร้างขึ้นมาเพียง 3 คันเท่านั้น และมีราคาสูงถึง 28 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 935 ล้านบาท ส่งผลทำให้เจ้า Rolls-Royce Boat Tail นี้ขึ้นแท่นเป็นรถที่แพงที่สุดในโลกปี 2021 ไปแล้ว

และนี่ก็คือ 10 รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก ปี 2021 ซึ่งที่จริงแล้ว Bugatti เป็นค่ายรถที่ติด Top 10 รถที่มีราคาแพงมากที่สุด แต่ทางเราได้เลือกเฉพาะรุ่นที่แพงที่สุดของแต่ละแบรนด์มานำเสนอ โดยรถแต่ละคันนั้นจะมีเรตราคาเริ่มที่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปจนถึงถึงแพงสุดอยู่ที่ 28 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับว่าเป็นราคาที่แพงเอามาก ๆ ถ้าตีเป็นเงินไทย ยิ่งถ้านำเข้ามาในบ้านเรา จะต้องคูณภาษีอีกเท่าไหร่ มีราคาทะลุเป็นพันล้านบาทอย่างแน่นอน 

ขอบคุณข้อมูลจาก : motor1.com, startrescue.co.uk, clacified.com, luxe.digital